“มันคงไปที่ทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นแน่แล้ว ไม่เช่นนั้นมันคงไม่มีทางใดที่จะหาแต้มเทพสงครามได้มากมายขนาดนี้ในเวลาปีเดียว!”
“ไร้สาระ! เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกว่านเจิ้นเองก็อยู่ที่ทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นเช่นกัน? แต่เขานั้นกลับหาแต้มเทพสงครามได้แค่หมื่นแต้ม!”
“เช่นนั้นมันย่อมหมายความว่าเย่หยวนล่าได้เร็วกว่ามาก! หรือว่าเขาจะบรรลุแนวคิดแห่งกาลเวลาได้จริง?”
“บ้าน่า! แม้แต่ว่านเจิ้นยังทำไม่ได้ มันจะเอาอะไรมาทำได้?”
…
ปีนี้ได้มากว่าห้าแสนแต้มมันย่อมทำให้เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายต้องตกตะลึง
เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งหลายจึงได้คิดสงสัยถึงวิธีที่เย่หยวนใช้หาแต้มเทพสงครามมาก
ทุกผู้คนต่างคิดกันไปต่างๆ นาๆ
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มันไม่มีผู้ใดจะหาคำอธิบายที่ฟังดูสมเหตุผลมาได้
เพราะว่านอกจากตัวเย่หยวนแล้วมันยังไม่เคยมีใครทำเช่นนี้ได้
ว่านเจิ้นเองก็ยังทำไม่ได้!
เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายจึงคิดรอดูเรื่องราว คิดนอนรอดูว่าอับดับทองคำเทพสงครามของปีหน้าจะเป็นอย่างไร
สำหรับนักยุทธระดับนี้แล้วเวลาหนึ่งปีมันก็แค่พริบตา
เวลานี้มันมาถึงวันที่จะประกาศอับดับทองคำเทพสงครามออกมาอีกครั้ง
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าหมอนั่นมันจะพลิกฟ้ากลับสวรรค์ได้! เวลานี้อันดับของมันสูงล้ำไปแล้ว แต้มเทพสงครามที่มันหาได้ก็จะต้องลดลงไปตามอย่างมากแน่! หากครั้งนี้มันยังหาได้ถึงสองแสนแต้มก็คงนับได้ว่าเป็นยอดคนแล้ว!” เจียงเจ๋อกล่าวออกมา
ทุกผู้คนเองก็ต่างรู้สึกเช่นนั้นเช่นกัน!
มันมิใช่ว่าพวกเขาดูถูกฝีมือของเย่หยวน แต่นี่มันคือวิถีของโลก
เมื่อก้าวขึ้นมาอันดับสูงขึ้น แต้มเทพสงครามมันก็จะยิ่งหาได้ยากกว่าเก่า
ต่อให้เจ้าจะมีฝีมือเหนือล้ำหัวทุกผู้คน มันก็ย่อมมีขีดจำกัดที่จะก้าวไต่ขึ้นอันดับมาได้
ในเวลาพันปีนี้คนทั้งหลายย่อมจะไม่อาจพัฒนาได้ตลอด มีหรือที่จะไปท้าทายสัตว์ร้ายใหม่ๆ ได้ทุกวี่วัน?
เรื่องนั้นมันไม่สมเหตุสมผล!
“ข้านั้นก็คิดว่าแต้มเทพสงครามของเขาคงมาอยู่ในระดับสองถึงสามแสนแต้มเท่านั้นแล้ว ปีหน้ามันยิ่งจะต้องต่ำลงไปอีก คงเหลือแค่ราวหนึ่งถึงสองแสนแต้ม”
“อืม ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น มันนั้นไม่ได้ลงมือมานานหลายต่อหลายปี ยอดฝีมือที่เก่งกาจออกมาล่าแต้มเช่นนี้ช่วงแรกๆ มันจะไต่อันดับพุ่งทะยานก็คงไม่แปลก แต่มันก็คงได้เท่านั้น เพราะยิ่งนานวันเข้ามันก็จะยิ่งช้าลงๆ”
“สิบอันดับนั้นคงยากเกินเอื้อม แต่สามสิบอันดับแรกคงไม่ใช่ปัญหาใด”
…
ทุกผู้คนนั้นต่างกล่าวพูดถึงขีดจำกัดของเย่หยวนและคาดเดาว่าผลลัพธ์สุดท้ายเย่หยวนคงมีแต้มที่หนึ่งล้านสองแสนถึงหนึ่งล้านสี่แสน
และหากเรื่องราวมันเป็นไปตามนี้ เขาคงขึ้นไปติดสามสิบอับดับแรกได้ง่ายๆ
แต่หากอยากขึ้นติดสิบอันดับแรกแล้วมันคงยากเกินมือ
ไม่นานนักประกาศสีทองนั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งทำให้คนทั้งหลายตื่นตาตื่นใจอย่างบอกไม่ถูก
อันดับหนึ่งนั้นยังคงเป็นว่านเจิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่สิ่งที่ทำให้คนทั้งหลายตื่นตะลึงนั้นก็คือหนึ่งปีมานี้ว่านเจิ้นกลับหาแต้มเทพสงครามได้เพิ่มขึ้นมาถึงหนึ่งแสนสามหมื่นแต้ม ขึ้นไปรวมเป็นสามล้านสองแสนแปดหมื่นแต้ม!
นี่มันเป็นจำนวนที่นับได้ว่าน่ากลัวมาก
ส่วนอันดับสองอย่างจางเหลียนนั้นเองก็ได้แต้มเทพสงครามเพิ่มขึ้นมาถึงหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแต้ม!
ภาพตรงหน้านี้มันทำให้คนทั้งหลายตกตะลึง
“เหตุใดว่านเจิ้นจึงได้แต้มเทพสงครามเพิ่มมาขึ้นเช่นนี้? ต่อให้เขาจะล่าสัตว์ร้ายนับร้อยๆ มันก็คงไม่มีทางใดที่จางเหลียนจะตามเขาทันหรอกใช่หรือไม่?”
“แล้วก็ตัวจางเหลียนเองอีก! คนทั้งสองนี้ต่อสู้กันดุเดือดแท้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“หึ บางทีพวกเขาอาจจะรู้ถึงการปรากฏของเย่หยวนจึงกลัวว่าจะถูกตามทันก็ได้!”
“ฮ่าๆๆ… จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า! ต่อให้จะมีเวลาอีกร้อยปีข้าก็ว่าตามไม่ทันหรอก!”
…
คำพูดนั้นคนทั้งหลายย่อมคิดว่ามันเป็นแค่มุกตลก
ไม่มีใครคิดจะให้ค่าเย่หยวนขนาดนั้น!
เพราะอย่างไรเสียเย่หยวนก็เพิ่งจะเริ่มมาได้ไม่นาน แต้มเทพสงครามของว่านเจิ้นนั้นมันมากกว่าเย่หยวนไปราวหกเท่าได้
มีหรือที่ช่องว่างใหญ่โตเช่นนั้นจะถูกปิดลงด้วยเวลาแค่เจ็ดปี?
หากเรื่องราวเป็นไปตามที่พวกเขาคาดเดานั้น มันคงเป็นเพราะว่าคนทั้งสองคิดที่จะลงมืออย่างจริงจังไม่ออมกำลังอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...