“ท่านเหวินชุ่ย เรานั้นมาถึงยังมิติลับสวรรค์นี้ได้ถึงห้าปีแล้วแต่กลับยังไม่เคยได้พบเจอหัวหน้าผู้ฝึกสอนท่านนั้นเลย เช่นนี้มันจะยังได้เรื่องอะไรกันอีกหรือท่าน?” ซ่างเหิงนั้นร้องลั่นกล่าวขึ้น
เบื้องหน้าเขานี้มีชายแก่เครายาวอยู่ผู้หนึ่ง
หากให้พูดจากใจแล้วตัวเขานั้นก็มึนงงกับการที่เย่หยวนเก็บตัวอยู่แต่ภายในวังเช่นนี้เหมือนกัน
หัวหน้าผู้ฝึกสอนที่ท่านเฉียนจี้ส่งมานั้นคงจะไม่เอาทรัพยากรของสังหารเทพมานั่งบ่มเพาะตัวเองหรอกใช่หรือไม่?
“นี่มัน… เวลานี้นายท่านกำลังเก็บตัวอยู่ภายใน มันไม่เหมาะสมหากข้าคิดจะบุกรุกเข้าไป”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เหวินชุ่ยนั้นรับใช้เย่หยวนตามคำสั่งของเบื้องบน แม้ว่าตัวเขานั้นจะเป็นถึงเจ้าฟ้าดินแต่เขาก็ยังต้องก้มหัวลงต่อหน้าตำแหน่งของเย่หยวน
เพราะอย่างไรเสียตำแหน่งของเย่หยวนนั้นมันก็อยู่ใต้คนผู้เดียวแต่เหนือหัวคนนับล้าน
ซ่างเหิงหัวเราะเย้ยขึ้นมาเมื่อได้ยินคำตอบ “หึ! เขานั้นเป็นถึงหัวหน้าผู้ฝึกสอน ทำอะไรก็ง่ายดายเสียจริงๆ คิดใช้ทรัพยากรของสังหารเทพมากมายในทุกๆ วัน สุดท้ายเขากลับไม่ได้คิดสนใจฝึกฝนให้ใคร ท่านเหวินชุ่ย หากวันนี้เขาไม่ออกมาแล้วข้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น! ไม่ว่าจะเรื่องการโค่นล้มเผ่าเทวาใดๆ ก็ช่างหัวมัน ข้าไม่สนใจด้วยแล้ว!”
ซ่างเหิงในตอนนี้เป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนแตกต่างจากตัวเขาในอนาคตที่วางตัวอยู่เหนือทุกสิ่งอย่างสิ้นเชิง
เหวินชุ่ยนั้นเองก็เห็นด้วยอยู่ในใจ เขานั้นก็รู้สึกว่าการกระทำของเย่หยวนนี้มันไม่เหมาะสม
แต่คำสั่งของเย่หยวนมีลงมาแล้ว เขาบอกว่าอย่าให้ใครไปรบกวน เพราะฉะนั้นเหวินชุ่ยจึงได้แต่ต้องทำตาม
เหวินชุ่ยถอนหายใจยาวตอบกลับไป “เฮ้อ ให้พูดตรงๆ ข้านั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเบื้องบนถึงได้ให้เขาเห็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน แต่ในเมื่อมันเป็นคำสั่งแล้วจักรพรรดิผู้นี้ก็มีแต่ต้องทำตาม! เจ้าอย่าได้มาก่อเรื่องวุ่นวายเลย!”
“อ่า ท่านหัวหน้าผู้ฝึกสอน!” ซ่างเหิงเบิกตากว้างหันมองเขาไปในวังถามสวรรค์
เหวินชุ่ยที่ได้ยินจึงต้องหันไปมองตามทิศที่ซ่างเหิงดู
ซ่างเหิงจึงยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้ายก่อนจะพุ่งตัวผ่านหน้าเหวินชุ่ยเข้าวังถามสวรรค์ไป
เหวินชุ่ยที่ได้เห็นก็ต้องสะดุ้งทั้งตัว “ไอ้เด็กคนนี้ คิดจะผ่านมือจักรพรรดิผู้นี้ไปมันไม่ง่ายหรอก!”
เขานั้นตอบสนองได้อย่างรวดเร็วแต่ขณะที่กำลังจะดันฝ่ามือออกไปนั้นเขากลับรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
เพราะมิติเวลาตรงหน้าของเขานั้นมันกลับบิดเบี้ยวอย่างมาก
แม้ว่ามันจะไม่อาจหยุดพลังของเขาได้แต่ซ่างเหิงก็บินผ่านหายไปก่อนพลังโจมตีจะถึงตัวแล้ว
เหวินชุ่ยหน้าซีดขาวลงคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้มันเก่งกาจล้ำกลับสามารถบ่มเพาะแนวคิดแห่งมิติเวลาได้พร้อมๆ กัน!
แต่ขณะที่เขากำลังตกตะลึงอยู่นั้นตัวซ่างเหิงก็ต้องถอยหลังกลับออกมาด้วยความเร็วสูง
จากนั้นแม้เท้าเขาจะแตะถึงพื้นแต่ตัวของเขาก็ยังต้องถอยหลังกลับมาอีกหลายก้าว กว่าจะกลับมายืนตรงได้ก็ต้องกลิ้งตัวกลับมาอีกหลายตลบ
ซ่างเหิงนั้นมีใบหน้าซีดขาวสายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความตกตะลึง
“น-แนวคิดแห่งมิติเวลา!”
ซ่างเหิงนั้นไม่เคยคิดฝันว่ามันจะยังมีใครที่สามารถบรรลุแนวคิดแห่งมิติเวลาได้พร้อมกันนอกจากตัวเอง!
ที่สำคัญไปกว่านั้นหากให้พูดถึงระดับพลังแล้ว เขานั้นไม่อาจจะเอาตัวเองไปเทียบเคียงได้แม้แต่เศษเสี้ยว!
เงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินตามออกมาเหมือนราวกับว่าเดินมาพร้อมเมฆหมอก ปิดบังตัวเขาไว้ไม่อาจทำให้คนเห็นได้ชัดเจน
คนผู้นี้ยืนอยู่ตรงหน้าแต่มันกลับไม่อาจจะมองเห็นได้ว่าเป็นคนรูปร่างหน้าตาเช่นไหนกันแน่!
ลึกลับ!
ในเวลานั้นมันเกิดความคิดนี้ขึ้นในจิตใจของเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายในบริเวณนั้น
คนผู้มาถึงนั้นกล่าวถามขึ้น “เจ้ามีนามว่า?”
ซ่างเหิงได้แต่ทำหน้าเหยเกตอบกลับไป “ซ-ซ่างเหิง”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หยวนทันทีที่ได้ยิน เขานั้นไม่นึกฝันว่าเดินทางผ่านกระแสมิติเวลามานี้เขากลับจะได้มาเจอตัวมหาบรรพกาลมิติเวลาในวัยหนุ่ม
แต่คิดไปแล้วเย่หยวนก็โล่งใจ
พลิกมิติเวลาโกลาหลนั้นมันเป็นวิชาที่เหนือฟ้าล้ำสวรรค์ของซ่างเหิง และตัวเขานี้ก็ได้ไปบังเอิญเปิดพลังของพลิกมิติเวลาโกลาหลในยุคหลังจนทำให้เดินทางผ่านกลับมาได้ มิติเวลานี้มันย่อมจะเกี่ยวข้องกับซ่างเหิงแน่แล้ว
แต่ซ่างเหิงในตอนนี้ยังดูเหมือนเด็กหนุ่มหัวร้อนแตกต่างจากตัวเขาในวันหน้าผู้ดูถูกทุกสิ่งอย่างบนฟ้าดิน
ต่อให้ที่เย่หยวนเจอนั้นมันจะเป็นเพียงแค่เสี้ยวของจิตสำนึกแต่สายตาเหยียดหยามคนทั้งโลกหล้านั้นมันก็ไม่อาจจะปิดบังใดๆ ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...