“แต่นายท่าน เจ้าเด็กคนนี้มันมีแนวคิดแห่งมิติเวลาที่เหนือล้ำ การจะจับตัวมันให้ได้นั้นคงเป็นเรื่องยากเย็น! และข้าว่ามันก็คงไม่โง่พอจะบุกเข้าค่ายเรามาอีกครั้งแน่” ยู่ฉินร้องกล่าวด้วยใบหน้าเหยเก
เพราะต่อหน้าเย่หยวนนั้นต่อให้จะเป็นเต๋าสวรรค์เก้าลายขั้นกลางอย่างเขาก็ยังไร้ประโยชน์ใด
เว้นเสียแต่ว่าท่านเทียนเหอนั้นจะลงมาประจำการเองแล้ว มันก็คงไม่มีโอกาสใดจะจับตัวอีกฝ่ายไว้
ที่สำคัญนั่นมันก็แค่มีโอกาสเท่านั้น ไม่ได้แน่นอน!
เทียนเหอหันกลับมามองพร้อมหัวเราะ “หากมันไม่ออกมาเราก็ต้องไล่มันมา!”
ยู่ฉินเบิกตากว้างถามขึ้น “นายท่านหมายถึง…”
เทียนเหอตอบกลับมา “ส่งคำสั่งไป ให้ทุกทัพเคลื่อนพลไปรวมตัวกันที่สันลวดเหล็กพร้อมเคลื่อนบุกแดนกลาง!”
คนทั้งหลายต่างสั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำสั่งนั้น มันกำลังจะเกิดสงครามเต็มรูปแบบขึ้นมาแล้ว!
…
ส่วนอีกด้านหนึ่งข่าวเรื่องชัยชนะต่อทัพบุตรเทวะมันก็ถูกส่งกลับมาทำให้ทั้งค่ายตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่
เพราะก่อนจะออกไปนั้นมันย่อมจะไม่มีใครเชื่อเหล่านายน้อยทั้งหลายนั้น
แน่นอนว่ากำลังของแต่ละผู้คนในทัพเย่หยวนมันแข็งแกร่งกว่าใครๆ
แต่พวกเขาทั้งหลายนี้เป็นแค่นายน้อยผู้ดื้อรั้นไม่เคยพบเจอกับสงครามมาก่อน
กองทัพที่มีแต่ทหารมือใหม่เช่นนี้มันย่อมจะทำอะไรไม่ได้มากมาย
ไม่มีใครคิดฝันว่ากองทัพนายน้อยทั้งหลายนี้กลับเอาชนะทัพบุตรเทวะที่ยังไม่เคยพ่ายแพ้มีพลังต่อสู้สูงล้ำนั้นได้อย่างราบคาบ!
ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ตัวหนี่ซวนมีแต่เรื่องให้ปวดหัวกับทัพบุตรเทวะนี้
กองทัพที่ไปไหนมาไหนไร้ร่องรอยให้ตามติด ที่สำคัญไปกว่านั้นยังมีพลังต่อสู้ที่เหนือล้ำจนเขาจนปัญญา
ใครจะไปคิดว่าวินาทีที่เย่หยวนมานั้นปัญหาที่คาใจของเขาจะถูกแก้ลงทันที!
ก่อนหน้านี้เขาก็ยังไม่ได้นับถือตัวเย่หยวนมากมาย แต่ตอนนี้เขายอมรับเย่หยวนสุดใจ
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันยังมีข่าวว่าเย่หยวนนั้นผสานมิติ เวลาและดาบสามยอดแนวคิดเข้าด้วยกันได้จนสังหารเต๋าสวรรค์เก้าลายลงด้วยตัวคนเดียว
พรสวรรค์เช่นนี้มันเกินกว่าคำว่าล้ำฟ้า!
แม้ว่าเขานั้นจะไม่ได้รู้จักที่มาของนักบุญฟ้าครามใดๆ แต่พรสวรรค์ของเย่หยวนนี้มันก็ทำให้เกิดความหวังขึ้นมาในใจหลากเผ่าพันธุ์!
เรื่องนี้ตัวเขาย่อมจะเข้าใจมันอย่างดี!
“ฮ่าๆๆ… เป็นเด็กที่เก่งกาจจริง! ดูท่าทางเหมือนเหล่าบรรพกาลเข้าไปทุกที!”
หนี่ซวนนั้นเดินทางออกมากว่าสามสิบกิโลเมตรเพื่อรับหน้าพวกผางเจิ้นก่อนใครเพื่อน
เมื่อพวกเขาได้เจอหน้ากันอีกครั้งหนี่ซวนก็ยกมือขึ้นมากำหมัดยันอกผางเจิ้นพร้อมหัวเราะลั่น
การที่แม่ทัพใหญ่ออกมารับด้วยตัวเองเช่นนี้แล้วมันย่อมจะหมายถึงการให้เกียรติอย่างมาก
ผางเจิ้นนั้นปกติจะเป็นคนพูดจาวางท่าจริงจังเสมอแต่ในเวลานี้เขานั้นกลับได้แต่ยิ้มอายๆ ออกมา
“มันเป็นเพราะท่านนักบุญฟ้าครามสิ้น! เขานั้นบุกเข้ากลางทัพบุตรเทวะด้วยตัวคนเดียว เราแทบจะกลายเป็นตัวถ่วงของท่านด้วยซ้ำ” ผางเจิ้นบอกด้วยความอับอาย
“ฮ่าๆๆ เจ้าหนุ่ม เจ้าพัฒนามากแล้ว! ไม่อวดอ้างเมื่อสำเร็จ ไม่ถดถอยเมื่อล้มเหลว นี่สิคือนิสัยของแม่ทัพอย่างแท้จริง!” หนี่ซวนหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
แต่ว่าในจิตใจของหนี่ซวนเองก็ตื่นตะลึงไม่น้อย
ศึกเดียวนี้มันกลับสามารถเปลี่ยนพวกเขาทั้งหลายไปได้ขนาดนี้
แม้ว่าจำนวนทหารในทัพมันจะลดลงไปไม่น้อยแต่สภาพจิตใจของคนทั้งหลายก็ได้เปลี่ยนแปลงจนไม่อาจเทียบเคียงก่อนหน้าได้
แค่มองทีเดียวนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าหากทัพนี้ออกรบอีกครั้ง กำลังของพวกเขามันคงพุ่งทะยานอย่างไร้ต้าน!
“ท่านนักบุญฟ้าครามนี่เป็นใครมาจากไหนกันแน่?” หนี่ซวนได้แต่คิดอยู่ในใจ
ในเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นมันมีคนที่ได้รับประโยชน์มหาศาลจากศึกนี้ไม่น้อย
หลังจากกลับมาถึงแล้วกำลังของพวกเขาทั้งหลายมันย่อมจะพัฒนาไปอย่างก้าวล้ำแน่นอน
แต่ไม่นานกลับเกิดข่าวการเคลื่อนไหวจากทัพเผ่าเทวาขึ้นมา
หนี่ซวนนั้นได้รับรายงานว่าทัพเผ่าเทวาทั้งหลายนั้นได้ไปรวมพลที่สันลวดเหล็กพร้อมบุกเข้าแดนกลาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...