ตบหน้า!
คำพูดนี้มันกล่าวเพื่อตบหน้ากันชัดๆ!
เย่หยวนพูดกล่าวเช่นนี้ออกมามันก็เหมือนเป็นการตบหน้าเหล่ายอดฝีมือเต๋าสวรรค์แปดลายทั้งหลายของเผ่าเทวาสิ้น
เผ่าเทวานั้นคิดว่าตัวเองสุดแสนยิ่งใหญ่ไม่คิดสนใจเผ่าพันธุ์อื่นอยู่ในสายตา
แต่เวลานี้มันกลับมีมนุษย์คนหนึ่งที่ก้าวข้ามอาณาจักรต่อสู้กับเหล่าเผ่าเทวาทั้งหลายได้
มันจะยังมีสิ่งใดน่าเจ็บใจไปมากกว่านี้?
หรูเฟิงนั้นได้แต่หน้าสั่นร้องกล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ “สหายหนุ่ม ไม่ว่าเจ้าจะมากพรสวรรค์ล้ำฟ้าดินปานใดสุดท้ายเจ้าก็ยังเป็นแค่เทพสวรรค์ มันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะมาทำตัวกร่างในเผ่าเทวาเราเช่นนี้หรอก!”
เย่หยวนหันกลับไปมองด้วยรอยยิ้มเย้ยเยาะ “เจ้าคือหนึ่งในเก้าผู้อาวุโสของตระกูลสายเลือดเร้น? เลิกมาวางท่าต่อหน้าเย่ผู้นี้เถอะ! มันมิใช่ว่าเย่ผู้นี้ไม่เคยปะทะกับคนเช่นเจ้ามาก่อน สุดท้ายมันก็ยังถูกข้าทำลายพลังบ่มเพาะลงไปถึงหนึ่งอาณาจักรมิใช่หรือ?”
เย่หยวนนั้นมิใช่คนที่ชอบอวดโม้เรื่องราวแต่เวลานี้จิตใจของเขามันรุ่มร้อนราวถูกไฟสุม มีความโกรธแค้นอย่างที่ไม่รู้จะไปลงที่ใดจึงต้องระบายมันออกมากับคนทั้งหลายนี้แทน
เผ่าเทวานี้คือเป้าหมายการระบายอารมณ์ที่เหมาะสมที่สุด
ทั้งเขานั้นยังไม่ได้โม้ว่าเกินตัว เรื่องที่กล่าวมีแต่ความจริงสิ้น
ต่อให้จะเป็นเก้าผู้อาวุโสประจำตระกูล มีหรือที่พวกเขาจะมีพลังอำนาจมากพอมาวางท่าต่อหน้าเขา?
ตอนที่เขาสู้กับหยวนเจี่ยวนั้นหยวนเจี่ยวก็มีสภาพสมบูรณ์พร้อมแต่สุดท้ายก็ถูกเย่หยวนทำร้ายจนพลังบ่มเพาะตกลงไปหนึ่งอาณาจักร
เวลานี้เย่หยวนบ่มเพาะขึ้นมาสูงล้ำกว่าเก่าไม่รู้กี่เท่า หากยอมที่จะใช้วิธีการเสี่ยงชีวิตนั้นอีกครั้งแล้วจะจัดการหรูเฟิงมันก็คงพอเป็นไปได้
ตัวตนของหรูเฟิงนั้นยิ่งใหญ่ปานใด? มีหรือที่เขาจะเคยถูกผู้คนเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน?
เขาจึงได้แต่หัวเราะขึ้นมา “เด็กน้อย เจ้าจะโม้อวดใดก็คิดถึงสภาพตัวเองก่อนเถอะ! หากมิใช่เพราะเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับบุตรเทวะแล้วเจ้าคงได้ตายไปแล้ว! พวกเจ้าไป! ไปเอาตัวไอ้มนุษย์คนนั้นมา!”
“ไม่ต้อง ข้าจะไปหาเขาเอง!” เย่หยวนร้องบอก
หรูเฟิงจึงตวาดออกมา “ไม่! มีหรือที่ตระกูลสายเลือดเร้นข้าจะปล่อยให้มนุษย์อย่างเจ้าเหยียบย่ำไปมากกว่านี้?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เรื่องนั้นเจ้าไม่มีสิทธิมาตัดสินใจหรอก!”
หรูเฟิงนั้นโกรธจนหน้าแดงหน้าดำร้องตะโกนลั่นออกมา “เด็กน้อย เจ้าอย่าคิดประเมินตัวเองสูงล้ำไป! หรือว่าเจ้าคิดว่าเผ่าเทวาเรานั้นไม่มีนักหลอมโอสถ?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไปด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ข้าจะให้โอกาสเจ้า เอาตัวหรงซีเยว่ไปและลองแก้พิษนี้ดูเถอะ ข้าจะไปหาหนิงเทียนปิงเอง หากเจ้ามีปัญญาแก้พิษของหรงซีเยว่จริงปล่อยข้าไปเดินเล่นกับหนิงเทียนปิงมันจะเป็นปัญหาใด?”
โอหัง!
อวดดี!
เย่หยวนนั้นคิดรังแก่เผ่าเทวาว่าไร้ผู้มากฝีมือ!
หรูเฟิงจึงยิ้มเย้ยออกมา “อวดดีโอหังนัก! เฒ่าคนนี้จะให้เจ้าได้ตายสมอยาก! กงหมิง เจ้าพามันไปหามนุษย์คนนั้น ข้าจะพาบุตรีเทวะไปล้างพิษ!”
กงหมิงก้มหัวรับ “ขอรับผู้อาวุโสที่สาม!”
หรงซีเยว่นั้นมองดูเย่หยวนด้วยสายตาตื่นตะลึงอยู่ไม่น้อย เพราะนางนั้นไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจู่ๆ เขาจึงได้เปลี่ยนท่าทางจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนั้น
นางนั้นเข้าใจได้ถึงกระดูกว่าเย่หยวนคงมีความแค้นใดกับเผ่าเทวาเป็นแน่
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังเคยปะทะกับคนเผ่าเทวามาก่อน
หรือว่าเขาจะเสียคนรักคนสนิทไปภายใต้ฝ่ามือของเผ่าเทวา?
เมื่อส่งเย่หยวนไปได้แล้วหรูเฟิงก็หันมากล่าวกับหรงซีเยว่ “เจ้าเด็กคนนั้นมันโอหังอวดฝีมือเหลือเกิน! เฒ่าคนนี้ไม่ได้รู้สึกมีจิตสังหารที่พุ่งพวยเช่นนี้มาไม่รู้กี่ปีแล้ว มันเป็นครั้งแรกจริงๆ!”
หรงซีเยว่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เดิมทีเขาไม่ได้เป็นเช่นนี้เลย ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนท่าทางไประหว่างทาง!”
หรูเฟิงนั้นยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่ต้องไปสนใจให้มากมาย ไม่ว่าจะอย่างไรเสียมันก็ตายแน่แล้ว! มาเถอะ ไปล้างพิษให้ท่านกัน”
พูดจบหรูเฟิงก็พาตัวหรงซีเยว่เดินเข้าไปภายในบ้านตระกูล
เผ่าเทวาเองมันก็ย่อมจะมียอดฝีมือการโอสถมากมายเช่นกัน หากให้พูดแล้วพิษของหรงซีเยว่มันก็คงพอมีวิธีรักษาให้หายได้
แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใดตัวนางกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
การที่เย่หยวนจะกล้าเดินทางมากับนางนี้ มันย่อมจะหมายความว่าเขามั่นใจในพิษนี้อย่างเหนือล้ำ
จะบอกว่าวิชาเต๋าโอสถของเย่หยวนมันเหนือล้ำกว่าเหล่านักหลอมโอสถแปดลายในตระกูลหรือ?
…
ห้องโอสถของตระกูลส่ายเลือดเร้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...