จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2264

“คนอย่างเจ้ามันอันตรายเกินไป! ดูท่าข้าไม่ควรจะคิดควบคุมเจ้าแต่แรก!”

หรงซีเยว่นั้นได้แต่ยิ้มเย้ยหยันในความคิดอันโง่เง่าก่อนหน้าของคนที่คิดตัวเองประเมินเย่หยวนจนสูงส่งแล้ว

ตัวตนของนางนี้ แม้แต่จะจัดการเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เองมันก็คงไม่ยากนัก

แต่ใครจะไปคิดว่าเทพสวรรค์คนหนึ่งกลับจะเอาชนะสี่จักรพรรดิเทพสวรรค์ไปและจับตัวนางไว้ได้ในพริบตา?

“สายไปแล้ว! พาข้าไปหาหนิงเทียนปิง!” เย่หยวนกล่าว

หนงซีเยว่นั้นส่ายหัวออกมา “ข้าจับตัวมันไว้ที่ตระกูลหลัก เจ้าจับข้าไว้ที่นี่แล้วให้ลุงซ่งพาตัวมันมาที่นี่!”

นางนั้นคิดอยากใช้หนิงเทียนปิงเพื่อกดดันใช้งานเย่หยวน ทำให้เย่หยวนต้องยอมทำตามที่นางต้องการ

เพราะฉะนั้นนางจึงได้เตรียมการกักขังหนิงเทียนปิงเป็นระยะยาวและส่งตัวเขากลับตระกูลหลักไป

เย่หยวนหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะบอก “ไม่ต้อง ข้าจะไปที่นั่นกับเจ้า!”

หรงซีเยว่หรี่ตาลงกล่าวสวนขึ้น “ไม่มีทาง! สายเลือดเร้นของข้านั้นอยู่อาสัยหลบซ่อนมานับล้านๆ ปีไม่เคยมีคนนอกคนใดจะเข้าไปได้ หากเจ้าไปแล้วข้าก็จะได้กลายเป็นคนบาปของสายเลือดเร้นพอดี!”

แต่เย่หยวนกลับยิ้มเย้ยออกมา “มันย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ ในเมื่อสายเลือดเร้นของพวกเจ้าออกมาจัดการเรื่องราวในโลกภายนอกเช่นนี้ เจ้าคิดหรือว่าจะยังหลบซ่อนได้ตลอดไป? ถึงเวลานี้แล้วจะไปหรือไม่นั้นมันไม่ใช่เจ้าแล้วที่เป็นคนตัดสิน”

พูดจบเย่หยวนก็ทุบมือลงบนหลังของหรงซีเยว่ก่อนจะโยนโอสถเม็ดน้อยตรงลงคอนางไป

“เจ้า!” หรงซีเยว่นั้นมองดูเย่หยวนด้วยความโกรธแค้นไม่พอใจ

“โอสถนี้มันมีนามว่าโอสถทุกข์ล่าชีวี มันเป็นพิษที่ข้าสร้างขึ้นมาเองกับมือ พิษนี้มันเป็นพิษที่จะเผากระดูกฝังตัวเข้าไปในทุกเนื้อเยื่อของร่างกายเจ้าทันทีอย่างไม่อาจรักษาหาย ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อมันแพร่ไปทั่วร่างกายของเจ้าแล้วมันจะยังแพร่เข้าไปสู่จิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าด้วยทำให้จิตของเจ้าค่อยๆ สลายตัวไม่อาจไปเกิดใหม่ได้อีกตลอดกาล เจ้าน่าจะรู้ว่าข้านั้นมีเต๋าโอสถในระดับใด หากไม่เชื่อจะลองให้ข้ากระตุ้นพิษมันดูก็ได้” เย่หยวนกล่าว

เมื่อหรงซีเยว่ได้กลืนพิษลงไปแล้วเย่หยวนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของนางอีก

เพราะความเป็นความตายของนางจากนี้มันจะอยู่ในมือเขาอย่างสิ้นเชิง

หรงซีเยว่ยิ้มเย้ยออกมา “เจ้าคิดว่าเจ้าจะยอมถูกเจ้าขู่หรือ? ต่อให้ข้าจะตายข้าก็ไม่พาเจ้าไปที่ตระกูลหลัก!”

เย่หยวนมองดูหรงซีเยว่ด้วยรอยยิ้มจนทำให้ตัวนางต้องขนลุกไปทั้งกาย

จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมา “ดูท่าเจ้าจะยังไม่คิดเลิกขัดขืน! แต่ละตระกูลสายเลือดของพวกเจ้าเผ่าเทวานั้นจะมีแค่หนึ่งบุตรเทวะและหนึ่งบุตรีเทวะ พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างล้วนเป็นยอดอัจฉริยะที่จะขึ้นถึงระดับแปดลายได้สิ้น เผ่าเทวาของเจ้านั้นเดิมทีก็มีจำนวนไม่มากมายอยู่แล้ว ต่อให้จะมีเวลาขยายเผ่าพันธุ์ปานใดมันก็คงไม่อาจเทียบเคียงได้แม้แต่หนึ่งในหมื่นของมนุษย์ใช่ไหม? ข้าสงสัยเหลือเกินว่าการตายของบุตรีเทวะนี้มันจะส่งผลอย่างไรต่อสายเลือดเร้นพวกเจ้า?”

หากมิใช่เพราะการต่อสู้กับหยวนเจี่ยวแล้วเย่หยวนก็คงไม่มีทางรับรู้ถึงเรื่องราวในเผ่าเทวามากมายปานนี้

บุตรเทวะและบุตรีเทวะนั้นต่างเป็นตัวตนระดับสูงที่ไม่อาจพบเจอได้ง่ายๆ พวกเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นอนาคตของตระกูล

หากแค่มองดูท่าทางที่หยวนเจี่ยวมีต่อเยวี่ยเมิ่งลี่มันก็คงมากพอ

เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงมั่นใจว่าทางตระกูลสายเลือดเร้นนี้เองก็คงไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ มองดูหรงซีเยว่ตายไปแน่

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นตัวหรงซีเยว่ก็หน้านิ่งไปก่อนจะกล่าวออกมาด้วยสีหน้าของผู้แพ้

“เอาล่ะ เจ้าชนะ!”

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ข้าอยากได้ตัวอีกคน! หลี่จ้าวชิงนั้นมันคงเป็นคนของประตูวิญญาณมรณาใช่หรือไม่?”

เพราะเวลานี้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิฉายาฟ้ามันได้กลายเป็นฐานของประตูวิญญาณมรณาไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางใดเลยที่หลี่จ้าวชิงผู้นั้นมันจะมิใช่สมาชิกของประตูวิญญาณมรณา

และหากนึกย้อนกลับไป เย่หยวนก็สงสัยเสียด้วยซ้ำว่าความแค้นที่เกิดขึ้นระหว่างตัวโม่ลี่เฟยและหลี่จ้าวชิงผู้นี้บางทีมันอาจจะเป็นเพราะประตูวิญญาณมรณา

โม่ลี่เฟยนั้นตายลงเต๋าหายสิ้น เหลือเพียงแค่เสี้ยววิญญาณที่หลบรอดออกมาได้

หรงซีเยว่นั้นพยักหน้ารับ “ลุงซ่ง ท่านจัดการเรื่องนั้นด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ