“ชิๆ น่าซาบซึ้งใจเสียจริง! พี่น้องของเจ้านั้นอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตไปเอาหยาดชีวามาได้ แต่สุดท้ายนั้นมันกลับถูกข้าแย่งชิงมา เจ้าคงไม่พอใจมากแล้ว?”
หลินเฉาเถียนนั้นยิ้มขึ้นมาด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด
แต่ในเวลานั้นเองมันก็ได้ปรากฏอีกเงาร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมาจากม่านหมอกมองดูเย่หยวนด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“หึๆ ท่านนักบุยฟ้าคราม ท่านพอใจกับของขวัญชิ้นใหญ่นี้หรือไม่?”
ผู้ที่กล่าวอยู่นี้มันมิใช่ใครอื่นนอกจากจางเจิ้น!
เย่หยวนขมวดคิ้วมองดูด้วยความขุ่นข้องในใจ
หลินเฉาเถียนนั้นใช้ทุกวิถีทางอย่างแท้จริง!
จางเจิ้นนั้นยิ้มตอบกลับไป “หึๆ ข้านั้นรู้ดีว่าท่านนักบุญฟ้าครามไม่คิดเชื่อข้าแต่แรก แต่ข้านั้นก็ไม่ต้องการความเชื่อใจใดๆ จากท่านนักบุญฟ้าครามอยู่แล้ว ตราบเท่าที่พี่น้องคนอื่นๆ ของท่านเชื่อข้าก็เป็นพอ!”
หลินเฉาเถียนนั้นยิ้มตอบกลับขึ้นมา “นอกจากจางเจิ้นแล้วเจ้าฟ้าดินทั้งหลายภายใต้ข้าต่างล้วนแปรพักตร์ไปอยู่กับเจ้าจริงๆ! หึ การผสานความจริงและคำหลอกเข้าด้วยกันนั้นมันทำให้เรื่องราวดูแยบยลขึ้นมาก! ที่สำคัญไปกว่านั้นดูเหมือนเจ้าจะลืมไปว่าข้านั้นเคยขึ้นมาในเส้นทางนี้ของเขาแห่งถงเทียนมาก่อน! ก่อนนั้นบรรพกาลผู้นี้สู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกว่าจะเอาตำแหน่งเต๋าบรรพกาลมาครองได้! มันไม่มีใครที่จะคุ้นเคยกับเขาแห่งถงเทียนไปมากกว่าข้าแล้ว! เพราะฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายของเจ้านั้นอยู่ที่ใดข้าย่อมจะรู้ได้สิ้น!”
เย่หยวนนั้นเป็นตัวตนที่เป็นภัยร้ายต่อหลินเฉาเถียน
มันแป็นภัยที่ร้ายแรงกว่าเผาเทวาเสียด้วยซ้ำ!
เพราะฉะนั้นหลายต่อหลายปีที่รอการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์นี้หลินเฉาเถียนต่างได้คิดหาทางต่างๆ มากมายเพื่อที่จะชำระแค้นกับเย่หยวน มิใช่เพื่อจะหาทางครองตำแหน่งเต๋าบรรพกาลใดๆ!
หลินเฉาเถียนนั้นเป็นคนฉลาด เขาย่อมรู้ดีว่าความแค้นของตัวเขาและเย่หยวนนั้นมันลึกล้ำจนไม่อาจเลี่ยงการปะทะได้
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้เค้นสมองมาหลายปีเพื่อที่จะวางแผนร้ายจัดการเย่หยวนลง
แต่สุดท้ายเขาก็ได้พบว่าปัญหานี้มันไม่มีทางจะจัดการลงได้!
เพราะเย่หยวนนั้นเป็นอมตะ!
ตราบเท่าที่เขาฆ่าสังหารเย่หยวนลงไม่ได้ เย่หยวนก็จะต้องพัฒนาตนเองต่อไปเรื่อยๆ จนก้าวข้ามเขาไปสักวัน
หลินเฉาเถียนนั้นเคยลองคิดว่าหากขึ้นไปครองตำแหน่งเต๋าบรรพกาลอีกครั้งแล้วมันจะพอไหวหรือไม่แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรแค่พลังของเต๋าบรรพกาลมันก็ไม่อาจจะสร้างความมั่นใจให้แก่เขาได้เลย
เย่หยวนนั้นมีความเป็นไปได้ที่ไร้จำกัด!
เช่นนั้นแล้วจุดอ่อนของเย่หยวนเล่า?
เพื่อนๆ ของเขา!
ครั้งก่อนนั้นเขาเตรียมการไว้ไม่ดีพอ
แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมพลาดอีก!
บนพื้นดินนั้นผางเจิ้นกระอักเลือดฝืนกล่าวสวนไป “จางเจิ้น เจ้ามารร้าย! ข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”
จางเจิ้นนั้นตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “หึๆ เจ้าเองก็คิดมากไปแล้ว! เขานั้นมีผลึกแห่งกฎแค่สองชิ้น เจ้าไม่รู้หรือว่าเขาจะเลือกใคร? ตามที่ข้ารู้มานั้นความสนิทสนมใดๆ ของเจ้ากับเขามันไม่อาจเทียบกับคนทั้งสองนี้ได้เลยมิใช่หรือ?”
ผางเจิ้นนั้นหรี่ตาลงพร้อมกัดฟันแน่น “ว่านเจิ้น ท่านเฉียนจี้ หลังจากข้าตายแล้วขอฝากพวกท่านสังหารเจ้างูพิษนี้ด้วย!”
ว่านเจิ้นนั้นหรี่ตาลงร้องตอบ “นายท่าน ช่วยท่านเฉียนจี้กับผางเจิ้นเถอะ!”
ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นจึงใช้แรงสุดท้ายหัวเราะตอบกลับไป “เด็กน้อยทั้งสองอย่างเจ้ากลับคิดจะให้คนเฒ่าอย่างข้าอยู่ทรมานต่อหรือ! เฒ่าผู้นี้อยู่มานับหมื่นๆ ล้านปีมันมากจนเกินพอแล้ว! เย่หยวน แม้ว่าข้านั้นไม่อาจจะทำสิ่งที่ท่านพ่อหวังได้สำเร็จ ทำได้แค่นั่งตัวสั่นมานับยุคสมัยแต่ข้านั้นก็ยังไม่ได้ตกต่ำถึงขั้นนั้น! เจ้าช่วยเด็กทั้งสองคนนี้เถอะ!”
เย่หยวนนั้นขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่อาจจะตอบกลับใดๆ ไปได้
เขานั้นสัมผัสได้ว่าหลินเฉาเถียนแฝงพลังบางอย่างไว้ในร่างของพวกเขา
หากเย่หยวนทำอะไรลงไปแล้ววินาทีเดียวกันนั้นคนทั้งสามคงได้ตายลงสิ้น
แต่คนทั้งสามนี้ตัวเย่หยวนไม่คิดจะยอมเสียใครไปทั้งสิ้น!
“ชิๆ ซาบซึ้งจนน้ำตาข้าจะไหลแล้ว! เวลานี้เจ้ายังจะคิดช่วยเหลือคนอื่นนอกจากตนอีก! หึๆ แต่เจ้าไม่คิดหรือว่าทำเช่นนี้มันมีแต่จะทำให้เขาเลือกยากขึ้น?”
หลินเฉาเถียนนั้นยิ้มเย้ยหันไปมองเย่หยวน “ทำไมเล่า? เลือกไม่ได้หรือ? เช่นนั้น… ให้ข้าช่วยเลือกให้ไหม?”
ตูม!
หลินเฉาเถียนชี้นิ้วออกมาทำลายขาทั้งสองของผางเจิ้นทิ้งลง
“อึก…” ผางเจิ้นนั้นเจ็บปวดอย่างสาหัสได้แต่ต้องสูดหายใจลึก
แต่เขานั้นกลับไม่คิดจะร้องขึ้น
แม้ว่าแผลเช่นนี้จะไม่ถึงตายแต่มันก็เจ็บปวดอย่างสาหัส
เย่หยวนนั้นหรี่ตาลงก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นเยือก “หลินเฉาเถียน เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
หลินเฉาเถียนนั้นกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อ่า? เช่นนั้นหรือ?”
ฟุบ!
เขาขยับตัวพุ่งเข้าใส่เย่หยวนทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...