ในปีที่ห้านั้นเย่หยวนได้แต้มเทพสงครามเพิ่มขึ้นมาอีกถึงสี่แสนห้าหมื่นแต้ม รวมแล้วมีแต้มกว่าสองล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นแต้ม
เท่านี้มันก็เท่ากับว่าเย่หยวนนั้นใช้เวลาแค่ห้าปีพุ่งทะยานฟ้าไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สาม!
คนทั้งเมืองต่างตกตะลึง!
ไม่มีใครคิดว่าสิบปีสุดท้ายนี้มันกลับจะยังมีการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่เกิดขึ้นบนอันดับทองคำเทพสงคราม!
ว่าจะได้ผลของวันนี้มานั้นเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายกว่าหนึ่งหมื่นสองพันคนนั้นได้ต่อสู้กันมายาวนานเกือบพันปี
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับใช้เวลาสั้นๆ แค่ห้าปีไต่ขึ้นมาจนถึงที่สาม
นั่นมันยิ่งทำให้เกิดความสงสัยมากขึ้นในเรื่องของช่องว่างในกฎ
ดูท่าแล้วคนทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่พอใจกับผลตรงหน้านี้มาก
แต่เวลานี้มันกลับมีอีกคำถามที่กวนใจพวกเขาทั้งหลายอยู่
นั่นคือ… เย่หยวนจะทะยานผ่านสองอันดับบนไปได้หรือไม่? เขานั้นจะพลิกกลับมาในวินาทีสุดท้ายได้จริงไหม?
เพราะคนทั้งสองนั้นได้ทิ้งคนอื่นๆ ไปอย่างไกลลิบ
“ว่านเจิ้นและจางเหลียนนั้นต่างตั้งใจล่าแต้มอย่างมาก มันคงมิใช่เพราะว่าเย่หยวนจริงๆ หรอกใช่หรือไม่?” เสียงแห่งความสงสัยดังขึ้นมา
ก่อนหน้านี้มันก็มีคนเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายไม่มีใครคิดสนใจฟังมัน
แต่วันนี้เมื่อได้เห็นเย่หยวนก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับสาม คนทั้งหลายมันก็เริ่มจะวกกลับมาคิดถึงเรื่องราวอีกครั้ง
และครั้งนี้มันไม่มีใครคิดเป็นเรื่องตลกอีก
แม้ว่าการถกเถียงมันจะยังดำเนินต่อไปแต่ความเร็วในการไต่ระดับของเย่หยวนนั้นมันก็มากพอจะทำให้คนทั้งสองนั้นต้องเอาจริง
“บ้าน่า! ว่านเจิ้นและจางเหลียนนั้นจะไปรู้ได้อย่างไรว่าแต้มเทพสงครามของเย่หยวนนั้นจะพุ่งทะยานเช่นนี้?”
“ทุกผู้คนรู้ดีเรื่องที่ว่าทั้งว่านเจิ้น จางเหลียน เย่หยวนทั้งสามนั้นต่างอยู่ที่ทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้น หรือบางทีพวกเขานั้นอาจจะพบเจอกัน?”
“ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้! เดิมทีนั้นว่านเจิ้นและจางเหลียนไม่ค่อยได้เก็บหาแต้มเทพสงครามเพิ่มมากมายแล้ว! แต่หลายปีมานี้พวกเขากลับลุกขึ้นมาล่าแต้มเทพสงครามกันอย่างบ้าคลั่ง ดูท่าแล้วคงเอาจริงสุดตัวเป็นแน่ หากไม่มีอะไรมากดดันพวกเขาเหตุใดพวกเขาจึงจะลุกขึ้นมาเอาจริงเช่นนี้เล่า?”
…
มีแรงกดดันและไม่มีแรงกดดันนั้นมันย่อมจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ว่านเจิ้นและจางเหลียนนั้นต่างเอาชนะผู้คนได้อย่างขาดลอยเมื่อห้าปีที่แล้ว
สิบปีสุดท้ายนี้ไม่มีใครที่จะก้าวขึ้นไปล้นพวกเขาทั้งสองลงได้แน่
เพราะฉะนั้นต่อให้จะพยายามแค่ไหนมันก็แค่การพยายามท้าทายตัวเอง ย่อมจะไม่คิดบีบตัวเองให้ก้าวเกินขีดจำกัด
แต่หากพวกเขานั้นได้ไปพบเจอเย่หยวนและได้เห็นฝีมือนั้นแล้ว มันก็ย่อมจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
เรื่องราวเช่นนี้มันมีความเป็นไปได้อย่างมาก!
วินาทีคนทั้งหลายต่างตื่นตะลึง
หรือว่าเย่หยวนนั้นจะใช้กำลังฝีมือของตนเองออกล่าแต้มเทพสงครามทั้งหลายนี้จริงๆ?
ปีต่อๆ มามันเรื่องของคนทั้งสามย่อมจะกลายเป็นประเด็นสำคัญ!
ในปีที่หกนั้นเย่หยวนได้ล่าแต้มเทพสงครามมาอีกสี่แสนแต้มจนก้าวขึ้นมามีแต้มรวมสองล้านห้าแสนห้าหมื่นแต้ม ห่างจากจางเหลียนที่มีแต้นสองล้านแปดแสนไปเพียงเล็กน้อย!
ทุกผู้คนต่างลุ้นกันสุดใจ
ในปีที่เจ็ดนั้นเย่หยวนได้ล่าแต้มมาเพิ่มอีกสี่แสนแต้มและก้าวขึ้นมามีแต้มรวมถึงสองล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นแต้ม
แต่ปีนี้เองเย่หยวนก็ยังอยู่ในอันดับสาม
แต่เขานั้นอยู่ห่างจากอันดับสองอย่างจางเหลียนไปเพียงแค่ไม่กี่พันแต้ม
แน่นอนเลยว่าปีต่อไปนั้นเย่หยวนย่อมจะก้าวขึ้นมาแทนที่สองของจางเหลียนได้อย่างแน่นอน กลายเป็นยอดคนอันดับสองแห่งอันดับทองคำเทพสงคราม!
ไม่มีใครคาดคิดว่าจางเหลียนผู้ยืนมั่นอย่างขุนเขามานานแสนนานกลับจะล้มลงในที่สุด!
แน่นอนว่าในปีที่แปดเย่หยวนก็ล่าแต้มเทพสงครามมาได้อีกสี่แสนแต้มก้าวข้ามหัวจางเหลียนไปกลายเป็นยอดคนอันดับสองแห่งอันดับทองคำเทพสงคราม!
ในวันนี้คนทั้งเมืองเมฆหนุนต่างต้องตื่นตะลึง
“ให้ตายสิ ข้าก็เตรียมใจรับมาเป็นปีแล้วแต่เมื่อวันนี้มาถึงข้าก็ยังไม่อาจยอมรับมัน!”
“อะไรกัน! ข้าคิดไม่ออกเลยจริงๆ! แม้แต่พวกว่านเจิ้นหรือจางเหลียนเองก็ยังหาแต้มเทพสงครามได้แค่ปีละแสนกว่าๆ ทำไมเขาถึงล่าได้ราวสี่แสนแต้มทุกปีไป?”
“จางเหลียนนั้นถูกดึงลงมาแล้ว เวลานี้มีเพียงแค่ว่านเจิ้นที่ยังขวางทางอยู่ได้!”
…
จางเหลียนนั้นถูกนำไปแล้ว คู่ปรับเดียวที่เย่หยวนยังมีก็คือว่านเจิ้นผู้นั้น!
คนผู้นี้คือขุนเขาแห่งเมืองเมฆหนุน ตัวตนที่แข็งแกร่งล้ำจนคนไม่กล้าจะมองเขาตรงๆ เสียด้วยซ้ำไป
ตั้งแต่ช่วงสองร้อยปีแรกมา มันไม่มีใครกล้าจะคิดก้าวข้ามเขาคนนี้อีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...