เมื่อไม่มีแนวทางในการบ่มเพาะ พลังบ่มเพาะของเย่หยวนมันจึงไม่เคยจะถูกทำให้มั่นคง
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่อาจจะเรียกตัวว่าเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์ได้เสียด้วยซ้ำในตอนนี้
แต่เมื่อได้ลองหมุนวนปราณตามรูปแบบนั้นไปหนึ่งรอบแล้ว พลังบ่มเพาะของเขามันกลับมั่นคงขึ้นอย่างหนักแน่นทันที!
เวลานี้เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นต้นอย่างแท้จริงแล้ว!
“ช่างเป็นวรยุทธบ่มเพาะอันเหนือล้ำแท้! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหยียนยูเจินจึงสามารถขึ้นปกครองห้ายอดแดนสวรรค์ได้!” เย่หยวนนั้นร้องขึ้นอย่างดีใจ
เพราะแม้ว่าเขานั้นจะไม่ได้บ่มเพาะแต่เขาก็ได้ศึกษาวรยุทธบ่มเพาะของจุนเถียนมาก่อน
หากคิดอยากจะทำให้รากฐานพลังมั่นคงนั้นมันต้องทำการหมุนวนปราณไปนับพันๆ รอบ
แต่เย่หยวนนั้นแค่ลองหมุนเดินปราณไปรอบเดียวมันก็ทำให้พลังบ่มเพาะของเขามั่นคงขึ้นได้อย่างทันที
มันย่อมจะหมายความว่าสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำนี้มันคือสุดยอดวิชาวรยุทธบ่มเพาะที่ดีกว่าวรยุทธบ่มเพาะทั่วๆ ไปนับพันๆ เท่า!
แค่มองดูก็รู้สึกได้ถึงความเหนือล้ำของมันทันที
แต่เสียงฝีเท้าหนึ่งมันกลับขัดทำลายความตื่นเต้นดีใจของเย่หยวนลง
มันคือกุ้ยเทียนหยู!
เขานั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่หยวนด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “เด็กน้อย เจ้าอย่าได้คิดว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่! ข้าเตือนเจ้าเลยว่าจงอยู่ห่างจากหยางเสว่เจินเสีย ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้ตายดี!”
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจต่อล้อต่อเถียงใดๆ เดินผ่านหน้าเขาไป
เมิน!
กุ้ยเทียนหยูนั้นโกรธจนหน้าดำหน้าแดงขึ้นมาแต่ก่อนจะทันได้ลงมือใดๆ เขากลับเหลือบไปเห็นหยางเสว่เจินเดินมาเสียก่อน “ศิษย์พี่เทียนหยู เย่หยวน ได้เวลาไปกันแล้ว”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “กำลังไป”
ได้เห็นเงาหลังของคนทั้งสองเดินจากไปเช่นนั้นตัวกุ้ยเทียนหยูก็ยิ่งรุ่มร้อนไปทั้งทรวง
…
เหล่าคนทั้งหลายนั้นเดินทางออกจาป่าหมึกเรืองตรงไปยังอาณาจักรตะวันออกทันที
พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างเดินทางกันมาอย่างไม่มีหยุดพักจนรีบกลับมาถึงยังเมืองจักรพรรดิของอาณาจักรตะวันออก
ตรงหน้าของคนทั้งหลายนั้นมันเป็นบ้านขนาดใหญ่โตจนเรียกว่าเป็นคฤหาสน์ได้ ที่แห่งนี้มันคือคฤหาสน์ตระกูลหยางนั่นเอง
ตระกูลหยางนั้นเป็นตระกูลเล็กๆ ในอาณาจักรตะวันออกแต่ก็มีฐานะไม่น้อย
หยางเสว่เจินนั้นมีพรสวรรค์มากล้นจึงได้ถูกทางนิกายพันกระเรียนเลือกไปเป็นศิษย์
ลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูนั้นเองต่างก็เป็นคนจากตระกูลใหญ่ในเมืองจักรพรรดิ มีสถานะสูงส่งกว่าตระกูลหยางไม่น้อย
ส่วนตระกูลหยางและตระกูลหลี่นั้นเป็นตระกูลที่มีเรื่องบาดหมางกันมานานแสนนานจากการแย่งชิงอำนาจ
เพียงแค่ว่าเมื่อราวๆ หนึ่งเดือนก่อนนั้นหยางเสว่เจินได้ยินข่าวจากตระกูลหยางว่าพ่อของตัวนางได้ถูกสังหารตายลงด้วยมือของผู้นำตระกูลหลี่ หลี่ปาเถียน
เรื่องนั้นมันทำให้ตระกูลหยางตกที่นั่งลำบาก
หลังจากที่หยางเสว่เจินได้รับข่าวไปนางก็ต้องรีบกลับมาบ้านอย่างไม่รอช้า
ลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูนั้นหมายปองตัวหยางเสว่เจินมานานเมื่อได้เห็นโอกาสเช่นนี้แล้วมีหรือที่พวกเขาจะปล่อยมันผ่านไปได้ง่ายๆ?
เพราะจะอย่างไรเสียตระกูลลู่และตระกูลกุ้ยนั้นมันก็มีสถานะสูงส่งเกินกว่าที่ตระกูลหลี่จะทำอะไรให้ได้
“หยุดก่อน!” เมื่อมาถึงหน้าตระกูลหยางนั้นคนทั้งหลายก็ถูกเรียกให้หยุดลง
หยางเสว่เจินหรี่ตาลงอย่างมึนงงก่อนจะร้องว่าออกมา “เทียนหมิง หยางอี้ พวกเจ้าคิดทำอะไรกัน? จำหน้าข้าไม่ได้แล้วหรืออย่างไร?”
เทียนหมิงนั้นตอบกลับมา “คุณหนู เวลานี้มันมีแขกสำคัญกำลังมาเยือนเรา พวกท่านทั้งหลายรออยู่ภายนอกก่อนเถอะ!”
หยางเสว่เจินผงะไปพร้อมกล่าวขึ้น “แขกสำคัญปานใดกัน? ถึงขั้นข้าจะเข้าไปในบ้านไม่ได้? นี่พวกเจ้าคิดต่อต้านหรืออย่างไร?”
ในเวลานั้นเองที่ลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูได้ก้าวขึ้นมาด้านหน้าพร้อมๆ กัน
ลู่หยวนเจี๋ยกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงขุ่นเคือง “ขี้ข้าไสหัวไป! ไม่เช่นนั้นนายน้อยผู้นี้จะสังหารเจ้าลงแน่แล้ว!”
กุ้ยเทียนหยูพูดตามขึ้นมาอย่างไม่คิดน้อยหน้า “หมาที่มันกล้ามาเห่าใส่เจ้าของ! ดูหน้านายน้อยผู้นี้ให้ดีเสียก่อนที่จะเห่า!”
เทียนหมิงหน้าซีดลงเมื่อเขาจดจำคนที่มาถึงได้เขาจึงรีบกล่าวขึ้น “ที่แท้เป็นนายน้อยลู่และนายน้อยกุ้ย ขออภัยด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...