“อ่าก!”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาพร้อมร่างของจางเจิ้นที่ร่วงตกลงกับพื้น
ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นเย่หยวนไม่เคยจะต้องเงยหน้าไปมองเลย
แค่จัดการกับคนอย่างจางเจิ้นนั้น แค่ใช้เศษเสี้ยวพลังดาบของเขามันก็มากเกินพอ
เขานั้นอยู่ห่างจากผลึกแห่งกฎธาตุน้ำไปเพียงก้าว
มันอยู่เพียงเอื้อมมือแต่กลับแสนไกล!
จางเจิ้นนั้นได้แต่มองดูที่ผลึกแห่งกฎตรงหน้าเขานั้นก่อนจะค่อยๆ คลานเข้าไปอีกครั้ง
เขานั้นยื่นมือที่ขาดนั้นออกมาพยายามจะใช้ช่วงแขนจับคว้าผลึกแห่งกฎไว้
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็มีลำแสงอีกลำหนึ่งพุ่งผ่านไป
มือทั้งสองของเขานั้นขาดสิ้น
ไกลออกไปนั้นเย่หยวนก็ได้กล่าวขึ้นมา “มนุษย์ม้วยมอดเพราะทรัพย์ ปักษานั้นตายเพราะของกิน! เพียงแค่ว่าเกิดมาเป็นคนนั้นทำการใดมันก็ควรมีเส้นที่ไม่ควรข้ามไป! กรรมใดใครก่อไว้กรรมนั้นมันย่อมจะคืนสนอง!
ผางเจิ้นนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพนั้น “ฮ่าๆๆ… จางเจิ้น เจ้าเองก็มีวันนี้จนได้! สะใจนัก! มันช่างสะใจนัก!”
จางเจิ้นนั้นเป็นคนฉลาดจึงไม่ได้เข้าใจตีสนิทผางเจิ้นจนเกินตัวใดๆ
แต่หลายๆ ครั้งเขาก็จะเนียนเข้าไปพูดคุยกับผางเจิ้น
แต่เขานั้นจะทำให้เหมือนแค่ได้บังเอิญมาเจอกับผางเจิ้นเท่านั้น
เป็นเช่นนี้เมื่อเวลาผ่านไปผางเจิ้นจึงเชื่อมั่นสุดใจว่าจางเจิ้นเป็นคนดีไม่ได้แฝงตัวเข้ามาตีสนิท
ระหว่างทางมาด้วยกันนั้นผางเจิ้นจึงไม่ได้คิดสงสัยจางเจิ้นเลย
แต่สุดท้ายตัวเขาก็ยังถูกจางเจิ้นแทงข้างหลังจนได้!
เขานั้นเสี่ยงชีวิตเป็นตายกว่าจะได้ครองหยาดชีวามา
แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นผลประโยชน์ให้หลินเฉาเถียน!
ความคับแค้นในจิตใจนี้มันทำให้เขาแทบคลั่ง
เวลานี้เมื่อได้สะสางความคับแค้นนั้นออกมาแล้วมีหรือที่เขาจะไม่ดีใจ?
ว่านเจิ้นหัวเราะลั่นขึ้นมา “ก่อนหน้านี้เจ้าคงไม่คิดฝันว่าเวลานี้มันจะมาถึงเลยใช่หรือไม่? สมน้ำหน้า!”
ปราณดาบนั้นมันค่อยๆ ซึมเข้าร่างของจางเจิ้นผ่านทางบาดแผลทำให้ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นมันเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าความตาย
มันคือความสิ้นหวัง!
ช่องว่างความห่างระหว่างเขาและเย่หยวนนั้นมันมากจนเกินรับ!
เขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนจงใจที่จะทำเช่นนี้
ให้เห็นแต่ไม่ให้ครอง!
ไม่มีสิ่งใดที่มันจะน่าเจ็บแค้นใจไปกว่านี้
เขานั้นห่างจากตำแหน่งเต๋าบรรพกาลเพียงก้าว
แต่เขารู้ดีว่าตนจะไม่มีทางได้เป็นเต๋าบรรพกาล!
เย่หยวนยกมือขึ้นมาใช้ปราณดึงเอาผลึกแห่งกฎกลับไป
จางเจิ้นนั้นได้แต่นั่งมองดูเรื่องราวนั้นอย่างไม่อาจขัดขืนใด
เมื่อจบสิ้นแล้วเย่หยวนก็ไม่คิดสนใจใดๆ เขาอีกหันหน้าไปตั้งตารักษาพวกผางเจิ้นต่อ
จางเจิ้นนั้นได้แต่ทิ้งตัวนอนอยู่บนพื้นดินอย่างไม่กล้าแม้แต่จะขยับ
เย่หยวนนั้นลงมืออย่างน่ากลัว จางเจิ้นย่อมจะไม่มีโอกาสได้หลบหนีใดๆ เป็นแน่
เวลานี้เขานั้นหวาดกลัวอย่างสุดหัวใจ การต้องมานั่งรอความตายนั้นมันมิใช่สิ่งที่ดีนัก
เวลานั้นค่อยๆ เลื่อนผ่านไปเรื่อยปราณธาตุไม้ทั้งหลายในร่างของคนทั้งสามมันก็ค่อยๆ ถูกเย่หยวนดึงออกมาเรื่อยๆ
พร้อมๆ กันนั้นอาการบาดเจ็บภายนอกของคนทั้งสามเองก็ดีขึ้นอย่างทันตา
ขาที่ขาดลงของผางเจิ้นนั้นมันค่อยๆ ฟื้นสภาพงอกกลับมาด้วยการรักษาของเย่หยวน
“นายท่าน หลินเฉาเถียนมันได้ผลึกแห่งกฎธาตุไฟไปแล้วมันย่อมจะต้องหาโอกาสหลอมซึมซับทันทีแน่ หากมันหลอมพลังกฎธาตุไฟไปได้แล้วกำลังของมันคงเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล” ผางเจิ้นกล่าวขึ้นด้วยท่าทางกังวล
เย่หยวนจึงได้ตอบกลับไปอย่างไม่คิดแยแส “มันนั้นโลภมากล้ำ แต่คิดจะโลภเอาอะไรมันก็ต้องมีปัญญารับพลังนั้นด้วย เรื่องราวของมันและข้านั้นจะได้จบลงในครั้งนี้แน่ พวกเจ้าทั้งสามช่วยดูเฝ้าให้ข้าด้วย ข้าจะเก็บตัวตรงนี้”
“เก็บตัว?”
คนทั้งสามแทบจะร้องขึ้นมาพร้อมกัน
คนอื่นๆ นั้นขึ้นเขาแห่งถงเทียนมาเพื่อล่าผลึกแห่งกฎรับตำแหน่งเต๋าบรรพกาล
แต่เย่หยวนนั้นกลับแสนแปลกประหลาด เขาขึ้นมาบนเขาเพื่อจะเก็บตัวบ่มเพาะตามปกติ
นี่มันจะเทียบเคียงกับการเพิ่มพลังของเต๋าบรรพกาลได้หรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...