ปัง!
เก้าอี้นั่งของเต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นแตกสลายลงสิ้น
เขานั้นกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเขากำลังไม่พอใจอย่างมาก
“เจ้าหมูหมาพวกนี้ บรรพกาลผู้นี้ดูแลมันมาอย่างดีเท่าใด มันกลับกล้าคิดหักหลังบรรพกาลผู้นี้หรือ?” เต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นร้องลั่นขึ้น
ไม่ไกลออกไปนั้นผางเจิ้นก็ตอบสวนกลับไป “ท่านบรรพบุรุษ เรื่องนี้มันเป็นความเห็นของคนส่วนมากไปแล้ว! สิ่งที่ท่านทั้งหลายตัดสินใจลงมือทำนั้นมันเป็นที่น่ารังเกียจของคนทั้งแผ่นดิน ทำไมพวกเขาจึงจะยังมายืนหยัดอยู่ข้างท่านด้วยเล่า?”
เต๋าบรรพกาลสายฟ้าจึงหรี่ตาลงกล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจ “หุบปาก เจ้าเด็กไม่รักดี! เจ้าเองก็คิดจะไปอยู่กับมันด้วยหรือ?”
“ใช่แล้ว!” ผางเจิ้นตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล
ตูม!
คลื่นพลังกดดันหนักหน่วงรุนแรงปะทุขึ้นมาพร้อมฝ่ามือของเต๋าบรรพกาลสายฟ้าที่มาจ่อหัวของผางเจิ้นในพริบตา
อีกแค่เส้นผมมันก็จะจบชีวิตผางเจิ้นลง!
แต่ผางเจิ้นนั้นกลับยืนนิ่งไม่คิดหลบ มองตาของเต๋าบรรพกาลสายฟ้าด้วยความหนักแน่นจนน่ากลัว
ราวกับว่าเขานั้นไม่สนใจชีวิตของตนเลยแม้แต่น้อย
เต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นโกรธเคืองอย่างมาก แต่เขานั้นจะทำอย่างไรก็ไม่อาจทำใจกระแทกฝ่ามือนี้ลงได้
“ไสหัวไป! ไปให้พ้นหน้าบรรพกาลผู้นี้! วันหน้าให้ถือว่าเจ้านั้นมิใช่คนตระกูลผางอีกต่อไป!” เต๋าบรรพกาลสายฟ้าร้องลั่น
ผางเจิ้นนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าเต๋าบรรพกาลสายฟ้าก่อนจะกล่าว “ไม่ว่าท่านบรรพบุรุษนั้นจะยอมรับหรือไม่ ข้าก็จะเป็นสมาชิกตระกูลผางเสมอไป!”
พูดจบเขาก็ลุกเดินจากไปทันที
และภาพเช่นนี้มันก็เกิดขึ้นในทุกๆ วังพำนักของเต๋าบรรพกาลทั้งหลาย
เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นถูกมิตรสหายทอดทิ้งสิ้นจนแทบจะกลายเป็นแม่ทัพไร้ทหาร
ความคับแค้นในจิตใจของพวกเขานั้นมันคงพอคาดเดาได้ไม่ยาก
มันมีหลายต่อหลายคนที่เป็นถึงขั้นทายาทสายเลือดตรงของเต๋าบรรพกาล อย่างเช่นตัวผางเจิ้นนี้ที่หนีออกไปจากค่ายกำลังของพวกเขา
เพราะว่าเวลานี้พวกเขานั้นมีทางเลือกชีวิตที่ดีกว่า
…
ในวันนี้ที่หน้าเขาแห่งถงเทียนนั้นอดีตเต๋าบรรพกาลทั้งเก้ารวมไปถึงบรรพบุรุษทั้งแปดตระกูลของเผ่าเทวาต่างมากันพร้อมหน้า
ทางด้านฝั่งเผ่าเทวานั้นมันมีจำนวนผู้คนราวๆ ร้อยกว่าคนได้ที่มากับบรรพบุรุษทั้งหลาย
ส่วนทางด้านฝั่งเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นมันกลับดูรกร้างแทบไม่เห็นเงาผู้คน
เมื่อเทียนชิงได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดยิ้มเย้ยขึ้นไม่ได้ “หึๆ เต๋าบรรพกาลผู้สูงส่งนั้นกลับมีคนติดตามเพียงเท่านี้ จะไม่สมเกียรติเกินไปหรือไม่?”
หลินเฉาเถียนได้แต่ตอบกลับไปด้วยใบหน้าเหยเก “ผลึกแห่งกฎมันมีแค่ไม่กี่ชิ้น จะเอาคนมามากมายทำไมเล่า?”
เทียนชิงนั้นยิ้มรับขึ้นเหมือนเข้าใจ “อ่า ที่แท้เป็นเช่นนั้น! ฮ่าๆๆ…”
เสียงหัวเราะนั่นมันเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน
หลินเฉาเถียนและพวกนั้นกัดฟันแน่นด้วยความไม่พอใจ
แต่ในเวลานั้นเองที่มันได้เกิดเงาดำขึ้นที่เส้นขอบฟ้า
คนทั้งหลายต่างต้องหันหน้าไปมองดูการมาถึงของเย่หยวนนี้!
จุดดำๆ ที่ขอบฟ้านั้นมันค่อยๆ ปรากฏชัดเจนและขยายตัวใหญ่ขึ้น เวลานี้เย่หยวนได้เหินตัวนำคนมากมายราวหกถึงเจ็ดร้อยคนมา
หมูสมบัตินั้นเองก็กำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของเย่หยวน
ข้างๆ กายเย่หยวนนั้นมีมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้และพวกมาพร้อมหน้า
ในหมู่คนที่ตามเย่หยวนมานั้น ส่วนมากคงเรียกได้ว่าเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลาย
ตราถงเทียนที่กระจายออกไปทั่วมหาพิภพนั้นมันมีอยู่หนึ่งพันแปดสิบชิ้น แต่ฝ่ายเย่หยวนนั้นกลับได้รับมันไปมากกว่าครึ่งของจำนวนนั้น มากกว่าจำนวนของอีกสองฝ่ายรวมกันด้วยซ้ำไป
แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ของเย่หยวนเหนือล้ำคนทั้งหลายไปเท่าใด
ได้เห็นเงาร่างอันคุ้นเคยที่เหินติดตามเย่หยวนมานั้นเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายต่างก็ต้องกัดฟันแน่น
“จางเจิ้น! วังจิน! ซู่เจิง! พวกเจ้ามันดีกันเสียจริง! ดีมาก!” หลินเฉาเถียนนั้นร้องลั่นขึ้นมาด้วยความคับแค้นสุดใจ
จางเจิ้น วังจินและซู่เจิงทั้งสามนั้นเป็นนายทัพใหญ่ที่หลินเฉาเถียนเชื่อใจมาก
หลินเฉาเถียนนั้นก็รู้ดีว่าชื่อเสียงของเขานั้นมันแทบไม่เหลือชิ้นดีแล้วจึงได้ส่งออกไปแค่เหล่าคนสนิทที่เขาไว้ใจ
แต่ก็ไม่นึกฝันว่าแม้แต่เหล่าคนสนิทนั้นเองก็ยังจะทรยศตัวเขาไปด้วย
ลูกน้องที่เขาส่งออกไปนั้นมันมีคนกลับมาเพียงไม่ถึงครึ่ง
เวลานี้เมื่อได้เห็นจางเจิ้นและพวกกอปรกับคำเย้ยของเทียนชิงนั้น มีหรือที่เขาจะยังอดทนรับความคับแค้นนี้ไว้ได้?
เมื่อสัมผัสได้ว่าหลินเฉาเถียนนั้นมองมาพวกจางเจิ้นทั้งหลายก็หน้าซีดขาวลงทันที
เพราะอย่างไรเสียพลังของหลินเฉาเถียนมันก็ยังสุดแสนแข็งแกร่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...