จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2338

หญิงสาวชุดแดงผู้นั้นผงะหน้าถามขึ้นมาอย่างเย็นเยือกทันที “สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์? นายท่านคิดหยอกล้อข้าเล่นแล้ว?”

เวลานี้มันยังมีนักยุทธอีกมากหลายที่กำลังเลือกซื้อดาบในศาลาดาบ เมื่อได้ยินคำพูดนั้นพวกเขาต่างก็ต้องหันหน้ามาดูเรื่องราวแทบพร้อมกัน

เพราะคนที่เข้ามายังมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้ล้วนแล้วแต่เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์สิ้น มีใครบ้างเล่าจะคิดใช้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์

แต่เจ้าหมอนี่มันกลับถามหาสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้น คงติดนิสัยยากจนมาแล้ว?

แต่เย่หยวนนั้นกลับกล่าวตอบกลับไปอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้คิดหยอกล้อใดๆ แม่นางเลย ข้าจริงจัง! จะอย่างไรเสียดาบในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันก็ก่อร่างขึ้นมาจากพลังงานวิญญาณและแนวคิดใช่หรือไม่ เช่นนั้นแล้วเมื่อมันสามารถจะสร้างได้แม้แต่สมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ มันก็คงสร้างสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ได้ไม่ยากใช่หรือไม่?”

เมื่อได้เห็นสีหน้าจริงจังของเย่หยวนนั้นหญิงสาวชุดแดงก็กล่าวตอบกลับมา “ได้นั้นมันย่อมได้ เพียงแค่ว่า… มันไม่เคยจะมีใครคิดซื้อสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาก่อน ที่สำคัญนายท่านคิดจะเอาสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ไปต่อสู้กับเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์หรือ? นี่มันเรื่องตลกชัดๆ”

ที่ด้านข้างนั้นชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็พูดแทรกขึ้นมา “ฮ่าๆ แม่นางฮงเย่ เจ้าดูไม่ออกจริงหรือ? เจ้าเด็กคนนี้มันจนแต้มไม่มีพอจะเอามาซื้อสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ยังไงเล่า!”

เย่หยวนนั้นำพยักหน้ารับอย่างไม่คิดใส่ใจ “ใช่ ข้านั้นเพิ่งมาถึงวันนี้และยังไม่มีแต้มเทพสงครามมากมาย เพราะฉะนั้นจึงต้องเอาสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาใช้ก่อน”

ฮงเย่นั้นอ้าปากขึ้นอย่างเข้าใจทันที “อ่า มันเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นท่านออกไปล่าพวกสัตว์ร้ายทั้งหลายเพื่อสะสมแต้มเทพสงครามก่อนก็ได้ สัตว์ร้ายแสงครามนั้นมีระดับต่ำที่สุดและค่อยกลับมาซื้อสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์เมื่อแต้มเพียงพอแล้ว”

สัตว์ร้ายแสงครามนั้นมันคือสัตว์ร้ายที่ระดับต่ำที่สุดในมิติสงครามดึกดำบรรพ์ นับได้ว่าอ่อนแอที่สุดเป็นแหล่งหาแต้มเทพสงสงครามของเหล่าผู้อ่อนแอทั้งหลาย

ทุกๆ ครั้งที่ฆ่าสังหารสัตว์ร้ายแสงครามได้ครบร้อยตัว คนผู้นั้นก็จะได้แต้มเทพสงครามมาหนึ่งแต้ม

แต่จะอย่างไรตัวสัตว์ร้ายแสงครามก็ไม่ใช้สัตว์ที่จะล่าได้ง่ายๆ อย่างที่ฮงเย่ว่า

พวกมันทั้งหลายนั้นจะอยู่รวมกันเป็นฝูงจำนวนนับร้อยๆ พันๆ

ที่สำคัญไปกว่านั้นที่บอกว่าอ่อนแอ มันก็แค่หากเทียบกับสัตว์ร้ายอื่นๆ ในที่นี้เท่านั้น

ต่อให้จะเป็นสัตว์ร้ายแสงครามนั้นมันก็ยังเก่งกาจกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์หนึ่งดาวทั่วๆ ไปมากนัก

สำหรับนักยุทธที่อ่อนแอนั้นการจะหาแต้มเทพสงครามมันมิใช่เรื่องง่ายๆ

“ฮ่าๆ แม่นางฮงเย่ ให้มันได้ซื้อตามใจมันเถอะน่า! เจ้าเด็กคนนี้มันแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาว หากคิดอยากได้แต้มพอจะซื้อสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์มันคงต้องใช้เวลาอีกไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี!” ชายร่างใหญ่นั้นกล่าว

เย่หยวนที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหันไปเลิกคิ้วมองหน้า

แต่อีกฝ่ายนั้นกลับตอกกลับมาด้วยท่าทางข่มขู่เต็มที่ “อะไรเล่าเด็กน้อย? ไม่ยอมรับหรือ? มองไปเถอะ! เจ้าเชื่อหรือไม่ล่ะว่าข้ากล้าจะสังหารเจ้าทันทีที่ได้เจอกันนอกเมือง?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ดี ข้าจะจำเจ้าไว้!”

เมื่อชายร่างใหญ่นั้นได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นขึ้น “ฮ่าๆ ข้าล่ะกลัวจริงๆ! พวกเจ้าได้ยินมันไหม? มันว่ามันจะจำข้าไว้! เด็กน้อย เช่นนั้นก็จงจำให้ดี ข้านั้นคือฉินหู! นามนี้มันจะเป็นฝันร้ายในมิติสงครามดึกดำบรรพ์ของเจ้า!”

“จบแล้ว เจ้าเด็กคนนั้นมันคงไม่ได้รู้ใช่หรือไม่ว่าฉินหูนั้นเป็นใคร? แกะน้อยมันไม่รู้กลัวเสือ!”

“ฉินหูนั้นเป็นจอมมารชื่อก้อง ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังชอบสร้างเรื่องสังหารเด็กชะตาไร้คาดเดาไปมากมายจนหลายต่อหลายคนไม่กล้าจะออกไปนอกเมือง!”

“เขานั้นเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์สี่ดาว ว่ากันว่าเขานั้นมีระดับสูงถึงระดับแปดพันต้นๆ!”

เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเย่หยวนวางท่าไม่พอใจเช่นนั้นพวกเขาต่างก็อดไม่ไดที่จะส่ายหัวออกมา

เพราะผู้มาใหม่นั้นควรจะทำตัวเงียบๆ ไว้อย่าไปหาเรื่องใคร

แต่เย่หยวนกลับพยักหน้ารับอย่างไม่เกรงกลัว “ฉินหูหรือ ข้าจะจำไว้ให้แม่น ช่วงนี้เจ้าอย่าออกไปนอกเมืองจะดีกว่านะ มันอันตราย!”

ฉินหูที่ได้ยินก็ต้องกัดฟันแน่นขึ้นมาด้วยใบหน้าดำมือ “เยี่ยมจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้! มันมีแค่ไม่กี่คนหรอกนะที่จะกล้าพูดเช่นนี้กับข้าในเมืองเมฆหนุนนี้! เพื่อจะตอบแทนความกล้าของเจ้านั้นข้าจะทำให้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าต้องสั่นสะท้านเอง!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจและหันไปหาตัวฮงเย่ “แม่นางเข้าใจข้าผิดไปมากแล้ว เย่ผู้นี้ไม่ได้ต้องการดาบแค่เล่มเดียว ข้านั้นต้องการหนึ่งพันสิบสองเล่ม! แล้วสิบสองเล่มที่ว่านี้ก็คือเหล่าสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนี้”

ฮงเย่ที่ได้ยินก็ต้องผงะหน้าไป “ท่านนั้นเพิ่งมาถึงมิใช่หรือ ทำไมจึงมีแต้มเทพสงครามมากมายปานนั้นได้เล่า?”

คนอื่นๆ รวมไปถึงตัวฉินหูนั้นต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางประหลาดใจออกมาพร้อมๆ กัน

ดูท่าแล้วพวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่มีว่าเย่หยวนมีจริง

“หึ โม้ไปเถอะ! เจ้าเด็กใหม่นี้ก็จะมีแต้มเทพสงครามได้มากถึงขนาดนั้น?” ฉินหูที่ได้ยินกล่าวสวนขึ้น

แต่เย่หยวนก็ยังไม่คิดสนใจและบอกต่อฮงเย่ต่อ “เย่ผู้นี้ไม่ได้ว่างจนต้องมากวนแม่นางฮงเย่เล่นหรอก แต่จะอย่างไรข้าก็มีแต้มเทพสงครามติดตัวแค่สองร้อยสี่สิบเจ็ดแต้ม เจ็ดแต้มที่เหลือนี้แม่นางจะช่วยแลกมันกับดาบสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์พันเล่มได้หรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ