ในแดนเนรเทศนี้มันไม่มีใครจะสนใจพลังบ่มเพาะกันทั้งสิ้น
เพราะว่าที่แห่งนี้การสู้ข้ามขั้นนั้นมันเกิดขึ้นทุกวี่วัน
หลายครั้งนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุดก็ตายลงด้วยมือของนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์ขั้นปลาย
บางครั้งบางทีมันก็มีนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุดที่ตายลงด้วยมือของนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นกลางเสียด้วยซ้ำ!
ส่วนเหล่าผู้ปกครองของเมืองทั้งสิบนั้นพวกเขาต่างล้วนแล้วแต่มีพลังบ่มเพาะถึงจุดสุดยอดของชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยชั้นสุดกันสิ้น
หากพวกเขาอยากพวกเขาก็ย่อมจะสามารถบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ได้ทันที
แต่การจะบรรลุขึ้นชั้นต่อไปนั้นมันจะทำให้พวกเขากลับกลายเป็นแค่คนอ่อนแออีกครั้ง
เพราะฉะนั้นพวกเขาหลายคนจึงเลือกที่จะอยู่เป็นหัวสุนัขดีกว่าขึ้นไปเป็นหางมังกร
แต่กำลังฝีมือของเหล่าเจ้าเมืองทั้งสิบนั้นต่างก็แข็งแกร่งจนไม่แพ้นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่กันแล้ว
เย่หยวนที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ “เอาล่ะ เช่นนั้นพาข้าไปที่เมืองตะวันโรจน์”
เหลียงเหวินและพวกนั้นย่อมจะไม่คิดขัดและเดินนำพาเย่หยวนไปยังเหลียงเหวินทันที
ที่แห่งนี้แต่ก่อนมันย่อมจะไม่มีเมืองใดๆ แต่หลังจากที่คนร้ายถูกจับเข้ามาขังมากขึ้นพวกเขาก็เริ่มจะมีการแบ่งแยกฝ่ายกันไป
เพราะฉะนั้นมันจึงได้ค่อยๆ เกิดเป็นเมืองขึ้นมาในนี้
ที่แห่งนี้มันไม่มีกฎใดๆ มากมาย กฎข้อเดียวที่มีก็คือใครเก่งกว่าย่อมถูกต้องเสมอ
เรื่องนี้เย่หยวนย่อมจะได้ยินมาตั้งแต่ก่อนเข้าแดนเนรเทศแล้ว
เมื่อเข้ามาถึงเย่หยวนก็ทำให้คนทั้งหลายหันมามองด้วยความสนใจทันที
“อ่า นี่มันคนนอกนี่! ดูชุดแล้วมันคงเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นสินะ! หึๆ เด็กน้อย เจ้าคงออกมาดูโลกใช่หรือไม่เล่า? แต่กล้าเดินเข้าเมืองมาทั้งๆ สภาพเช่นนั้นของมีค่าที่เจ้าเอาติดตัว…”
ฉัวะ!
นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุดคนหนึ่งที่เห็นว่าเย่หยวนเพิ่งมาถึงนั้นเดินเข้ามาขู่และปิดทางไว้
แต่สุดท้ายก่อนที่จะทันได้พูดจบเขาก็ถูกเหลียงเหวินฟันลง
เหลียงเหวินกล่าวขึ้นมาด้วยความเย้ยหยัน “ส่งให้พ่อเจ้าเถอะ! ไอ้เจ้าโง่ตาถั่ว กลับกล้ามาลบหลู่นายท่านหรือ! พวกเจ้ามองอะไรกัน? ไสหัวไปได้แล้วใครกล้ามาวางท่าอีกจะได้จบแบบมันนี่!”
คนทั้งหลายเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าเจ้านี่มันโง่ไม่มีตาเลยหรือ?
เหลียงเหวินนั้นเดินตามหลังเย่หยวนเข้ามาแท้ๆ แต่มันกลับยังกล้ามาขู่
แน่นอนว่าเมื่อดาบนั้นถูกฟันลงแล้วทั้งเมืองมันก็ย่อมจะเงียบเป็นเป่าสาก
คนทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องหันมามองเย่หยวนอย่างตกตะลึงสุดหัวใจ
เหลียงเหวินนั้นเป็นยอดคนของเมืองตะวันโรจน์ ตัวตนที่อยู่ในสามสิบอันดับแรก
หากคนระดับนี้ยังกลายเป็นผู้ติดตามไปได้ศิษย์นิกายสวรรค์ยุทธมั่นคนนี้มันย่อมจะต้องเก่งกาจมากแล้ว!
“ที่ใดที่มีคนผ่านไปมามากที่สุด?” เย่หยวนถามขึ้น
เหลียงเหวินรีบก้มหัวตอบกลับมา “ลานตะวันโรจน์ขอรับ!”
“นำทางไป!”
เหลียงเหวินนั้นเดินขึ้นมานำทางเย่หยวนตามที่ได้รับสั่งทันที
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงยังลานกว้างแห่งหนึ่ง
เย่หยวนหันหน้าไปมองรอบๆ และได้พบว่าที่แห่งนี้มันมีผู้คนเดินไปมาไม่ขาดสายจริงๆ จึงพยักหน้ารับอย่างพอใจ
จากนั้นเย่หยวนก็เดินเข้าไปยืนตรงกลางลานกว้างนั้นทิ้งให้เหลียงเหวินขมวดคิ้วแน่นอย่างมึนงง
ลูกน้องของเขาเองก็งงไม่แพ้กันจึงได้ถามขึ้นมา “พี่เหวิน เจ้าหมอนี่มันคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เหลียงเหวินจึงตอบกลับไปอย่างเหนื่อยหน่าย “ข้าจะไปรู้เรอะ? แต่อย่างไรเสียเท่านี้ชีวิตของเราก็คงรอดพ้นภัยแล้ว!”
ลูกน้องของเขาที่ได้ยินต่างพยักหน้ารับออกมาอย่างโล่งอก พวกเขานั้นรู้สึกเหมือนเพิ่งได้ไปเยี่ยมนรกมา
แต่ในเวลานั้นเองที่เย่หยวนได้ตะโกนลั่นขึ้นมาด้วยปราณเทวะ “จากวันนี้ไปเมืองตะวันโรจน์นี้จะเป็นของข้า! ภายในสามวันยอดฝีมือที่ติดอันดับหนึ่งร้อยทุกคนจะต้องมาก้มกราบคารวะข้า ไม่เช่นนั้นก็เตรียมตัวตายได้!”
เย่หยวนนั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างรุนแรงจนทำให้เสียงนั้นมันสะท้อนดังไปทั่วเมืองตะวันโรจน์ทันที
เมื่อเหลียงเหวินและพวกได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องอ้าปากค้าง
น่ากลัวยิ่ง! เจ้าหมอนี่มันช่างไม่กลัวเกรงใคร!
“มันพูดอะไรของมัน? ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?”
“เจ้าเด็กคนนี้มันคงบ่มเพาะจนบ้าไปแล้วใช่หรือไม่?”
“มันคิดมาฝึกตัวหรือมาหาที่ตายกันแน่? หึๆ น่าขัน!”
…
เสียงเย้ยหยันนั้นดังขึ้นมาทั่วลานกว้าง คำประกาศของเย่หยวนนี้มันย่อมจะไม่มีใครคิดว่ามันยิ่งใหญ่ใดๆ เพราะมันช่างฟังดูโง่เง่า
หลายปีมานี้มันมีคนที่คิดท้าทายเจ้าเมืองมากมายและคนที่ท้าทายสิบอันดับแรกนั้นก็มีไม่น้อย
แต่มันยังไม่เคยมีใครคิดท้าทายยอดฝีมือร้อยอันดับแรกพร้อมๆ กันเช่นนี้
ยอดคนร้อยอันดับแรกนั้นมันนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือของทั้งเมืองตะวันโรจน์ก็ไม่ผิดนัก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...