จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2371

“หึ เจ้าไม่ได้รู้เลยว่าเผ่าเทวาในตอนนั้นมันยิ่งใหญ่ไม่สนหัวคนแค่ไหน! พวกมันนั้นเลี้ยงเผ่าพันธุ์อื่นๆ ไว้เหมือนเป็นแค่เป็ดแค่ไก่ หลังจากเลี้ยงจนอ้วนพีก็จะถูกจับไปฆ่าสังหาร สมบัติธรรมชาติ ปาฏิหาริย์วิเศษใดๆ นั้นที่พวกมันคิดสนใจอยากได้ ต่างล้วนเป็นของมันสิ้น! เจ้าไม่รู้หรอกว่าชีวิตในยุคนั้นมันมืดมนปานใด!”

“เผ่าเทวามันนั้นจะยึดครองพื้นที่เปี่ยมพลังงานฟ้าดินรอบๆ เขาแห่งถงเทียนไปสิ้นไล่เผ่าอื่นๆ ให้ไปอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตาก่อนจะส่งคนมาตรวจสอบดูแลอีกครั้ง พวกมันนั้นเรียกว่าทูตเทวะ! พวกทูตเทวะนี้มีพลังควบคุมชีวิตผู้คนเหนือทุกเผ่าพันธุ์ แม้แต่เจ้าฟ้าดินทั้งหลายเองก็ยังต้องตายหากพวกมันคิดสั่ง!”

“นอกจากนั้นแล้วเมื่อวันใดมียอดอัจฉริยะถือกำเนิดขึ้นมาในเผ่าต่างๆ นั้นพวกมันก็จะส่งคนมาจัดการตัดไฟเสียแต่ต้นลม! เจ้าคิดว่าเราจะยังสามารถอยู่ร่วมกับเผ่าเทวาได้หรือ?”

พูดมาถึงตรงนี้สีหน้าของซ่างเหิงก็แดงก่ำ หากที่ตรงนี้มีโต๊ะเขาก็คงทุบโต๊ะหักพังไปแล้ว

หากตรงนี้มิใช่เสี้ยวของสำนึกที่เหลือแล้ว อารมณ์ร้อนแรงของเขาในเวลานี้มันคงทำให้เกิดคลื่นพลังปั่นป่วนไปทั่วทั้งมิติแน่

ด้านเย่หยวนเองก็ต้องตื่นตะลึงไปสุดใจเช่นกัน

เขานั้นก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเผ่าทั้งหลายจะมีประวัติศาสตร์ที่มืดมนถึงขนาดนั้น

เทียบกับยุคก่อนแล้ว เผ่าทั้งหลายในทุกวันนี้คงเรียกได้ว่ามีชีวิตอยู่บนแดนสวรรค์

เผ่าเทวานั้นมันปกครองเผ่าอื่นๆ เหมือนเป็นแค่มดปลวก กดหัวพวกเขาทั้งหลายไว้อย่างไม่คิดปล่อยให้โงขึ้น

ความน่าอับอายนี้หากใครยังพอเหลือความกล้าพวกเขาทั้งหลายก็คงไม่มีทางยอมปล่อยไว้แน่

เวลานี้เมื่อเผ่าเทวามันกำลังจะกลับมาหากปล่อยให้พวกมันนั้นได้ปกครองมหาพิภพถงเทียนอีกครั้งจริงแล้ว ด้วยความคับแค้นหลายปีของเผ่าเทวามันคงทำให้ชีวิตของผู้คนมืดมนไปกว่าเก่าหลายเท่าแน่

จากนั้นเผ่าเทวาก็จะยิ่งระมัดระวังตัว วันหน้านั้นมันคงไม่มีทางใดที่เผ่ามนุษย์และเผ่าทั้งหลายจะปลดปล่อยตัวเองขึ้นมาได้อีกแน่นอน!

“เช่นนั้น ผู้อาวุโสทั้งหลายท่านกำเนิดรอดขึ้นมาได้อย่างไรกัน?” เย่หยวนถามซ่างเหิงด้วยความสงสัย

ภายใต้การจับตามองของเผ่าเทวานั้น เผ่ามนุษย์มันกลับยังสามารถให้กำเนิดยอดฝีมือระดับซ่างเหิงขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรมันก็ไม่อาจเข้าใจ!

เย่หยวนนั้นสงสัยเสียเหลือเกินว่าพวกเขาทั้งหลายทำได้อย่างไร

ซ่างเหิงที่ได้ยินนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าไปก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าซาบซึ้ง “เรื่องนั้นมันเริ่มขึ้นมาจากพ่อของเจ้าเฉียนจี้มัน! ก่อนที่มหาบรรพกาลทั้งสิบแปดเราจะปรากฏขึ้นมาได้นั้นเขาคือผู้นำของเผ่ามนุษย์อย่างแท้จริงและมันก็เป็นเขานั้นที่เริ่มผสานกำลังกับเผ่าต่างๆ ไว้ด้วยกัน จากนั้นก็ใช้วิชาสุดเหนือล้ำสละชีวิตตัวเองปกปิดความลับสวรรค์และส่งพวกเราทั้งหลายนั้นเข้าไปยังโลกลับ สุดท้ายด้วยพรสวรรค์ของเราทั้งสิบแปดเราจึงได้กลายมาเป็นมหาบรรพกาล! แน่นอนว่ามันยังมียอดคนที่กำลังไม่อ่อนด้อยไปกว่าเราอีกหลายคน แต่ที่พวกเราทั้งหลายมีวันนี้ได้มันก็เพราะว่าพ่อของเจ้าเฉียนจี้ เพราะเจียนหมี่ท่านได้สร้างบุญคุณอันมากล้นให้แก่ทุกชีวิต!”

เย่หยวนนั้นได้แต่ยืนนิ่งไปเมื่อได้ยิน เขานั้นไม่นึกไม่ฝันเช่นกันว่าตระกูลเจียนนั้นกลับจะมีประวัติที่ยาวนานย้อนกลับไปถึงขนาดนี้

ตอนนั้นเหล่ายอดคนทั้งหลายนั้นต่างปะทุขึ้นมาพร้อมๆ กันจนทำให้เผ่าเทวาสะดุ้งตัวไม่อาจตั้งรับ

พวกเขาเองก็คงไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งมันกลับจะมียอดอัจฉริยะมากมายเช่นนี้ปรากฏขึ้นมา

ถึงเวลานั้นแล้วพวกเขาทั้งหลายก็ถูกเต๋าสวรรค์ดึงพลังกลับและต้องเข้าสู่สภาวะสงครามดุเดือดกับเผ่าทั้งหลาย

จนสุดท้ายพวกเขาก็ได้แต่ต้องหนีไปยังมิตินรกด้วยความพ่ายแพ้

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดตระกูลเจียนจึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของมหาพิภพถงเทียน ที่แท้แล้วมันมิใช่แค่เพราะจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ แต่มันรวมตำนานของพ่อเขามาด้วย

เพราะอย่างไรเสียไม่ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นจะเก่งกาจสักเท่าใดแต่มันก็ยังไม่มีทางเทียบเคียงกับเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นรับสานต่อเจตจำนงของพ่อและพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย

คิดมาได้ถึงตรงนี้เย่หยวนก็เริ่มรู้สึกชื่นชมเขาขึ้นมาอีกครั้ง

เขานั้นอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงสนามรบเทพโบราณ ทั้งจักรพรรดิเทพสวรรค์เฮาหยูที่มอบดาบให้แก่เขา ทั้งตัวจักรพรรดิกิเลน

พวกเขาทั้งหลายนั้นเองก็คงตายลงเพื่อสงครามอิสรภาพนั้นแน่แล้ว

“มันเป็นเช่นนั้นเอง! ผู้อาวุโสนั้นย่อมเหนื่อยล้ากายใจเพื่อเผ่ามนุษย์เรา ทำมันอย่างที่สุดจนชีวิตหาไม่! ผู้เยาว์เย่หยวนนั้นจะขอจดจำมันไว้ในใจ! ความหมายที่ผู้อาวุโสท่านว่ามานี้ผู้เยาว์ย่อมเข้าใจดี ผู้อาวุโสโปรดวางใจเถอะ ผู้เยาว์จะต้องทำตามรอยเท้าท่านผู้อาวุโสและหยุดยั้งเผ่าเทวาลงให้ได้!” เย่หยวนกล่าว

เขานั้นย่อมเข้าใจถึงความหมายที่ซ่างเหิงกล่าวออกมา มันก็เพื่อจะมอบภาระหนักหน่วงนี้ให้แก่ตัวเขา

ที่ก่อนหน้ายังไม่พูดคุยใดกัน มันก็เพราะว่าซ่างเหิงไม่คิดว่าเย่หยวนจะรับมันไว้ได้

เวลานี้เมื่อยอมมานั่งจับเข่าคุยกันเช่นนี้มันก็ย่อมจะเป็นเพราะเขานั้นยอมรับความสามารถของเย่หยวนแล้ว

ซ่างเหิงพยักหน้ารับ “เจ้าเข้าใจแล้วก็ดี! ในเมื่อเจ้าได้เรียนรู้แนวคิดแห่งมิติเวลาของเฒ่าผู้นี้แล้วเจ้าก็ต้องรับเจตจำนงของข้าไปด้วย! เผ่ามนุษย์เราจะยอมตายแต่ไม่ยอมกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของใครอีก!”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “หากรังพังทลายแล้วไข่จะยังอยู่ดีได้หรือ? เรื่องนี้ผู้เยาว์ย่อมเข้าใจมันดี! ที่สำคัญไปกว่านั้นผู้เยาว์และเผ่าเทวานั้นก็มีความแค้นที่ไม่อาจจะสะสางกันได้อยู่! ผู้อาวุโส เวลานั้นมันมีจำกัด ผู้เยาว์คงไม่ขอเสียเวลาคุยไปกว่านี้แล้ว เวลากว่าร้อยปีที่เหลือนี้ผู้เยาว์จะขอใช้มันเพื่อบ่มเพาะทำความเข้าใจแนวคิดแห่งมิติเวลาอย่างที่ไม่ปล่อยให้ผู้อาวุโสผิดหวัง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ