หากซ่างเฟิงนั้นจะคุกเข่าพวกเขาทั้งหลายก็คงยังพอรับได้ในใจ
แต่การคุกเข่าตามของเฉียนจี้นี้มันได้ทำให้คนทั้งหลายไม่อาจรับและเข้าใจได้แม้แต่น้อย!
ไม่ว่าซ่างเหิงจะเก่งกาจสักเท่าใดแต่เวลานี้มันก็เป็นเพียงแค่เสี้ยวจิตสำนึก
เขานั้นจะเก่งกาจสักเท่าใดเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายไม่อาจจะจินตนาการถึงได้
เพราะเวลานั้นมันสามารถลบล้างได้ทุกสิ่งอย่าง
แต่เฉียนจี้นี้เป็นยอดคนอันดับหนึ่งของยุคสมัยนี้!
หากให้พูดกันตามหลักการแล้วตำแหน่งของเขามันอาจจะเหนือล้ำหัวเต๋าบรรพกาลเสียด้วยซ้ำ!
เต๋าบรรพกาลนั้นแข็งแกร่ง แต่นั่นคือแค่ความแข็งแกร่ง
ตระกูลเจียนนั้นทำงานหนักหน่วงมานับหมื่นล้านปี กำลังของพวกเขานั้นมันปกคลุมไปทั่วทั้งมหาพิภพถงเทียน
นามอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นี้ไม่มีใครในมหาพิภพถงเทียนที่ไม่รู้จัก
เขานั้นคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่ยังมีชีวิต!
การคุกเข่าของเขานี้มันย่อมจะมีความหมายว่ายอดคนอันดับสูงสุดของมหาพิภพถงเทียนได้ก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวน!
ความตื่นตะลึงของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันไม่อาจจะใช้คำพูดใดๆ มาอธิบาย
เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นได้แต่หันมามองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึงอย่างเกินเข้าใจ
“นี่มัน… เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เย่หยวนแค่เดินทางผ่านกระแสมิติเวลากลับมาได้ทำไมคนอย่างท่านเฉียนจี้ถึงได้ยอมคุกเข่าลงต่อหน้าเขา?”
“นักบุญฟ้าคราม? มันเป็นใครกันเล่าถึงขั้นทำให้ยอดคนทั้งในอดีตปัจจุบันต้องก้มหัวให้พร้อมๆ กันเช่นนี้?”
“เย่หยวนนั้นก็มีอายุแค่ไม่กี่พันปี ทำไมเขาจึงได้รับการยกย่องจากยอดคนทั้งสองจนถึงขั้นคุกเข่าให้เช่นนี้?”
…
คำถามนั้นมันค้างคาอยู่เต็มอกเต็มใจอย่างที่แทบทำพวกเขาอกแตกตาย
แค่ไม่กี่ร้อยปีก่อนนี้เย่หยวนยังแข่งขันกับพวกเขาเพื่อเอาสมบัติสืบทอดเลิศล้ำ
แต่เดินทางเข้ากระแสห้วงมิติเวลาครั้งนี้มันกลับเหมือนเขาได้เปลี่ยนไปเป็นคนละโลก
เมื่อได้เห็นคนทั้งสองคุกเข่าลงเช่นนั้นเย่หยวนเองก็รู้สึกแปลกๆ ไม่น้อยก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา “ลุกเถอะ! เวลานี้อ่างน้ำนั้นมันได้เปลี่ยนเป็นทะเลกว้างแล้ว! ข้านั้นก็แค่เย่หยวน มิใช่นักบุญฟ้าครามอีกต่อไป!”
แต่เฉียนจี้นั้นกลับส่ายหัวออกมาอย่างหนักแน่น “นักบุญฟ้าครามย่อมจะเป็นนักบุญฟ้าคราม จนกว่าหลากเผ่าพันธุ์นั้นจะตายสิ้น! หากไม่เป็นเช่นนั้นท่านก็จะยังเป็นนักบุญฟ้าครามเสมอไป! หากไม่มีท่านแล้วความสงบสุขนับหมื่นๆ ล้านปีของหลากเผ่าพันธุ์นี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้! หากไม่มีท่านแล้วเผ่าพันธุ์ทั้งหลายคงได้แต่นอนอยู่ใต้เท้าเผ่าเทวา! ต่อให้เวลานี้อ่างน้ำนั้นมันจะได้เปลี่ยนแปลงเป็นทะเลกว้างแต่คุณของท่านนั้นมันก็ยังคงอยู่อย่างชัดเจน!”
พูดมาถึงตรงนี้เขาก็หันไปสั่งคนทั้งหลาย “พวกเจ้าทั้งหลายมาคารวะท่านนักบุญฟ้าคราม!”
คำพูดนี้มันหนักแน่นอย่างไม่คิดจะสนคำเถียงใดๆ
เขานั้นไม่ได้ปรึกษาพูดคุย แต่นี่มันคือคำสั่ง!
ยูถันจื่อนั้นกัดฟันแน่นร้องกล่าวขึ้นมา “นักบุญฟ้าครามห่าเหวใดเล่า! มันด้วยเรื่องใด? ดูอย่างไรมันก็เป็นแค่เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มีสิทธิใดจะให้ข้าไปคุกเข่าต่อหน้ามัน?”
“ใช่แล้ว! ท่านเฉียนจี้ เจ้าจำผิดคนหรือไม่? เขานี้คือเย่หยวนมิใช่นักบุญฟ้าครามใดๆ ที่ท่านพูดกล่าว”
เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายย่อมจะไม่คิดอยากยอมรับเรื่องราวนี้ในใจ การให้พวกเขาไปคุกเข่าให้คนรุ่นเดียวกันนั้นมันย่อมจะเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไหว
แต่เฉียนจี้กลับขมวดคิ้วแน่นหันไปกล่าวกับยูถันจื่อ “ดูถูกนักบุญฟ้าครามมันเท่ากับดูถูกหลากเผ่าพันธุ์! ยูถันจื่อ เจ้าหมดสิทธิ! ทุกสิ่งอย่างที่เจ้าได้มาในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้จักรพรรดิผู้นี้จะริบคืนสิ้น!”
เฉียนจี้กล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าดำมือก่อนจะชี้นิ้วไปยังยูถันจื่อ
ยูถันจื่อนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายราวกับว่าพลังงานในร่างหมดสลายลง
กำลังของเขานั้นค่อยๆ ถอยกลับไปไม่นานก็กลับมาอยู่ในจุดเดียวกับตอนที่มาถึงมิติสงครามดึกดำบรรพ์ครั้งแรก
ใบหน้าของเขานั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความหวาดกลัว “กำ… กำลังของข้า!”
เฉียนจี้หรี่ตาลงกล่าว “สิ่งต่างๆ ในมิติสงครามดึกดำบรรพ์ล้วนเกิดขึ้นด้วยมือข้า! ตราบเท่าที่เจ้ายังไม่ได้กลับเอาพลังเข้าร่างตน ข้าย่อมจะสามารถดึงพลังกลับมาได้ทุกเมื่อ!”
เฉียนจี้นั้นสามารถดึงพลังสืบทอดต่างๆ จากสนามรบโบราณได้ แน่นอนว่าการจะดึงพลังจากร่างแยกของยูถันจื่อมันย่อมง่ายดาย
เขานั้นพยายามหนักหน่วงมานับพันปีแต่ไม่นึกฝันว่าสุดท้ายแล้วมันกลับเสียเปล่า! เขากลับไม่ได้ประโยชน์ใดๆ!
เวลานี้เขาอยากจะตบหน้าตัวเองให้เต็มแรงสักที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...