“เจ้าเป็นอะไรไป?” เจียนหรูเฟิงนั้นเห็นสีหน้าแปลกๆ ของเย่หยวนจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง
เพราะตอนที่เห็นหน้ากันก็ไม่ได้แสดงท่าทางตกตะลึงใดๆ เช่นนี้
เขานั้นถูกเชิญให้ไปเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนและไม่รู้จะทำตัวอย่างไรจนมีสีหน้าเช่นนี้หรือ?
มีหรือที่เขาจะเข้าใจว่าเวลานี้ในหัวของเย่หยวนมันสับสนปั่นป่วนแค่ไหน?
นี่มันคือความผิดปกติของมิติเวลา หรือว่าแท้จริงมันก็แค่ประวัติศาสตร์ที่เดิมไปตามรอย?
เขานั้นมีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์จริงหรือ? หรือว่าที่นี่มันคือมิติโลกอื่น?
หรือว่าแท้จริงแล้วเขาจะแค่กำลังฝันไป?
ทุกสิ่งอย่างตรงหน้านี้มันไม่มีสิ่งใดที่เขาจะเข้าใจ
บางทีพระผู้เป็นเจ้าบนสรวงสวรรค์อาจจะทราบ แต่เขาย่อมไม่มีทางลงมาบอกเย่หยวน
เย่หยวนนั้นฝืนกดความตื่นตะลึงอย่างหวาดกลัวในหัวใจลงก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกตอบกลับมา “ได้ ข้ารับคำท่าน!”
ได้ยินคำตอบตรงๆ ของเย่หยวนนั้นตัวเจียนหรูเฟิงก็ยิ้มขึ้นมา
แผนการยอดอัจฉริยะนั้นมันกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแต่เพียงแค่ว่าผลลัพธ์ที่แผนนี้จะทำได้ เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะทำได้สักแค่ไหน
พื้นฐานของเผ่ามนุษย์มันต่ำต้อยจนเกินไป!
ภายใต้พื้นฐานที่ต่ำตมเช่นนั้นแล้วมันต้องใช้เวลาสักเท่าใดกว่าที่จะสามารถพัฒนาไปได้อย่างมากล้ำจนก้าวข้ามหัวเผ่าเทวาไปได้?
เจียนหรูเฟิงนั้นมีเต๋าทำนายที่ไร้ใครเทียบจริง
แต่เขาเองก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่มีวิชาประหลาด
การแปรรูปสิ่งของนั้นมันทำได้ไม่ยาก แต่หากคิดอยากสร้างของขึ้นมาจากอากาศเปล่าๆ มันย่อมยากเย็นมากแล้ว!
หากคิดอยากสร้างวรยุทธบ่มเพาะที่เหนือล้ำออกมาจากอากาศ สร้างวรยุทธต่อสู้ ช่วยให้บรรลุแนวคิดหรือทำเรื่องใดๆ เช่นนั้นมันย่อมยากกว่าการขึ้นสวรรค์
แต่การปรากฏตัวของเย่หยวนนี้มันเหมือนแสงจันทร์ในคืนอัดมืดมิด
เจียนหรูเฟิงนั้นไม่คิดลังเลใดๆ อีกต่อไป!
ทุกสิ่งอย่างมันพร้อม ขาดเพียงแค่สิ่งสำคัญอย่างเดียว!
และสิ่งสำคัญนั้นมันก็คือตัวเย่หยวนนี้!
“ฮ่าๆๆ… ได้! มีเจ้าอยู่ด้วยแล้วบรรพกาลผู้นี้ย่อมจะวางใจได้!” เจียนหรูเฟิงนั้นหัวเราะลั่น
เย่หยวนสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะก้มหัวลงคารวะเจียนหรูเฟิงสุดตัว “ผู้อาวุโสเฉียนจี้มากล้นคุณธรรม เสียสละจิตใจร่างกายจนชีวิตหาไม่เพื่อช่วยเหลือนำอนาคตมาให้เผ่ามนุษย์! โปรดรับการคารวะนี้จากผู้น้อยด้วย!”
เจียนหรูเฟิงนั้นหน้าเปลี่ยนสีร้องกลับมา “เจ้าเดาอะไรได้อีกเล่า?”
เย่หยวนนั้นตอบกลับไป “หลายร้อยล้านยอดอัจฉริยะมารวมตัวกัน แรกๆ มันย่อมจะไม่มีปัญหาใด แต่หลังจากพรสวรรค์ของพวกเขาได้รับการพัฒนาแล้วมีหรือที่คลื่นพลังเช่นนี้จะหลบพ้นสายตาเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วแห่งเผ่าเทวา? และเพื่อจะปกปิดความลับสวรรค์ของยอดอัจฉริยะนับล้านๆ นั้น แม้แต่ตัวท่านผู้อาวุโสเองก็คงทำไม่ได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่?”
เจียนหรูเฟิงนั้นมองดูเย่หยวนด้วยร่างกายแข็งทื่อก่อนจะกลับมาตั้งสติตอบกลับไป “การได้เจอน้องชายผู้นี้ย่อมเป็นพรแก่เผ่าพันธุ์ทั้งหลายแล้ว! ข้ายังไม่ทราบเลยว่าน้องชายเจ้ามีนามว่าอะไรกัน”
“เย่หยวน! แต่ผู้อาวุโสนามนี้ขอให้ท่านรู้แค่คนเดียว เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นนั้นขอให้ท่านเรียกข้าว่าจี้ฉิงหยุน!”
เพราะความกลัวในสิ่งไม่คาดฝัน เย่หยวนจึงได้ขอร้องเรื่องนี้ขึ้น
เจียนหรูเฟิงนั้นย่อมไม่เข้าใจมันแต่คำขอแค่นี้ย่อมจะไม่มีปัญหาใดๆ เขาจึงตอบรับไปง่ายๆ
เพราะว่าในประวัติศาสตร์นั้นมันไม่มีนามของเขาอยู่
เย่หยวนนั้นรู้สึกว่าตัวเขาอาจจะไม่ได้เข้าร่วมสงครามสิ้นโลก
เพราะด้วยพลังของเขานี้ หากได้เข้าร่วมแล้วมีหรือที่จะตายอย่างทหารไร้นาม?
ที่สำคัญเรื่องราวตอนนี้มันยังสับสนจนเขาไม่อาจเข้าใจ จึงต้องเตรียมการใดๆ ไว้ก่อน
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงไม่คิดใช้ชื่อจริงๆ
แต่นามเย่หยวนนี้ เย่หยวนก็ยังกล่าวบอกเจียนหรูเฟิงเพราะความเคารพที่เขามี!
จากนั้นเย่หยวนและเจียนหรูเฟิงก็เดินทางจากไป
คนที่ติดตามคนทั้งสองไปด้วยคือฉินเชาและโมเสียวเฉา
เพราะเขานั้นจะได้เป็นยอดอัจฉริยะที่เข้าร่วมแผนการของสังหารเทพ!
…
ภายในวังใต้ดินของสังหารเทพมันมีเหล่าผู้นำของสังหารเทพมานั่งรวมตัวกันพร้อมหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...