จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2391

สรุปบท ตอนที่ 2391 มหาค่ายกลสืบทอด!: จอมเทพโอสถ

ตอน ตอนที่ 2391 มหาค่ายกลสืบทอด! จาก จอมเทพโอสถ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2391 มหาค่ายกลสืบทอด! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“ท่านเหวินชุ่ย เรานั้นมาถึงยังมิติลับสวรรค์นี้ได้ถึงห้าปีแล้วแต่กลับยังไม่เคยได้พบเจอหัวหน้าผู้ฝึกสอนท่านนั้นเลย เช่นนี้มันจะยังได้เรื่องอะไรกันอีกหรือท่าน?” ซ่างเหิงนั้นร้องลั่นกล่าวขึ้น

เบื้องหน้าเขานี้มีชายแก่เครายาวอยู่ผู้หนึ่ง

หากให้พูดจากใจแล้วตัวเขานั้นก็มึนงงกับการที่เย่หยวนเก็บตัวอยู่แต่ภายในวังเช่นนี้เหมือนกัน

หัวหน้าผู้ฝึกสอนที่ท่านเฉียนจี้ส่งมานั้นคงจะไม่เอาทรัพยากรของสังหารเทพมานั่งบ่มเพาะตัวเองหรอกใช่หรือไม่?

“นี่มัน… เวลานี้นายท่านกำลังเก็บตัวอยู่ภายใน มันไม่เหมาะสมหากข้าคิดจะบุกรุกเข้าไป”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เหวินชุ่ยนั้นรับใช้เย่หยวนตามคำสั่งของเบื้องบน แม้ว่าตัวเขานั้นจะเป็นถึงเจ้าฟ้าดินแต่เขาก็ยังต้องก้มหัวลงต่อหน้าตำแหน่งของเย่หยวน

เพราะอย่างไรเสียตำแหน่งของเย่หยวนนั้นมันก็อยู่ใต้คนผู้เดียวแต่เหนือหัวคนนับล้าน

ซ่างเหิงหัวเราะเย้ยขึ้นมาเมื่อได้ยินคำตอบ “หึ! เขานั้นเป็นถึงหัวหน้าผู้ฝึกสอน ทำอะไรก็ง่ายดายเสียจริงๆ คิดใช้ทรัพยากรของสังหารเทพมากมายในทุกๆ วัน สุดท้ายเขากลับไม่ได้คิดสนใจฝึกฝนให้ใคร ท่านเหวินชุ่ย หากวันนี้เขาไม่ออกมาแล้วข้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น! ไม่ว่าจะเรื่องการโค่นล้มเผ่าเทวาใดๆ ก็ช่างหัวมัน ข้าไม่สนใจด้วยแล้ว!”

ซ่างเหิงในตอนนี้เป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนแตกต่างจากตัวเขาในอนาคตที่วางตัวอยู่เหนือทุกสิ่งอย่างสิ้นเชิง

เหวินชุ่ยนั้นเองก็เห็นด้วยอยู่ในใจ เขานั้นก็รู้สึกว่าการกระทำของเย่หยวนนี้มันไม่เหมาะสม

แต่คำสั่งของเย่หยวนมีลงมาแล้ว เขาบอกว่าอย่าให้ใครไปรบกวน เพราะฉะนั้นเหวินชุ่ยจึงได้แต่ต้องทำตาม

เหวินชุ่ยถอนหายใจยาวตอบกลับไป “เฮ้อ ให้พูดตรงๆ ข้านั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเบื้องบนถึงได้ให้เขาเห็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน แต่ในเมื่อมันเป็นคำสั่งแล้วจักรพรรดิผู้นี้ก็มีแต่ต้องทำตาม! เจ้าอย่าได้มาก่อเรื่องวุ่นวายเลย!”

“อ่า ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอน!” ซ่างเหิงเบิกตากว้างหันมองเขาไปในวังถามสวรรค์

เหวินชุ่ยที่ได้ยินจึงต้องหันไปมองตามทิศที่ซ่างเหิงดู

ซ่างเหิงจึงยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้ายก่อนจะพุ่งตัวผ่านหน้าเหวินชุ่ยเข้าวังถามสวรรค์ไป

เหวินชุ่ยที่ได้เห็นก็ต้องสะดุ้งทั้งตัว “ไอ้เด็กคนนี้ คิดจะผ่านมือจักรพรรดิผู้นี้ไปมันไม่ง่ายหรอก!”

เขานั้นตอบสนองได้อย่างรวดเร็วแต่ขณะที่กำลังจะดันฝ่ามือออกไปนั้นเขากลับรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ

เพราะมิติเวลาตรงหน้าของเขานั้นมันกลับบิดเบี้ยวอย่างมาก

แม้ว่ามันจะไม่อาจหยุดพลังของเขาได้แต่ซ่างเหิงก็บินผ่านหายไปก่อนพลังโจมตีจะถึงตัวแล้ว

เหวินชุ่ยหน้าซีดขาวลงคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้มันเก่งกาจล้ำกลับสามารถบ่มเพาะแนวคิดแห่งมิติเวลาได้พร้อมๆ กัน!

แต่ขณะที่เขากำลังตกตะลึงอยู่นั้นตัวซ่างเหิงก็ต้องถอยหลังกลับออกมาด้วยความเร็วสูง

จากนั้นแม้เท้าเขาจะแตะถึงพื้นแต่ตัวของเขาก็ยังต้องถอยหลังกลับมาอีกหลายก้าว กว่าจะกลับมายืนตรงได้ก็ต้องกลิ้งตัวกลับมาอีกหลายตลบ

ซ่างเหิงนั้นมีใบหน้าซีดขาวสายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความตกตะลึง

“น-แนวคิดแห่งมิติเวลา!”

ซ่างเหิงนั้นไม่เคยคิดฝันว่ามันจะยังมีใครที่สามารถบรรลุแนวคิดแห่งมิติเวลาได้พร้อมกันนอกจากตัวเอง!

ที่สำคัญไปกว่านั้นหากให้พูดถึงระดับพลังแล้ว เขานั้นไม่อาจจะเอาตัวเองไปเทียบเคียงได้แม้แต่เศษเสี้ยว!

เงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินตามออกมาเหมือนราวกับว่าเดินมาพร้อมเมฆหมอก ปิดบังตัวเขาไว้ไม่อาจทำให้คนเห็นได้ชัดเจน

คนผู้นี้ยืนอยู่ตรงหน้าแต่มันกลับไม่อาจจะมองเห็นได้ว่าเป็นคนรูปร่างหน้าตาเช่นไหนกันแน่!

ลึกลับ!

ในเวลานั้นมันเกิดความคิดนี้ขึ้นในจิตใจของเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายในบริเวณนั้น

คนผู้มาถึงนั้นกล่าวถามขึ้น “เจ้ามีนามว่า?”

ซ่างเหิงได้แต่ทำหน้าเหยเกตอบกลับไป “ซ-ซ่างเหิง”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หยวนทันทีที่ได้ยิน เขานั้นไม่นึกฝันว่าเดินทางผ่านกระแสมิติเวลามานี้เขากลับจะได้มาเจอตัวมหาบรรพกาลมิติเวลาในวัยหนุ่ม

แต่คิดไปแล้วเย่หยวนก็โล่งใจ

พลิกมิติเวลาโกลาหลนั้นมันเป็นวิชาที่เหนือฟ้าล้ำสวรรค์ของซ่างเหิง และตัวเขานี้ก็ได้ไปบังเอิญเปิดพลังของพลิกมิติเวลาโกลาหลในยุคหลังจนทำให้เดินทางผ่านกลับมาได้ มิติเวลานี้มันย่อมจะเกี่ยวข้องกับซ่างเหิงแน่แล้ว

แต่ซ่างเหิงในตอนนี้ยังดูเหมือนเด็กหนุ่มหัวร้อนแตกต่างจากตัวเขาในวันหน้าผู้ดูถูกทุกสิ่งอย่างบนฟ้าดิน

ต่อให้ที่เย่หยวนเจอนั้นมันจะเป็นเพียงแค่เสี้ยวของจิตสำนึกแต่สายตาเหยียดหยามคนทั้งโลกหล้านั้นมันก็ไม่อาจจะปิดบังใดๆ ได้

พูดจบเย่หยวนก็เดินหันหน้ากลับเข้าวังถามสวรรค์ไป

ทุกผู้คนนั้นย่อมจะไม่มีใครเข้าใจถึงเหตุผล แต่ก็ยังคงตามเข้าไป

“คนผู้นี้คิดจะใช้ไม้ไหนออกมาอีกกัน?”

“ซ่างเหิง เจ้าตายแน่แล้ว! เจ้าพูดแรงเกินไป เวลานี้เขาคงคิดพาเจ้าไปห้องลงโทษแน่ๆ!”

“หึ! จะกลัวอะไรอีกเล่า? ข้าพูดไปมันมีแต่ความจริง!”

คนทั้งหลายนั้นตามมาพร้อมกระซิบกระซาบกันไประหว่างทาง

แต่ทว่าการเข้าวังถามสวรรค์ไปนี้มันกลับทำให้คนทั้งหลายต้องตกตะลึง

“นี่มัน… อะไรกัน?”

พวกซ่างเหินที่ได้เห็นภาพตรงหน้าต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน

เพราะตรงหน้าพวกเขาทั้งหลายนี้มันมีมหาค่ายกลใหญ่ยักษ์อันซับซ้อนตั้งอยู่

ค่ายกลนี้มันเชื่อมต่อกันอย่างไม่มีสิ้นสุด เป็นอะไรที่สุดแสนจะลึกลับและซับซ้อน

หากแค่มองผ่านๆ นี้มันคงจะเหมือนทะเลในฝันที่สวยงามตระการตา!

ด้วยความรู้ความเข้าใจของตัวพวกเขานี้ มันไม่มีใครจะสามารถเข้าใจสภาพของค่ายกลนี้ได้เลย

แม้แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เหวินชุ่ยก็ยังต้องอ้าปากค้างไปเช่นกัน

เวลาห้าปีนี้ เขากลับกำลังสร้างของแบบนี้อยู่ภายในหรือ?

เย่หยวนนั้นยืนมือไพล่หลังยิ้มกล่าว “พวกเจ้าทั้งหลายอยากเก่งกาจขึ้นมิใช่หรือ? มหาค่ายกลอันนี้แหละที่จะทำให้พวกเจ้าเก่งกาจขึ้นได้! ข้านั้นคิดมาตลอดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถถ่ายทอดแนวคิดที่ข้าบ่มเพาะมาให้พวกเจ้าได้ดีที่สุด เพียงแค่ว่าการสั่งสอนบรรยายเต๋าให้พวกเจ้าทุกวี่วันนั้นมันอาจจะไม่ดีพอ บางอย่างมันเข้าใจได้ด้วยคำพูด แต่บางอย่างมันก็ไม่ เวลานี้ข้าจึงได้สลักความรู้ที่ข้าบ่มเพาะมาตลอดชีวิตลงไปในมหาค่ายกลนี้ ตราบเท่าที่พวกเจ้ามีพรสวรรค์มากพอพวกเจ้าก็ย่อมจะสามารถบ่มเพาะมันไปได้”

ซ่างเหิงได้แต่อ้าปากค้างมองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึงคิดอยากพูดกล่าวแต่มันกลับเหมือนมีอะไรมาอุดลำคอไว้จนไม่สามารถจะส่งเสียงใดๆ ออกมาได้

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ