จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2399

“ท่านเฉียนจี้ ท่านจะไม่พูดเกินไปหน่อยหรือ? หากไม่มีเขาแล้วจะไม่มีพวกเรา? คำพูดนี้มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!” ผางเจิ้นนั้นกล่าวขึ้น

จนจบเรื่องราวทั้งหลายแล้วตัวเขาจึงจะค่อยกล้าพูดแทรกขึ้น

แต่คำพูดของเขานี้ย่อมจะเป็นเหมือนตัวแทนของเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหมด

เฉียนจี้นั้นยังไม่ทันได้ตอบใดๆ แต่เป็นตัวซ่างเหิงที่กล่าวขึ้นมาก่อน “มันเพราะว่าพวกเจ้าไม่รู้ว่าสองนักบุญฟ้าครามและมายาล้ำนั้นสร้างคุณให้โลกหล้าไว้แค่ไหน! คนทั้งสองนั้นคือผู้สร้างยุคสมัยขึ้น! นักบุญมายาล้ำนั้นคือพ่อของเจ้าหนูเฉียนจี้นี้ ท่านได้สละชีวิตคนตระกูลเจียนร้อยคนรวมถึงชีวิตของตนเพื่อจุดตะวันลับสวรรค์ขึ้นมาเพื่อปกปิดความลับสวรรค์ให้โอกาสเผ่าพันธุ์ทั้งหลายได้มีเวลาเตรียมตัว! นักบุญฟ้าครามท่านนั้นได้ทิ้งสิบแปดค่ายกลสืบทอดไว้สร้างเหล่ามหาบรรพกาลทั้งสิบแปดและยังรวมไปถึงยอดฝีมืออีกนับไม่ถ้วน! ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าเราทำอย่างไรจึงจะมียุคสมัยแห่งความสงบนับหมื่นล้านปีมาเช่นนี้เล่า?”

“หากพวกเจ้านั้นไม่รู้ว่ามหาบรรพกาลนั้นเก่งกาจเท่าใดแล้ว บรรพกาลผู้นี้จะบอกพวกเจ้าให้ฟัง!”

พูดไปตัวซ่างเหิงก็หันไปชี้นิ้วใส่เต๋าบรรพกาลสายฟ้า “ตอนที่บรรพกาลผู้นี้สมบูรณ์พร้อมนั้นต่อให้มันจะมีพลังของกฎมันก็ไม่อาจจะเทียบเคียงบรรพกาลผู้นี้ได้! แน่นอนว่าหากมันไร้พลังกฎของเต๋าสวรรค์แล้วการฆ่าสังหารมันนั้น… ยิ่งจะง่ายเสียกว่าพลิกฝ่ามือ!”

ซี๊ด…”

เกิดเสียงสูดอากาศยาวขึ้นมาพร้อมๆ กันหลังได้ยิน

คำพูดนี้มันทำลายความเข้าใจดั้งเดิมของพวกเขาสิ้น

เต๋าบรรพกาลนั้นคือตัวตนที่ไร้เทียมทานมิใช่หรือ?

เฒ่าคนนี้ในตอนสมบูรณ์พร้อมกลับจะเก่งกาจกว่าอย่างนั้นหรือ?

มหาบรรพกาลทั้งสิบแปดนั้น… มันเป็นตัวตนที่ไม่อาจจินตนาการได้!

แต่ยอดคนระดับนั้นกลับยังแพ้พ่ายให้แก่เผ่าเทวา!

เผ่าเทวาเก่งกาจกว่าที่พวกเขาจินตนาการไปมาก!

เฉียนจี้นั้นพยักหน้ารับออกมา “สงครามสิ้นโลกครั้งก่อนนั้นมันมีการต่อสู้กับจนฟ้าถล่มดินทลาย ภูเขาแตกแยกแม่น้ำเหือดแห้ง! มหาบรรพกาลทั้งสิบแปดนั้นได้ตายลงสิ้น ยอดฝีมือมากล้นจากหลากเผ่าพันธุ์เองก็ดับสูญลงไปเช่นกัน! แค่นี้มันก็มากพอจะบอกถึงความเก่งกาจของเผ่าเทวาแล้ว! เพราะฉะนั้นหากไม่มีนักบุญฟ้าครามแล้วต่อให้พ่อข้าจะสละชีวิตตนเองปิดบังความลับสวรรค์ใดๆ สุดท้ายแผนการนั้นมันก็คงล่มไม่เป็นท่า! หากเป็นเช่นนั้นแล้วความฉิบหายที่จะเกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์ต่างๆ นั้นย่อมจะมากล้น เจ้าคิดว่าเป็นเช่นนั้นแล้วตัวเองจะยังได้ถือกำเนิดมา?”

“เพราะฉะนั้น… พวกเจ้าจะว่าจักรพรรดิผู้นี้ก็ย่อมแล้วแต่เจ้า แต่เจ้าห้ามลบหลู่นักบุญฟ้าครามเด็ดขาด! จากวันนี้ไปหากข้ารู้ว่าใครกล่าววาจาลบหลู่นักบุญฟ้าครามนั้นจักรพรรดิผู้นี้จะตามล่าชีวิตมันจนสุดขอบโลก!”

เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายต่างต้องอ้าปากค้าง

ความลับของความสงบนับหมื่นล้านปีนี้พวกเขาย่อมจะไม่เคยได้ยินได้ฟัง

ยุคสมัยนั้นมันยาวนานจนเกินไป พวกเขาย่อมจะไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าชีวิตของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในยุคนั้นมันเป็นอย่างไร

คำพูดของคนทั้งสองนี้มันได้ปลุกสติของพวกเขาทั้งหลายขึ้นมา

เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาได้เข้าใจถึงความวินาศของสงครามสิ้นโลก

เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่ายอดฝีมือในยุคก่อนนั้นแข็งแกร่งกันปานใด!

เทียบกับยุคก่อนแล้วยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในทุกวันนี้ย่อมจะเป็นได้แค่ขยะ!

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเฉียนจี้จึงได้ทำเรื่องราวใหญ่โตเช่นนั้นออกมา รวบรวมเหล่ายอดอัจฉริยะนับล้านๆ มาต่อสู้พัฒนาตัวในมิติสงครามดึกดำบรรพ์

ผางเจิ้นนั้นได้แต่ขมวดคิ้วแน่นอดหันไปถามเต๋าบรรพกาลสายฟ้าไม่ได้ “ท-ท่านบรรพบุรุษ นี่เขาพูดจริงหรือ? ต-เต๋าบรรพกาลนั้นคือ… ตัวตนไร้เทียมทานมิใช่หรือ?”

เต๋าบรรพกาลนั้นมีใบหน้าเหยเกแต่ก็พยักหน้ารับตอบกลับมา “หากผู้อาวุโสซ่างมีกำลังสมบูรณ์พร้อมแล้วเขาสามารถสังหารเต้าฟ้าดินห้าทลายได้ด้วยฝ่ามือเดียว! แนวคิดแห่งมิติเวลาของท่านนั้นมันอยู่ในระดับเกินความเข้าใจ! หากบรรพกาลผู้นี้ไม่ได้ใช้พลังของกฎแล้วข้าย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงเขาได้แม้แต่น้อย!”

“มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”

“มิใช่ระดับเต๋าบรรพกาล แต่แข็งแกร่งกว่าเต๋าบรรพกาล?!”

“คนเราก็ยังสามารถเก่งกาจได้ถึงขั้นนั้น?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ