“สะใจ! สาแก่ใจเสียจริงๆ! ฮ่าๆๆ… นักบุญฟ้าครามนั้นสมชื่อว่าเป็นนักบุญฟ้าคราม ศึกครั้งนี้มันช่างปลดปล่อยผู้คนจากความทุกข์ยากทางใจนัก!”
เมื่อเฉียนจี้ได้ยินข่าวที่มาถึงนั้นว่าแนวหน้าได้รับชัยเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
มันไม่มีข่าวไหนจะดีได้เท่าข่าวนี้แล้ว
ตั้งแต่ที่เริ่มทำสงครามเต็มรูปแบบกับเผ่าเทวามานั้นเหล่าผู้นำของแต่ละเผ่าต่างกังวลกันอย่างมากมาย
แม้ว่าทัพผสมนั้นมันจะมีจำนวนมากมายแต่เฉียนจี้นั้นเข้าใจอยู่ดีว่ามันเป็นแค่เสือในกระดาษ
แต่เขานั้นกลับไม่คิดว่าเย่หยวนนั้นจะเปลี่ยนกระแสสงครามด้วยตัวคนเดียว ใช้มหาค่ายกลบนเขาแปดโมฆะสังหารทัพเผ่าเทวาไปได้กว่าครึ่ง
ที่สำคัญนี่มันยังแค่การเริ่มต้นเพราะว่ารายงานจากสนามรบนั้นบอกว่าแนวหน้าของพวกเขาเริ่มตีกลับไปอย่างหนักหน่วง
หลังจากทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์เอาชนะทัพเผ่าเทวามาได้ครั้งหนึ่งพวกเขาก็ตามไล่ล่าการถอยทัพอย่างไม่ลดละจนเริ่มได้ดินแดนของแดนตะวันตกกลับคืนมา!
ในเวลานี้ทัพผสมนั้นเคลื่อนทัพไปจนแทบถึงเมืองนรกแปดอาณาจักรแทบจะปิดตายส่งทัพเผ่าเทวากลับลงมิตินรกได้!
ผลลัพธ์เช่นนี้มันย่อมเหนือล้ำกว่าที่เหล่าผู้นำทั้งหลายเคยคาดฝันไว้
สภาพของทัพผสมในเวลานี้เหมือนคนบ้าคลั่งที่ได้ปลดปล่อย เอาชนะทุกศึกที่มีการปะทะมาได้สิ้น
ที่ด้านข้างนั้นซ่างเหิงได้แต่นั่งน้ำตาริน “หากท่านนักบุญฟ้าครามยังอยู่กับเราในยุคก่อนมันจะดีสักแค่ไหนกัน? พวกเราหลายต่อหลายคนนั้นคงอาจจะพอรอดชีวิตมาได้”
เฉียนจี้ยิ้มตอบกลับไป “หากท่านนักบุญฟ้าครามยังอยู่ในยุคก่อนนั้นบางทีพวกท่านอาจจะไม่ต้องทำอะไรแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ! แต่ทุกสิ่งอย่างมันล้วนเป็นไปตามลิขิตสวรรค์ ท่านผู้อาวุโสจะยังมาคิดให้มันมากความทำไมกัน?”
ซ่างเหิงพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! หากเราปล่อยให้ท่านนักบุญฟ้าครามได้มีเวลาเติบโตอีกหน่อยด้วยพรสวรรค์ของท่านที่ผสานหลายยอดแนวคิดเข้าด้วยกันได้นั้นใครจะยังมาเป็นศัตรูของท่านได้? เฮ้อ น่าเสียดายแค่ว่าเท่านี้เจ้าหลินหวู่ซวงก็คงตายลงสนิทแล้ว!”
คนทั้งหลายต่างปิดปากเงียบลงเมื่อได้ยิน ตัวซ่างเหิงที่ได้เห็นจึงพยายามกล่าวเปลี่ยนเรื่องไป “อ่า จริงด้วย ดูจากเวลาแล้วตอนนี้มันน่าจะใกล้เวลาที่ท่านนักบุญฟ้าครามจะบรรลุอาณาจักรเจ้าฟ้าดินใช่หรือไม่?”
เฉียนจี้ที่ได้ยินก็ผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหยุดคิดและพยักหน้ารับ “ด้วยพรสวรรค์ของท่านแล้วมันย่อมจะใกล้ถึงเวลา เพียงแค่ว่า… กำลังของท่านในแนวคิดต่างๆ นี้มันคงทำให้ทุกข์ทลายที่ท่านต้องพบเจอนั้นคง… น่ากลัวยิ่ง!”
เมื่อมีคนกล่าวถึงมันก็ย่อมจะทำให้บรรยากาศหนักหน่วงขึ้นอีกครั้ง
ซ่างเหิงที่ได้ยินนั้นต้องขมวดคิ้วแน่น “เฒ่าคนนี้เองก็ผ่านทุกข์ทลายมาได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด! หลังจากผ่านทุกข์ทลายมาได้แล้วข้านั้นต้องนอนโทรมอยู่ถึงราวสามพันปีก่อนจะฟื้นฟูตัวได้! ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นผสานสามยอดแนวคิด มิติ เวลาและดาบเข้าด้วยกัน กำลังของท่านนั้นย่อมจะเหนือล้ำจนทำให้ศัตรูต้องขนลุก พลังทุกข์ทลายของท่านนั้นมันย่อมจะเหนือล้ำกว่าของเฒ่าผู้นี้ไปนับสิบเท่าร้อยเท่าแน่!”
เงียบงัน!
ตั้งแต่อดีตกาลมานั้นมันมียอดฝีมือมากมายเท่าใดแล้วที่ต้องตายลงเพราะทุกข์ทลาย?
แม้แต่คนอย่างซ่างเหิงนี้เองก็ยังแทบไม่อาจจะผ่านพ้นมันมาได้
ยิ่งคนผู้นั้นมีกำลังแข็งแกร่งมากเท่าใด ทุกข์ทลายมันก็จะยิ่งน่ากลัวขึ้นเท่านั้น
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าทุกข์ทลายที่เย่หยวนต้องเผชิญนั้นมันย่อมไม่มีทางธรรมดา
มันคือกำแพงใหญ่ที่ขวางอนาคตของเย่หยวนไว้!
ต่อสู้กับคนด้วยกันนั้นเย่หยวนไม่เคยจะพ่าย
แต่หากต้องต่อสู้กับสวรรค์เล่า?
…
“นายท่าน อาณาจักรบ่มเพาะของท่านดูเริ่มไม่คงที่ขึ้นทุกวันแล้ว ดูท่ามันคงใกล้บรรลุเต็มที! เวลานี้เราจะมาเสียเวลาไล่ตามศัตรูไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นหากทุกข์ทลายมันมาถึง มันคงได้กลายเป็นอันตรายอย่างมาก!” บนสนามรบนั้นว่านเจิ้นกล่าวขึ้นมา
ตั้งแต่ศึกบนเขาแปดโมฆะนั้นเวลามันก็ผ่านไปได้เกือบปีแล้ว
เกือบหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ทัพไร้คาดเดานั้นได้ต่อสู้ในศึกใหญ่น้อยมามากมาย
ภายใต้การต่อสู้ที่ดุเดือดนั้นความเข้าใจของเย่หยวนมันย่อมจะเพิ่มพูนจนเวลานี้เขาพอที่จะวาดแผนของอาณาจักรต่อไปได้แล้ว
เวลานี้อาณาจักรบ่มเพาะของเย่หยวนนั้นมันดูไม่คงที่ใกล้จะบรรลุเต็มทน
หากให้พูดตามหลักแล้วเย่หยวนย่อมจะต้องหาที่เก็บตัวเพื่อจะเตรียมรับทุกข์ทลายอันแสนอันตราย
ทุกข์ทลายของอาณาจักรเจ้าฟ้าดินนั้นมันเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก
เพราะว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่พลาดในจุดนี้ไปมันมีมากกว่าครึ่ง!
ว่านเจิ้นและผางเจิ้นนั้นพยายามพูดบอกเย่หยวนไปหลายครั้งแต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดฟังและยังคงทำตามใจตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...