เหล่ายอดคนผู้นำทัพเผ่าพันธุ์ทั้งหลายต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า มองดูมันอย่างตกตะลึงสุดหัวใจ
หลงยี่นั้นเป็นถึงเจ้าฟ้าดินห้าทลายคนหนึ่ง เขาย่อมจะมีกำลังอำนาจเหนือฟ้า
แม้จะนับกันในหมู่ผู้นำทั้งหลาย ตัวเขานี้เองก็ยังนับว่าเป็นยอดคนระดับสูง!
ไม่มีใครคิดคาดว่าเขานั้นกลับจะไปแสดงความเคารพต่อเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง!
สิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดมากที่สุดก็คือตัวเย่หยวนนั้นกลับกลายเป็นบรรพบุรุษจุติของเผ่ามังกรไป!
ผู้นำเผ่าศิลาและคนทั้งหลายนั้นสั่นกลัวจนแทบเผลอกัดลิ้นของตัวเองไป
คำพูดว่าเด็กน้อยคนหนึ่งมันย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
แต่หากไปว่าลบหลู่บรรพบุรุษจุติแล้วมันย่อมจะทำให้พวกเขากลายเป็นศัตรูกับเผ่ามังกรทั้งหมด
หากไปทำให้เผ่ามังกรไม่พอใจจริงๆ แล้วมันคงไม่มีใครได้ประโยชน์สิ้น
เพราะจะอย่างไรเสียเผ่ามังกรนั้นก็มีกำลังอำนาจเหนือล้ำแม้จะเทียบเคียงกับเผ่าอื่นๆ ทั้งหมด
ทั้งยังเรื่องที่ว่าแปดเผ่าศักดิ์สิทธิ์นั้นมันจะลงมือใดๆ ร่วมกันเสมอ
แน่นอนว่าตัวหลงยี่ก็หันกลับมามองด้วยสีหน้าดำมืด “ฉี่พั่วเทียนว่ากล่าวท่านบรรพบุรุษ มันเท่ากับเป็นคำด่าว่าต่อเผ่ามังกรเรา! หากท่านบรรพบุรุษคิดว่ามันไม่เหมาะสมแล้ว เผ่ามังกรเราก็พร้อมจะประกาศสงครามกันเผ่าศิลาทันที!”
คำพูดนี้มันถูกกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต้องขนลุกชัน
พวกเขานั้นเข้าใจได้ว่าหลงยี่มิได้ล้อเล่นและไม่ได้แค่คิดจะกล่าวเอาใจเย่หยวนด้วย
ตราบเท่าที่เย่หยวนสั่งออกมา มันคงได้เกิดสงครามขึ้นแน่!
ฉี่พั่วเทียนนั้นได้แต่มองดูภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าเหยเก “พี่หลงยี่ เมื่อกี้… เมื่อกี้มันเป็นฉี่นี้เองที่ไม่รู้ว่าท่านนั้นคือบรรพบุรุษจุติทำให้พูดกล่าวไปอย่างไม่ตั้งใจ”
หลงยี่ยิ้มตอบกลับมาอย่างเย็นเยือก “จะรู้หรือไม่มันย่อมไม่เกี่ยว เรื่องที่เจ้าว่ากล่าวท่านบรรพบุรุษนั้นมันถูกทำออกมาแล้ว!”
ขณะที่ฉี่พั่วเทียนนั้นกำลังนั่งพยายามหาทางแก้ไขตัวเย่หยวนก็ยกมือขึ้นมาโบกปัด “ช่างมันเถอะ มิใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย เวลานี้เรื่องสำคัญของเราคือต้องรวมกำลังให้เป็นหนึ่งมิใช่มาแตกแยกกัน!”
เขาหันไปมองดูที่ฉี่พั่วเทียนก่อนจะกล่าวขึ้นมา “เจ้าอยากรู้มิใช่หรือว่าทำไมเผ่าเทวามันถึงได้รวบรวมกองกำลังเช่นนั้น? ข้าจะบอกเจ้าให้ มันเพราะว่าข้านั้นไปจับตัวคนมาจากค่ายเขารับสว่าง”
“หะ?! ท่านไปยังค่ายเขารับสว่าง? ค-คนเดียวหรือ?”
“ค่ายเขารับสว่างนั้นมันมียอดฝีมืออาณาจักรเต๋าสวรรค์เก้าลายมากมายดูแล! ต่อให้จะเป็นเจ้าฟ้าดินสามทลายก็คงไม่อาจจะกลับมาได้เช่นกัน!”
“ท่านบรรพบุรุษ ท่าน… ท่านล้อเล่นแล้ว?”
…
เมื่อคำพูดถูกกล่าวออกมานั้นเหล่าคนทั้งหลายก็แตกตื่นไปตามๆ กัน!
เย่หยวนนั้นกลับบุกเข้าค่ายศัตรูและไปลักพาตัวคนมาภายใต้การเฝ้าดูของยอดคนมากมาย
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะไม่มีใครคิดเชื่อ
เย่หยวนยักไหล่ตอบไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อย่าได้ถามว่ามันจริงหรือไม่ เพราะข้านั้นไม่อาจพิสูจน์ใดๆ ให้พวกเจ้าได้ แต่หากอยากรู้จริงๆ ก็ลองไปถามตัวยู่ฉินบนสนามรบเอาเถอะ ข้าว่ามันน่าจะยอมบอกง่ายๆ”
เหล่าบรรพกาลทั้งหลายต่างหันหน้ามองกันไปมาอย่างสงสัยในคำพูดของเย่หยวน
แม้แต่ตัวหลงยี่หรือหนี่ซวนเองก็ยังแทบไม่อยากเชื่อเมื่อได้ยิน
แต่ขณะที่คนทั้งหลายกำลังมึนงงจนลืมคำพูดไปนั้นตัวไป่เชินก็กล่าวขึ้นมา “แม้ว่ามันจะฟังดูเหลือเชื่อแต่หากสมมติว่ามันเป็นจริงแล้วมันก็ย่อมจะสมเหตุสมผลที่เผ่าเทวาเตรียมการสงครามใหญ่มิใช่หรือ? ข้าว่าสำหรับเทียนเหอมันแล้วความสำคัญของท่านบรรพบุรุษนี้คงเหนือล้ำกว่าสงครามใดๆ ไปแล้ว! เพราะสิ่งที่พวกมันกลัวนั้นมิใช่เราทั้งหลายแต่เป็นคนที่เก่งกาจพอจะต้านทานพลังของเทียนชิงได้!”
คนทั้งหลายที่ได้ยินต้องอ้าปากค้างขึ้น
ใช่แล้ว หากจะให้เหตุผลใดที่เผ่าเทวาคิดเริ่มสงครามเช่นนี้ เรื่องนี้มันก็คงเป็นเหตุผลที่ดูเข้าท่าที่สุดแล้วมิใช่หรือ?
ทัพชะตาไร้คาดเดาเอาชนะทัพบุตรเทวะลง ไม่ว่าข่าวที่ลือออกมามันจะเป็นอย่างไรสุดท้ายมันก็แค่ข่าวลือ
เรื่องฝีมือจริงๆ ของเย่หยวนนั้นมันไม่มีใครรู้แน่
แต่เรื่องที่เย่หยวนบุกเข้าไปยังค่ายเขารับสว่างด้วยตัวคนเดียวพร้อมยังลักพาตัวคนกลับมานั้นมันย่อมจะแตกต่างกับข่าวลือใดๆ สิ้นเชิง
หากพวกเขาเป็นเทียนเหอแล้ว พวกเขาเองก็คงหวาดกลัวยอดอัจฉริยะเช่นนี้ไม่น้อยมิใช่หรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...