“หืม? ทำไมกันเล่า?” เย่หยวนถามขึ้นอย่างสงสัย
แค่ส่งจดหมายท้าดวลมันจะยังมีอะไรยุ่งยากอีก?
เฮ่อหยุนเซียงยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “นายท่าน ระหว่างสามปีที่ท่านเก็บตัวอยู่นี้หกในเก้าเจ้าเมืองที่เหลือนั้นต่างบรรลุขึ้นไปชั้นสองกันสิ้น เวลานี้ในชั้นหนึ่งเหลือเจ้าเมืองรุ่นเก่าอยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้น”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะผงะไป “พวกเขาไม่คิดจะบรรลุขึ้นไปมานานนับสิบๆ ปีทำไม… เอ๋? เพราะข้าหรือ?”
เฮ่อหยุนเซียงพยักหน้ารับ “จะเพราะเรื่องอะไรได้อีกเล่าท่าน? ข่าวการต่อสู้ของท่านกับจางซุนซิงหยู่มันแพร่กระจายออกไปถึงเมืองทั้งสิบอย่างรวดเร็ว เจ้าเมืองสะพานนิลและเมฆาหยกตะวันลับนั้นรีบบรรลุขึ้นไปภายในสามเดือน ส่วนเจ้าเมืองอีกสี่คนที่เหลือก็เลือกจะบรรลุขึ้นไปภายในเวลาแค่สองปี”
ที่แห่งนี้มันไม่มีคนโง่เง่าไร้สมอง พวกเขานั้นต่างเป็นถึงยอดฝีมือที่ขึ้นมาปกครองเมืองของชั้นแรกนี้ไว้ได้
การที่เย่หยวนมาท้าทายจางซุนซิงหยู่เช่นนี้มันย่อมจะเป็นสัญญาณว่าพวกเขาเองก็ไม่อาจจะรอดการท้าทายไปได้เช่นกัน
และการต่อสู้นี้มันยังสุดแสนที่จะดุเดือด พวกเขานั้นไม่อยากจะเป็นหินให้เย่หยวนเหยียบหัวเล่น
การต่อสู้อันดุเดือดเดิมพันด้วยชีวิตเช่นนี้หากพลาดไปเพียงนิดแล้วชีวิตก็คงหาไม่
แม้ว่าเหล่าเจ้าเมืองทั้งหลายนั้นจะเป็นยอดคนมากพรสวรรค์สักเพียงใดแต่พวกเขานั้นก็ยังรู้จักรักตัวกลัวตาย รู้ดีว่าเวลาไหนควรจะออกหน้า รู้ดีว่าเวลาไหนควรจะหลบหาย
ไม่มีใครโง่พอจะไปท้าทายศัตรูที่พวกเขารู้ตัวดีว่าไม่มีทางเอาชนะได้
ทำเช่นนั้นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย!
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะบรรลุขึ้น
‘ท้าทายไม่ได้ ข้าก็หลบได้!’
‘แน่นอนว่าเจ้าสามารถจะบรรลุขึ้นมาตามพวกข้าได้’
‘แต่หลังจากขึ้นไปชั้นสองแล้วศัตรูที่เจ้าเจอคงจะเหนือล้ำไปอย่างมาก ไม่มีเวลามาสนใจพวกข้าทั้งหลายเป็นแน่’
แท้จริงแล้วที่เหล่าเจ้าเมืองทั้งหลายไม่คิดบรรลุขึ้นไปก็เพราะว่าพวกเขาจะได้สุมกำลังอยู่ในชั้นนี้
พวกเขานั้นต้องฝึกฝนกำลังฝีมือให้มากพอจะใช้ชีวิตได้บนชั้นสองจึงจะกล้าบรรลุขึ้นไป
มุมปากของเย่หยวนกระตุกขึ้นทันทีที่ได้ยิน “มันยังเหลือเจ้าเมืองอีกสามคนมิใช่หรือ? ในเมื่อพวกเขานั้นยังไม่บรรลุขึ้นไปก็อย่าได้รอช้า ไปส่งจดหมายท้าดวลเสีย”
เฮ่อหยุนเซียงยิ้มแห้งๆ ขึ้นมาอีกครั้ง “เรื่องนั้นก็คงไม่ได้! เจ้าเมืองไฟทุ่น เมืองตั้งเมฆาและเมืองเขากล้วยไม้นั้นต่างแสดงออกมาแล้วว่าจะยอมจำนนต่อนายท่าน! นอกจากนี้เหล่าเจ้าเมืองคนใหม่ทั้งหกเองก็ต่างมารอพบท่านอยู่ในเมืองเราสิ้น”
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นต้องกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย คนทั้งหลายนี้มันไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย!
จะอย่างไรเย่หยวนก็ไม่อาจจะต่อยหน้าคนที่ก้มหัวให้ได้!
ด้วยนิสัยของเย่หยวนนั้นหากอีกฝ่ายคิดยอมแพ้จำนนแล้ว เขาย่อมจะไม่เหลืออารมณ์ไปรังแกพวกเขาอีก
แต่ว่าเย่หยวนนั้นก็ได้เข้าใจอีกครั้งว่าแดนเนรเทศนี้มันไม่มีคนหลงตัวเอง ทุกคนอยู่กับความเป็นจริง
หากเจ้าแข็งแกร่ง คนทั้งหลายก็พร้อมจะคุกเข่าให้!
เมื่อไม่มีทางเลือกเขาจึงต้องสั่งออกมา “เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไปเรียกพวกเขามาคุยหน่อย”
…
“เจ้าเมืองไฟทุ่น หลินถงขอคารวะนายท่านเย่หยวน!”
“เจ้าเมืองตั้งเมฆา เว่ยเซียงขอคารวะนายท่านเย่หยวน!”
“เจ้าเมืองเขากล้วยไม้ ซูเว่ยชิงขอคารวะนายท่านเย่หยวน!”
…
เมื่อเจ้าเมืองทั้งสามนั้นแนะนำตัวแล้วเหล่าเจ้าเมืองรุ่นใหม่ทั้งหกคนเองก็ต่างลงมาคุกเข่าคารวะเย่หยวนตามๆ กัน
นี่มันเท่ากับว่าเย่หยวนนั้นสามารถสยบแดนเนรเทศชั้นหนึ่งลงได้อย่างหมดสิ้นแล้ว!
เย่หยวนหันไปมองหน้าคนทั้งหลายก่อนจะพบว่าพวกหลินถงทั้งสามนั้นแท้จริงแล้วกลับมีคลื่นพลังที่รุนแรงมาก ดูแล้วแข็งแกร่งกว่าไประดับหนึ่งด้วยซ้ำ
เย่หยวนที่ได้เห็นจึงอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “เดิมทีข้าคิดว่าพวกเจ้าทั้งสามที่ไม่ยอมบรรลุขึ้นไปนั้นจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่เจ้าเมืองรุ่นเก่า แต่ดูท่า… มันคงไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดแล้ว!”
หลินถงก้าวออกมากล่าว “ที่นายท่านว่ามันก็ถูก! พวกเราทั้งสามนั้นเป็นสามอันดับต้นของเจ้าเมืองรุ่นเก่า! ตัวจางซุนซิงหยู่นั้นเป็นอันดับสี่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...