หลังจากช่องว่างนี้ถูกเปิดออกมา ทุกสิ่งอย่างมันก็ย่อมจะค่อยพัฒนาไปได้
แม้ว่าการบ่มเพาะทำความเข้าใจแนวคิดแห่งมิติเวลามันจะช้ามากแต่เย่หยวนก็ยังคงพัฒนาได้อย่างไม่หยุดยั้ง
เป็นเวลานี้เองที่เย่หยวนได้เข้าใจว่ากระแสวนมิติเวลานี้มันคือเศษเสี้ยวของแนวคิดที่มาอยู่รวมกันภายใต้พลังเหนี่ยวรั้งที่ล้นเหลือ
แนวคิดแห่งกาลเวลาที่เขาบ่มเพาะจนบรรลุขึ้นมาในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นั้นมันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็กน้อยที่กระจายออกมาจากเจ้ากระแสวนมิติเวลานี้
แค่นั้นมันก็มากพอจะบรรยายถึงความน่ากลัวของพลังกระแสวนมิติเวลานี้แล้ว!
หากเขาสามารถที่จะเรียนรู้บ่มเพาะจนบรรลุทุกสิ่งอย่างในกระแสวนมิติเวลานี้ได้สิ้นแล้ว เย่หยวนคงได้กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาพิภพถงเทียนไปทันที!
แม้แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็คงต้องเรียกเขาว่าผู้อาวุโสอย่างเคารพ
แต่การจะก้าวขึ้นไปให้ถึงจุดนั้น ต่อให้จะเป็นเย่หยวนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย
หนทางนี้มันช่างยาวไกล
อย่างที่ชายแก่นั้นว่า แค่เข้าไปอยู่ในกระแสวนมิติเวลานี้ได้สักชั่วโมงมันก็นับว่าเป็นความสำเร็จหนึ่งได้แล้ว
ยิ่งเวลาผ่านไปนานวันเข้า เย่หยวนก็ยิ่งเข้าใจได้ว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ตัวเองเคยรู้นั้นมันช่างอ่อนแอ
เพราะแนวคิดแห่งห้วงมิติของเขานี้มันเกิดขึ้นมาจากเต๋าดาบ
เพราฉะนั้นสิ่งที่เขาเข้าใจและใช้ได้มันจึงเป็นแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เอาไว้ใช้กับเต๋าดาบเท่านั้น
เพราะฉะนั้นความเข้าใจต่อแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนมันจึงมีไว้เพื่อเสริมพลังเต๋าดาบเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงตัวแนวคิดแห่งห้วงมิติมันเหนือล้ำกว่าเต๋าดาบไปมาก!
หากไม่มีมิติแล้วทุกๆ พลังแนวคิดมันย่อมจะเป็นเหมือนต้นที่ไร้รากยึดเกี่ยว
ไม่มีแนวคิดใดเกิดขึ้นได้โดยปราศจากมิติ
ด้วยเหตุนี้เองแนวคิดแห่งห้วงมิติมันถึงถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดแนวคิด
แนวคิดแห่งกาลเวลาเองก็เช่นกัน
ซึ่งมันก็หมายความว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เย่หยวนรู้นั้นมันเป็นแค่ส่วนน้อยๆ ของแนวคิด ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่าง
มันอาจจะดูสูงส่ง แต่แท้จริงแล้วมันกลับกลวงไร้เนื้อใน
เย่หยวนนั้นไม่ได้เข้าใจถึงรากฐานพลังแนวคิดแห่งห้วงมิติใดๆ เพราะฉะนั้นมันย่อมจะไม่มีทางก้าวขึ้นไปถึงพลังระดับต้นกำเนิดได้
แน่นอนว่าสำหรับยอดอัจฉริยะในยุคสมัยนี้ ความเข้าใจเพียงแค่นี้มันก็มากพอ
ยิ่งผ่านเวลาไปนานวันเข้า เย่หยวนก็ยิ่งบ่มเพาะเข้าใจแนวคิดแห่งมิติเวลาได้มากขึ้นจนทำให้พลังของมิติและเวลาที่เย่หยวนควบคุมมันพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
มันเหมือนกับว่าเย่หยวนนั้นได้เริ่มเรียนรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง
พื้นฐานของเขานั้นมันมีอยู่ก่อนแล้ว กอปรกับความสามารถในการทำความเข้าใจของเขานั้น ในปีที่แปดร้อย ในที่สุดเย่หยวนก็พัฒนามันกลับมาอยู่ในระดับแปดได้อีกครา
และเย่หยวนนั้นเองก็ได้พัฒนาด้านแนวคิดแห่งกาลเวลาขึ้นมาไม่น้อย เวลานี้เขาได้พัฒนาอัตราสัดส่วนจากหนึ่งต่อห้าเป็นหนึ่งต่อสามสิบได้แล้ว
การเปลี่ยนแปลงนี้มันทำให้ชายแก่นั้นต้องเบิกตาค้างขึ้นมา
“เจ้าเด็กคนนี้มันมากพรสวรรค์ปานนี้ได้อย่างไรกัน? ต่อให้จะเป็นเหล่าอัจฉริยะในยุคของข้านั้นเองมันก็ไม่มีทางใดที่จะบ่มเพาะแนวคิดแห่งมิติเวลาได้ถึงขั้นนี้ด้วยเวลาแค่แปดร้อยปี!”
เป็นเวลานี้เองที่ชายแก่เริ่มได้เข้าใจว่าตนนั้นมองเย่หยวนผิดไป
ก่อนหน้าเขานั้นยังคิดว่าเย่หยวนนั้นมีพรสวรรค์ทั่วๆ ไปแต่เมื่อได้มาเห็นกับตาเช่นนี้แล้วเขาจึงได้รับรู้ว่าคำพูดกล่าวของตัวเองก่อนหน้านั้นมันน่าขันสักแค่ไหน
แต่เขาก็ยังคงตื่นตะลึงสุดใจ แนวคิดแห่งกาลเวลามันเป็นแนวคิดที่เรียนรู้บ่มเพาะได้ง่ายๆ หรือ?
เขานั้นจึงได้คิดถึงอีกปัญหาหนึ่งขึ้นมา หลังจากเย่หยวนกลับมาเกิดที่ด้านนอกเขาจึงถามขึ้น “เด็กน้อย เจ้าอายุเท่าใด?”
เพราะการที่ก้าวขึ้นมาจนถึงระดับของจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้นี้ อายุใดๆ มันย่อมจะมิใช่เรื่องราวใหญ่โตอีก
บางทีแล้วเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่ก้าวขึ้นมาถึงระดับของจักรพรรดิเทพสวรรค์ หลายต่อหลายคนอาจจะลืมอายุที่แน่ชัดของตนไปแล้วด้วยซ้ำ
พวกเขานั้นถือแสนปีเป็นฤดูใบไม้ผลิ ถืออีกแสนปีเป็นฤดูร้อน ใช้ชีวิตด้วยการนับเวลาเช่นนั้น ใครกันเล่าที่จะมาจำว่าตนเองอายุกี่วันแล้ว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...