บนยอดเขาปีกเที่ยงไร้ซึ่งเสียงใดๆ ทั้งๆ ที่มีคนอยู่นับร้อยๆ เพราะไม่มีใครคิดฝันว่าเจ้านิกายนั้นกลับจะไม่กลัวเสียตำแหน่งและคิดปกป้องคนทั้งสองไว้สุดตัว!
เวลานี้แม้แต่เย่หยวนก็ยังตกตะลึง
เจ้านิกายนั้นเป็นเหมือนดั่งเสาเข็มปักค้ำจุนนิกายไว้
หากไม่เกิดเรื่องใหญ่โตร้ายแรงล้ำจริงๆ ตัวเจ้านิกายมันก็แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้านิกายที่มีพลังฝีมือและความนิยมสูงล้ำอย่างเฟิงซวนยี่!
แต่เวลานี้เขากลับเลือกที่จะทิ้งตำแหน่งเพื่อปกป้องเย่หยวนและหลัวหยุนชิง
เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ
แค่เรื่องนี้มันก็มากพอจะทำให้เย่หยวนยอมลงมือช่วยเหลือนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนี้ให้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปแล้ว!
ผู้อาวุโสใหญ่เชินฉางนั้นหรี่ตาลงมองดูด้วยใบหน้าที่ลังเลไม่น้อย
เพราะเขาก็ไม่นึกฝันว่าเฟิงซวนยี่กลับจะยืนมั่นเข้าข้างเย่หยวนขนาดนี้
“เจ้านิกาย ท่านพูดเล่นแรงไปแล้ว!” เชินฉางนั้นได้แต่ต้องถอนหายใจยาว
แต่เฟิงซวนยี่นั้นกลับตอบมาอย่างหนักแน่น “ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าพูดจริง! เรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงอนาคตความเป็นไปของนิกาย ข้าก็ไม่คิดจะเอามันมาล้อเล่นหรอก! ข้านั้นยอมรับว่าตอนที่ข้าไล่ฉินชุนมันไปตอนนั้นข้าคนนี้ประเมินกำลังของพันธมิตรโอสถต่ำเกินไปจริงๆ! แต่ในเมื่อเวลานี้มันแตกหักกันไปแล้ว เราจะยังเอาหน้าไปก้มกราบเท้าพวกมันให้เป็นที่อับอายทำไมอีก!”
“หากเราก้มหัวลงไปตอนนี้แล้วต่อให้พันธมิตรโอสถมันจะปล่อยเราไปแต่นิกายอื่นๆ มันจะมองเราด้วยสายตาแบบไหน? มันไม่มีใครคิดสงสารผู้ไร้กำลัง หากคิดอยากต่อต้านพันธมิตรโอสถนั้นเราต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่อ่อนแอลง!”
ฉือเฟยหยูที่ได้ยินจึงตอบกลับมา “ท่านเจ้านิกาย ท่านพูดได้ดี! แต่หากไม่มีโอสถสวรรค์แล้วเราจะยังแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไรเล่า? แม้จะไม่ต้องพูดถึงเรื่องของศิษย์ทั้งหลายแต่ท่านกับข้านี้ เราเหล่าคนชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกต่างก็ต้องพึ่งพาโอสถสวรรค์จากพันธมิตรโอสถทั้งนั้นมิใช่หรือ?”
เฟิงซวนยี่นั้นขมวดคิ้วแน่นเพราะถูกจี้ใจดำเข้า
นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นไม่มีนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่และพวกเขาเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างต้องพึ่งพาซื้อโอสถสวรรค์จากพันธมิตรโอสถสิ้น
มันเป็นเพราะเช่นนี้ที่ทำให้การคว่ำบาตรยิ่งได้ผลหนัก
ที่เฟิงซวนยี่คิดไม่ตกจนต้องยอมก้มหัวในตอนแรกมันก็เพราะว่าเรื่องนี้
หากไม่มีโอสถสวรรค์ระดับสี่แล้วมันมิใช่ว่าพวกเขาทั้งหลายเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกจะบ่มเพาะไม่ได้เลย เพียงแค่ว่าความเร็วของมันนั้นจะตกลงไปอย่างมากล้ำ
หากเป็นเช่นนั้นแล้วกำลังของนิกายอื่นๆ มันก็จะพุ่งทะยานก้าวล้ำหัวพวกเขาขึ้นไปในไม่ช้า
คนเราจะไม่ใช้โอสถสวรรค์มันก็ย่อมได้ เพียงแค่ว่าหากใช้มันแล้วความเร็วจะเพิ่มขึ้นอย่างเหนือล้ำ
ต่อให้จะเป็นยอดคนอย่างเย่หยวนนี้เองเขาก็ยังก้าวเดินมาด้วยโอสถตลอดเส้นทาง
เชินฉางพยักหน้าเห็นด้วย “ท่านเจ้านิกาย ความผิดที่ทำให้ท่านต้องลงจากตำแหน่งนั้นเฒ่าคนนี้คงแบกรับมันไว้ไม่ได้ แต่ท่านก็ต้องหาทางออกมาให้แก่พวกเราด้วยมิใช่หรือ? พูดแค่ว่าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างไร้แผนการเป็นรูปธรรมนั้นมันเห็นทีคงจะไม่ได้!”
คำพูดนี้มันเหมือนเป็นการด่าความไม่ยั้งคิดของเฟิงซวนยี่กลายๆ และถือเป็นการรุกฆาตด้วย
เฟิงซวนยี่ได้แต่ทำหน้าเหยเกเมื่อได้ยินแต่เวลานี้เขาก็เหมือนคนที่ขึ้นขี่หลังเสือมาแล้วจะลงคงไม่ได้ง่ายๆ
แต่ในเวลานั้นเองที่เย่หยวนได้ก้าวขึ้นมากล่าว “ผู้อาวุโสใหญ่คิดขอแผนเป็นรูปธรรมแต่ไร้ซึ่งทางปฏิบัติได้นั้นมันก็ไร้ประโยชน์ไม่ต่างกันมิใช่หรือ?”
เชินฉางนั้นหันมาตวาดลั่นทันที “โอหัง! ไอ้เด็กนรก เจ้ามีสิทธิอะไรมาพูดแทรก?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าสงสัยเหลือเกินว่าตำแหน่งผู้อาวุโสของข้ามันถูกเพิกถอนไปแล้วหรือ? หากมันยังไม่ถูกเพิกถอนข้าก็ย่อมจะมีตำแหน่งไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสใหญ่ท่านมิใช่หรือ? แค่กล่าวขึ้นมาตอนนี้มันจะเป็นการโอหังอย่างไร?”
เชินฉางนั้นผงะไปอย่างไม่อาจจะตอบกลับมาได้
หลายปีมานี้คนทั้งหลายต่างคิดว่าเย่หยวนตายลงไปแล้ว ไม่มีใครคิดสนใจจะไปถอนตำแหน่งผู้อาวุโสของเขาลง
ผู้อาวุโสพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง ตายก็ตายไป คนทั้งหลายต่างไม่สนใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...