“เด็กระยำ! ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกล้ามาขโมยสมบัติของเผ่าเงือก!!! คงเบื่อจะมีชีวิตกันแล้ว! เจ้าคิดว่าตัวเองจะเอาสมบัตินี้กลับไปได้หรือ? ในทะเลแห่งนี้เผ่าทะเลภูติแท้นั้นคือราชันย์!”
เวลานี้เบื้องหลังของคนทั้งหลายนั้นมีกลุ่มชาวเงือกมากมายกำลังวิ่งไหลตัวมาตามบนยอดคลื่นราวกับว่าทะเลแห่งนี้เป็นแผ่นดินสำหรับพวกมัน และความเร็วของพวกมันทั้งหลายนั้นเหนือล้ำกว่าเรือใหญ่ลำนี้ไปมากล้น!
พวกมันมีกลิ่นตัวที่เหม็นคาวอย่างมาก เวลานี้บนใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความคับแค้น
คนทั้งหลายนี้กลับไปปล้นศาลาเฝ้าสมบัติของพวกมันมา! และหนึ่งในของที่พวกเขาขโมยมานั้นมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเงือกอยู่ด้วย!
ภายใต้ความคับแค้นนั้นเผ่าเงือกจึงได้ส่งกองกำลังมากมายออกมาไล่ติดตามโจรร้าย
เวลานี้หากลองหันกลับไปมองแล้วจะพบว่ามันมีแต่ใบหน้าของกองทัพเงือกสุดลูกหูลูกตา ราวกับว่าเบื้องหลังของพวกเขานั้นมันมีม่านปกคลุมลงมาจนไม่อาจจะเห็นผิวน้ำได้เลย
หากลองนับดูคร่าวๆ แล้วมันย่อมจะมีเกือบหมื่นตน!
ชาวเงือกนับพันๆ นี้ส่วนใหญ่แล้วจะมีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยเท่านั้น แต่มันก็ยังมีเหล่าผู้นำที่แข็งแกร่งพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่อยู่นับร้อยๆ! และในหมู่คนทั้งหลายบนเรือนั้นมันมีเพียงแค่ซูเป่ยหยุนและหวงห่าวหยานเท่านั้นที่มีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นปลาย
คนอื่นๆ นั้นมีพลังเพียงแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นกลาง
หากพวกนั้นตามมาถึงแล้วพวกเขาคงได้ตายลงสิ้นแน่
“จะทำอย่างไรกันดี? เรา…เราต้องตายแน่แล้ว!”
“ให้ตายสิ ทำไมมันถึงตามเรามาได้รวดเร็วปานนี้? ด้วยกำลังของพวกเราทั้งหลายแล้วย่อมจะต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝังแน่!” หวงห่าวหยานนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนักใจ
ส่วนตัวชายชุดขาวนั้นเขาย่อมจะไม่คิดสนใจนับเป็นกำลังรบใดๆ
นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นกลางอีกคนหนึ่ง มีเพิ่มหรือไม่มันก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นมา
“พี่หยาน ท่านนั้นเคยล่อเงือกนับสามพันตนไปมิใช่หรือ? ทำไมท่านไม่ล่อมันออกไปอีกครั้งเล่า?” ซูเป่ยหยุนหันมาหาหวงห่าวหยานด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง
ห่วงหาวหยานที่ได้ยินก็ต้องผงะไปทันที
เขานั้นแค่ใช้แผนการและกลอุบายในการล่อหลอกเงือกทั้งหลายไปก็เท่านั้น
แท้จริงแล้วตลอดแผนการที่เขาทำนั้นเขาไม่ได้ไปต่อสู้ใดๆ กับเงือกเลยด้วยซ้ำ จะบ้าหรืออย่างไร!
คนผู้หนึ่งล่อหลอกภูติแท้นับพันๆ ไปด้วยตัวเองเช่นนั้นต่อให้จะมีสามหัวหกแขนมันก็คงไม่พอ
“เป่ยหยุน เจ้าคงไม่รู้แต่ว่าหลังจากข้าใช้วิชานั้นออกมาแล้วต้องรอเวลาอีกกว่าครึ่งเดือนกว่าที่จะใช้ได้อีกครั้ง! เวลานี้…เฮ้อ!” หวงห่าวหยานกล่าวขึ้นมาอย่างหมดแรง
ซูเป่ยหยุนเองก็ไม่คิดสงสัยใดๆ แต่ความสิ้นหวังของนางนั้นมันก็แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างไม่อาจปิดบัง
ชายชุดขาวนั้นจึงได้กล่าวแทรกขึ้นมา “เรื่องนั้น…ข้ามีวิธีอยู่ ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่เท่านั้น”
ซูเป่ยหยุนนั้นยิ้มแห้งๆ กล่าวขึ้น “แม้แต่พี่หยานยังไม่มีทางแก้ไขสถานการณ์แล้วคนอย่างเจ้าที่มีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นกลางนั้นจะทำอะไรได้? อย่ามากวนข้า!”
เจ้าคนไร้สมองผู้นี้ตัวซูเป่ยหยุนย่อมจะไม่คิดสนใจมองอย่างไรก็ไม่ชอบหน้า
ออกทะเลหนามใต้มาด้วยตัวคนเดียวจนสุดท้ายแล้วกลับไม่รู้จักหลงทิศทางไป
คนโง่ๆ เช่นนี้มันจะยังทำอะไรได้?
ส่วนเหล่าโอสถทั้งหลายนั้นคนเหล่านี้ย่อมจะคาดเดากันไปว่าชายคนนี้คงเป็นคนจากยอดตระกูลโอสถใดสักแห่งหนึ่ง
เพียงแค่ว่าเจ้าหมอนี่คงลืมเอาสมองออกบ้านมาด้วย แต่เวลานี้เองที่ทางหวงห่าวหยานได้กล่าวขึ้นมาแทรกไว้ “กำขี้ยังดีกว่ากำตด! เป่ยหยุน ลองฟังหน่อยจะเสียหายอะไรมากมายเล่า?”
ซูเป่ยหยุนนั้นยังคงรุมร้อนในใจไม่หายแต่สุดท้ายก็ต้องพยักหน้ารับออกมา
หวงห่าวหยานนั้นจึงกล่าวถามขึ้นมา “เจ้ามีความคิดใด รีบกล่าว!”
ชายชุดขาวนั้นจึงตอบกลับไป “อ่า…หนีก่อน!”
คนทั้งหลายแทบจะทรุดลงตรงนั้น!
ให้ตาย…แผนการความคิดบ้าบออะไรกัน?
ยังต้องรอให้เจ้ามาบอกหรือว่าต้องหนี?
หวงห่าวหย่านนั้นเองก็ได้แต่กล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ไอ้เด็กนรก เจ้าคิดกวนหัวข้าแล้ว?”
แต่ชายชุดขาวนั้นกลับยิ้มตอบมา “ที่ข้าบอกคือตอนนี้หนีกันก่อน หลังจากข้าฟื้นฟูพลังได้เต็มที่แล้วค่อยหาทางรอด”
พูดจบแล้วตัวเขาก็ไม่คิดสนใจเดินไปนั่งลงในมุมหนึ่งของเรือทันที
หวงห่าวหยานนั้นได้แต่ยืนกัดฟันแน่น แต่ตอนนี้มันยังมิใช่เวลามาตีกันเอง
ตอนนี้ต้องหนีกันก่อน!
เขากัดฟันหันหน้ามากล่าว “เป่ยหยุน เจ้าโยนมุกภูติทะเลที่ได้มาครั้งนี้ลงไปในค่ายกลขับเคลื่อนเสีย! จากนั้นก็เร่งพลังของค่ายกลให้ถึงที่สุด! มันมีแต่วิธีนี้เท่านั้นแล้ว!”
ซูเป่ยหยุนนั้นได้แต่กัดฟันแน่นพยักหน้ารับออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...