จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2429

สรุปบท ตอนที่ 2429 ความถูกต้องอยู่ที่ใด: จอมเทพโอสถ

อ่านสรุป ตอนที่ 2429 ความถูกต้องอยู่ที่ใด จาก จอมเทพโอสถ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2429 ความถูกต้องอยู่ที่ใด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เบื้องหน้าค่ายของทัพไร้คาดเดานั้นผางเจิ้นเดินมากล่าวต่อเยว่เฟิงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้หยิ่งยโสแต่ก็ไม่ได้อ่อนน้อมใด “เจ้าไม่ต้องคุกเข่าใดๆ แล้ว นายท่านบอกว่าหากเจ้าอยากชดใช้ก็จงไปติดตามท่านหนี่ซวนเสีย เข้าร่วมสงครามต่อสู้กับศัตรูเพื่ออนาคตของหลากเผ่าพันธุ์”

ผางเจิ้นในตอนนี้ไม่ได้เป็นคนหยิ่งยโสหลงตัวเองใดๆ

ก่อนหน้านั้นเขามักจะใช้นามของเต๋าบรรพกาลสายฟ้าเพื่อจะดูถูกคนทั้งโลกหล้า

แต่เวลานี้เขากำลังใช้กำลังของตัวเองในการเย้ยหยันคนทั้งโลกหล้าแทน

ในฐานะมือขวาของเย่หยวน ตัวเขานั้นย่อมจะมีสิทธิวางตัวอย่างเท่าเทียมกับยอดฝีมือทุกผู้คนบนโลกนี้

เขานั้นมีทั้งเบื้องหลังที่ลึกล้ำและความสำเร็จอันมากมาย

เมื่อเยว่เฟิงได้เห็นผางเจิ้นนั้นดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นทันที “เจ้า… เจ้าคือทายาทของเต๋าบรรพกาลสายฟ้า?”

ผางเจิ้นพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว บรรพบุรุษของข้านั้นคือท่านเต๋าบรรพกาลสายฟ้า!”

เยว่เฟิงต้องสูดหายใจเข้าลึก ตำแหน่งของเต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นยิ่งใหญ่ปานใด? ทั้งอย่างนั้นผางเจิ้นนี้กลับยังมายอมก้มหัวรับใช้เย่หยวน!

เดิมทีความเคารพของเขาต่อนักบุญฟ้าครามนั้นมันเกิดขึ้นจากการสั่งสอนอันหนักแน่นของบรรพบุรุษ

แม้ว่าจะได้เห็นฝีมือของเย่หยวนกับตาแต่ตัวเขานั้นก็ยังไม่อยากเชื่อว่าคนระดับเต๋าบรรพกาลนั้นกลับจะกล้าลดตัวลงมาเทียบเคียงเขาคนนี้

เต๋าบรรพกาลนั้นมันแตกต่างจากหลินหวู่ซวง!

เพราะหลินหวู่ซวงนั้นเป็นคนตายไปแล้ว แต่เต๋าบรรพกาลนั้นยังเป็นยอดคนที่มีชีวิต!

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ นายท่านนั้นคือนักบุญฟ้าครามผู้สร้างคุณประโยชน์อันเป็นนิรันดร์ให้แก่มนุษย์เราด้วยตัวคนเดียว! ต่อให้จะเป็นบรรพบุรุษข้าเองก็ยังต้องเรียกท่านว่าท่านนักบุญฟ้าครามด้วยความเคารพเช่นกัน! หากเจ้าคิดอยากชดใช้สิ่งที่ทำผิดพลาดไปแล้วก็จงแสดงมันด้วยการกระทำมิใช่คำพูด ทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลายนั้นเสียแล้วไปต่อสู้เคียงข้างคนทั้งหลายในแนวหน้า! ในวันหน้ามันย่อมจะเกิดตำนานของเจ้าขึ้นอย่างแน่นอน แต่หากเจ้ายังทำตัวเช่นนี้อยู่อีกแล้ว หึๆ แม้จะเป็นจักรพรรดิหยกเองก็คงช่วยเจ้าไม่ได้แน่!” พูดจบผางเจิ้นก็เดินมือไพล่หลังจากไป

เยว่เฟิงนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเกแต่เวลานี้เขาได้เข้าใจถึงตำแหน่งของนักบุญฟ้าครามอย่างชัดเจนแล้ว

แม้ว่ากำลังของตัวเขาเองมันจะยังไม่เหนือล้ำแต่เหล่าเจ้าฟ้าดินห้าทลายทั่วฟ้าดินต่างยกย่องและทำตามคำสั่งของนักบุญฟ้าคราม

ศึกก่อนหน้านี้มันยังทำให้เขาตกตะลึงไม่หาย

แม้น้ำทุกสายย่อมไหลลงมาบรรจบที่ทะเล ทะเลที่ว่านั้นมันคงเป็นเย่หยวนแล้ว?

เขานั้นใช้กำลังของตัวเองเพียงผู้เดียวเปลี่ยนกระแสของสงครามทำลายเผ่าเทวาสิ้น

เรื่องราวยิ่งใหญ่เช่นนี้มันย่อมจะถูกกลายขายไปชั่วกาลนาน!

สงครามสิ้นโลกนี้ยังไม่จบสิ้นลง หากเผ่ามนุษย์จะแพ้พ่ายลงในที่สุดเรื่องราวต่างๆ มันคงไม่ต้องคิดถึงใด

แต่หากสุดท้ายเผ่ามนุษย์กลับชนะมาได้แล้วตำนานของเย่หยวนย่อมจะถูกถ่ายทอดไปจนกว่ามหาพิภพถงเทียนนี้จะแตกสลาย!

ถึงเวลานั้นมันจะมีใช่แค่เผ่ามนุษย์ แต่ทุกๆ เผ่าพันธุ์ก็ย่อมจะมาก้มหัวลงต่อเขาด้วย!

เย่หยวนนั้นจะได้กลายเป็นนักบุญอันเป็นนิรันดร์!

แน่นอนว่าความเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลายนั้นมันดูเหนือล้ำ แต่ต่อหน้าเย่หยวนแล้วเขาย่อมจะไม่มีค่าใด

ในโลกหล้านี้มันเป็นดินแดนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ทุกสิ่งตัดสินด้วยพลังอำนาจ

แต่เย่หยวนนั้นกลับก้าวข้ามหัวเขาไปได้ กลับมีตำแหน่งและอำนาจสูงล้ำทุกสิ่งอย่างไป!

แค่เรื่องที่เขาเคยลบหลู่ว่าเย่หยวนนั้นไป เขาก็คงไม่อาจจะมีที่อยู่เหลือในดินแดนมนุษย์ได้แล้ว

ถึงเวลานั้นต่อให้โลกหล้านี้มันจะกว้างใหญ่แค่ไหนตัวเขาก็คงไม่มีที่อยู่!

ผลที่ตามมานี้มันมากล้นเกินกว่าที่เขาจะแบกรับ!

เขานั้นไม่เคยคิดฝันว่าความอยากรู้อยากเห็นชั่ววูบนั้นกลับจะสร้างปัญหาที่ใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นมาได้

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ทิ้งศักดิ์ศรีของเจ้าฟ้าดินห้าทลายมาคุกเข่าหน้าค่ายของเย่หยวน

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดออกมาพบเจอใดๆ

เขานั้นได้แต่มองดูเงาแผ่นหลังของผางเจิ้นที่เดินไกลออกไป ก่อนที่เยว่เฟิงจะเรียกนั่งเหม่อ

เขาและผางเจิ้นนั้นมีความคล้ายคลึง

แต่เขาและผางเจิ้นนั้นกลับมีเส้นทางที่แตกต่างกันสุดขั้ว

นี่มันเป็นสิ่งที่เย่หยวนแทบไม่เคยแสดงออก

การทำให้นักบุญฟ้าครามแสดงอารมณ์ได้ขนาดนี้มันย่อมจะหมายความว่าเรื่องราวในคราวนั้นได้กินใจของเขาไปมาก

และคุณของนักบุญมายาล้ำนั้นมันไม่มีใครลบเลือนได้

“นายท่าน เราผิดไปแล้ว!”

เหล่ายอดคนทั้งหลายต่างก้มหัวลงขอโทษตามๆ กัน

แต่เย่หยวนกลับยกมือขึ้นมาโบกปัด “ช่างเถอะ เรื่องที่แล้วไปแล้วก็คือแล้วไปแล้ว! ไม่ว่านักบุญผู้นี้จะพูดกล่าวอีกสักเท่าใดมันก็คงไม่อาจฝังคำพูดนั้นลงในใจพวกเจ้าได้ ในชีวิตนี้ นักบุญผู้นี้มีแต่ต้องทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถเท่านั้น”

เวลานั้นมันเปลี่ยนเรื่องราวได้ จิตใจของหลากเผ่าพันธุ์มันไม่ได้เหมือนวันวาน

เย่หยวนนั้นพูดกล่าวออกมาก่อนหน้าแต่เขาก็รู้ดีว่าคำพูดนี้มันคงไม่มีทางไปถึงจิตใจของคนทั้งหลายได้

เวลานี้คำพูดมันไร้ค่าใด

หากไม่ได้มีสถานการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ต่อให้จะพูดบอกไปเท่าไหร่มันก็เปล่าประโยชน์

คนทั้งหลายนั้นต่างก้มหัวลงอย่างอับอายไม่กล้าจะพูดกล่าว

หนี่ซวนที่เห็นสภาพอึดอัดเช่นนั้นจึงกล่าวขึ้นมา “นายท่าน หลังจบศึกนี้แล้วฝ่ายทัพเผ่าเทวามันคงไม่กล้าเข้าโจมตีเราอีก จากนี้จะวางแผนรับมืออย่างไรดี?”

เย่หยวนตอบกลับไป “ชนะแล้วก็ต้องติดตามไล่ล่ามัน เอาดินแดนที่เสียไปคืนมา ไล่พวกมันให้กลับไปถึงมิตินรก!”

เมื่อคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาพร้อมความประหลาดใจ

ผู้นำคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา “นายท่าน เรื่องนั้น… มันจะดีหรือ? หากเราไปทำให้บรรพบุรุษของเผ่าเทวานั้นโกรธเคืองเอาแล้วผลที่ตามมามันคงมากเกินกว่าจะรับไหว!”

เย่หยวนที่ได้ยินนั้นก็ยิ้มตอบ “ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว มันมิใช่ว่าบรรพบุรุษของมันยังไม่โกรธเคือง แต่ว่าพวกมันทั้งหลายนั้นก็กำลังเกรงเต๋าบรรพกาลอยู่ เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ออกมารบใด! พวกเจ้าคิดว่าชนะศึกเดียวนี้แล้วจะนอนตีพุงฉลองกันได้หรือ? เวลานี้สงครามสิ้นโลกมันเพิ่งจะเริ่มขึ้นต่างหาก! เวลาการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์นั้นต่างหากมันจะเป็นเวลาหายนะของหลากเผ่าพันธุ์! พวกเจ้าลืมเสียงหัวเราะของเทียนเหอมันแล้วหรือ? เมื่อเหล่าบรรพบุรุษเผ่าเทวาลงมือแล้วพวกเจ้าทั้งหลายก็คงเป็นได้แต่เศษธุลี! เพราะฉะนั้นจงอย่าได้คิดว่าตัวเองจะโชคดีหลบรอดผลของสงครามนี้ไปได้!”

….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ