เป้าหมายที่เย่หยวนตั้งไว้ให้แก่หลินหลานนั้นมันถือได้ว่าสูงล้ำไม่น้อย
จากระดับห้าไประดับเจ็ดมันอาจจะฟังดูไม่มากมายแต่ความยากของมันนั้นเหนือล้ำเกินจินตนาการ
คุณภาพของโอสถสวรรค์นั้นมันจะมีช่วงคอขวดตรงระดับสาม ระดับห้า ระดับเจ็ดและระดับเก้า
ที่สำคัญยิ่งเป็นคอขวดระดับสูงมันก็จะยิ่งยากเย็นยิ่ง!
หลินหลานนั้นสามารถจะก้าวขึ้นมาถึงระดับห้าได้เพราะว่าพลังของนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองเท่านั้น
แต่หากคิดจะขึ้นไปให้มากกว่านี้มันคงยากเกินมือ
หากระดับเจ็ดมันหลอมกันได้ง่ายๆ คนทั้งหลายก็คงไม่แตกตื่นกันถึงขั้นนั้นในตอนที่เย่หยวนหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับเจ็ดขึ้นมา
เย่หยวนนั้นทำมันได้เพราะว่าพื้นฐานที่ยิ่งใหญ่กอปรกกับการฝึกฝนที่หนักหน่วงและพรสวรรค์ด้านการโอสถที่ยากจะหาใครเปรียบ
แต่สำหรับหลินหลานนั้นสิ่งนี้มันคือการทดสอบที่ยากเย็นที่สุดในชีวิต
ตั้งแต่ได้รับการทดสอบนั้นมาหลินหลานก็ทำการบ่มเพาะไปต่อเนื่องฝึกฝนราวคนคลั่ง
แต่ยิ่งฝึกไปเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตกตะลึงไปมากเท่านั้น!
ก่อนๆ มานั้นเขาไม่เคยจะคิดฝึกฝนมากมายกับโอสถสวรรค์ระดับพื้นฐานเช่นนี้มาก่อน
แต่เวลานี้เขากลับได้พบว่าระหว่างระดับห้าและระดับเจ็ดนี้มันช่างยากเย็นเหมือนการขึ้นสวรรค์!
เขานั้นได้แต่สงสัยอยู่ในใจว่าเย่หยวนทำไปได้อย่างไรกันแน่
คนผู้นั้นมันคือสัตว์ประหลาดชัดๆ!
ไม่แปลกเลยว่าเขาจะแพ้พ่ายอย่างย่อยยับเช่นนั้น
แต่ว่าหลินหลานในตอนนี้ก็มิใช่หลินหลานคนเดิมอีกต่อไป
เพราะหลังจากที่แพ้พ่ายลงไปในวันนั้นเขาก็แทบจะอยากตายลงให้มันจบสิ้นไป
แต่ว่าสิ่งที่เกิดมันกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังไว้
เพราะเขานั้นกลับได้สติและได้ความมุ่งมั่นต่อการโอสถกลับมาแทน
เขานั้นได้รับรู้ถึงความเป็นจริงว่าตัวเองนั้นหลงทางไปกับการแก่งแย่งอำนาจช่วงหลายต่อหลายปีที่ผ่านมานี้
เพราะฉะนั้นเขาจึงกล้าที่จะทิ้งทุกสิ่งและเข้ามากราบอาจารย์ผู้เก่งกาจคนนี้
แต่ต่อให้เขาจะฟื้นคืนความมุ่งมั่นเดิมมาได้แล้วแต่คิดจะพัฒนามันก็ยังยากเย็น
เป็นเวลานี้เองที่เขาได้ทราบว่าช่องว่างระหว่างตัวเขาและเย่หยวนมันห่างไกลกันแค่ไหน!
หญ้ากระดูกมังกรที่เย่หยวนหลอมในวันนั้นมันถูกตั้งวางไว้ข้างกายเขา
แต่ละครั้งที่หลินหลานหลอมกลั่นมันออกมา เขาก็จะทำการเทียบเคียงกับหญ้ากระดูกมังกรที่เย่หยวนหลอมไว้
แต่ผลลัพธ์มันกลับน่าผิดหวังทุกครั้งไป
การทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ มันช่างเป็นเรื่องที่หนักหน่วงหัวใจ
แต่โชคดีที่หลินหลานนั้นมีความอดทนอย่างเหนือล้ำ
หนึ่งปีต่อมาหลินหลานก็มีสภาพร่างกายราวกับศพที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากหลุม ดวงตาลึกโหลผมเผ้าร่วงตก
เขานั้นเดินถือโอสถสวรรค์ไว้ในมือก่อนจะหัวเราะขึ้นมาด้วยเสียงแปลกๆ ไปรอเข้าพบเย่หยวน
เมื่อเย่หยวนได้เห็นสภาพของหลินหลานที่ถือโอสถสวรรค์ปรับฐานไว้ในมือนั้นเขาก็ได้แต่ต้องส่ายหัวออกมา
“ปีที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากมาแล้ว! เอาเถอะ ข้าจะรับเจ้าไว้” เย่หยวนกล่าว
“เฮะๆๆๆ… ขอบคุณมาอาจารย์เย่! ศิษย์ขอคารวะอาจารย์เย่!”
หลินหลานหัวเราะด้วยเสียงแปลกๆ นั้นพร้อมก้มหัวลงกราบเย่หยวนและสลบหมดสติไปในท่านั้น
วันต่อมาหลินหลานก็เริ่มติดตามเย่หยวนออกไปเรียนรู้ฝึกฝน
งานที่เย่หยวนสั่งเขานั้นมันไม่ซับซ้อนอะไร เขาแค่ต้องหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานให้ขึ้นไปถึงระดับเก้าให้ได้ก็พอ
ส่วนระดับเก้าขั้นสุดนั้นเย่หยวนไม่คิดจะหวังใดๆ
หลินหลานนั้นไร้พรสวรรค์จนเกินไป มันย่อมจะไม่มีทางขึ้นไปถึงระดับเก้าขั้นสุดได้
เพราะแม้แต่ระดับเก้านั้นเองมันก็ยังถือว่าเป็นเป้าหมายที่สูงเหนือล้ำตัวหลินหลานในตอนนี้ไปมาก
หลังจากนั้นไม่นานองค์ชายรองก็ได้มายังคฤหาสน์ราชครูด้วยสีหน้าแตกตื่น
“ราชครู ทูตแห่งนิกายสวรรค์หยกแท้เรียกหาท่าน!” องค์ชายรองกล่าว
“อ่า? มีเรื่องอะไรถึงอยากพบข้าหรือ?” เย่หยวนถามขึ้น
องค์ชายรองนั้นกล่าวขึ้นมา “หลายปีก่อนนั้นท่านทูตได้พบเจอสุสานเก่าหนึ่งในป่าหมึกเรืองและคิดว่ามันอาจจะเป็นหลุมศพของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยก เพื่อที่จะเข้าไปยังที่แห่งนี้อาณาจักรตะวันออกเราต้องสูญเสียยอดฝีมือไปมากมายจนสุดท้ายเมื่อสองปีก่อนนั้นพวกเขาก็เปิดสุสานนั้นขึ้นมาได้ จากนั้นพวกเขาก็พากำลังยอดฝีมือเข้าไปจำนวนหนึ่งแต่เมื่อสามวันก่อนนั้นพวกเขาก็ได้กลับออกมาด้วยสภาพคนหนึ่งนั้นบาดเจ็บสาหัสส่วนอีกคนถูกพิษเข้า ทูตเฉิงจึงได้สั่งการให้ข้ามาเรียกท่านราชครูไปตรวจสอบดู”
เย่หยวนนั้นเองก็ต้องผงะไปทันทีที่ได้ยิน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายปีผ่านไปนี้มันกลับไม่มีความคืบหน้าเรื่องการตายของจุนเถียนเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...