“นี่มันคืออะไรกัน?” เย่หยวนถามขึ้น
คนทั้งหลายต่างหันไปมองหน้ากันก่อนจะส่ายหัวออกมา ไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่
เย่หยวนนั้นก้มลงมองอย่างไม่รู้เช่นกันว่ามันคืออะไร
สิ่งนี้มันให้ความรู้สึกแปลกประหลาดแก่เขาแต่หากจะถามว่ามันแปลกประหลาดอย่างไรตัวเขาเองก็ไม่อาจจะอธิบายได้เช่นกัน
สุดท้ายแล้วเขาจึงได้แต่ต้องยอมแพ้
เย่หยวนนั้นโยนเปลือกหอยนั้นกลับลงกองสมบัติไปก่อนจะกล่าวขึ้นมา “เอาล่ะ ข้าเองก็มองมันไม่ออกเช่นกัน พวกเจ้านั้นคงมาจากตระกูลใหญ่กันใช่หรือไม่? เช่นนั้นพวกเจ้าก็เอากลับไปให้ผู้อาวุโสที่ตระกูลดูกันเถอะ เผื่อว่าพวกเขาจะรู้อะไรมากกว่านี้”
หวงห่าวหยานนั้นมองหน้าเย่หยวนด้วยความตกตะลึงไม่น้อย เขานั้นคิดไปถึงขั้นที่ว่าเย่หยวนคิดอยากดูสมบัตินั้นเป็นเพราะว่าเขาจะเอามันไปเป็นของตน แต่สุดท้ายเย่หยวนกลับไม่คิดแม้แต่จะเหลียวมองของพวกนี้
มีหรือที่เขาจะรู้ได้ว่าเย่หยวนผู้เป็นถึงผู้อาวุโสของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นจะต้องพบเจอของดีมามากมายปานใด มีหรือที่เขาจะหันมาสนใจของทั้งหลายนี้?
เผ่าเงือกนั้นมันเป็นแค่เผ่าน้อยๆ หนึ่งย่อมจะไม่มีทางเทียบเคียงกับนิกายสวรรค์ยุทธมั่นอันยิ่งใหญ่ได้
แน่นอนว่าต่อให้จะมีของดีแค่ไหนตัวเย่หยวนก็มิใช่คนที่จะมาแย่งชิงของคนอื่นด้วยวิธีการเช่นนี้
เรือนั้นมันแล่นไปเรื่อยๆ เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนจนในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงฝั่งได้
และหลังจากขึ้นฝั่งเดินทางมาอีกราวสิบกว่าวัน ในที่สุดเขาก็เดินทางมาถึงเมืองสงบทักษิณในที่สุด
เมืองสงบทักษิณนั้นเป็นเมืองใหญ่โตที่มีมหาค่ายกลวางไว้รอบๆ แนวกำแพงเมือง
เย่หยวนนั้นมองดูด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ทันทีว่าเต๋าค่ายกลสวรรค์ที่แฝงอยู่ในกำแพงเหล่านี้มันน่าจะอยู่ในระดับสามทีเดียว
ค่ายกลนี่มันเป็นมหาค่ายกลป้องกันอันใหญ่โต ต่อให้จะใช้กำลังของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำหลายสิบคนมันก็คงไม่อาจจะพังทลายค่ายกลนี้ลงได้
เมื่อเข้ามาถึงด้านในเมืองเย่หยวนก็หันหน้ามากล่าวกับคนทั้งหลาย “พวกเจ้ากลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ ข้าจะไปเดินดูเมืองด้วยตัวข้าเองแล้ว”
เมื่อหวงห่าวหยานได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกและกำลังจะเปิดปากกล่าวลาแต่ซูเป่ยหยุนกลับกล่าวขึ้นแทรก “ผู้อาวุโสเย่ท่านเพิ่งเคยมาถึงเมืองและยังไม่รู้ที่รู้ทาง ข้าจะขอเป็นคนนำทางให้ท่านจะได้หรือไม่?”
ได้เห็นว่าเย่หยวนคิดจะปฏิเสธนั้นนางจึงรีบกล่าวขึ้นมาต่อ “ผู้อาวุโส หากข้านับเวลาไม่ผิดตอนนี้เมืองสงบทักษิณเราน่าจะกำลังจัดงานชุมนุมโอสถสวรรค์เก้าเมืองอยู่ ที่แห่งนั้นมันจะเป็นแหล่งรวมยอดนักหลอมโอสถสวรรค์จากทั้งเก้าเมืองหนามใต้”
เมื่อหวงห่าวหยานเห็นท่าทางของซูเป่ยหยุนต่อเย่หยวนนั้นเขาก็รู้สึกจุกขึ้นมากลางอก
แต่ตัวเย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องรู้สึกสนใจขึ้นมาเป็นธรรมดา
เขาเพิ่งจะมาถึงและย่อมอยากจะรู้ว่าวิชาการโอสถของแดนสวรรค์ใต้นี้มันพัฒนาไปถึงระดับไหน
ส่วนความคิดของซูเป่ยหยุนนั้นเย่หยวนเองก็พอจะเข้าใจได้ นางคงคิดจะลากเขาเข้าไปเกี่ยวกันกับเรื่องราว
เขานั้นไม่ได้อ่อนต่อโลกจนถึงขั้นคิดว่าผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาเขานั้นคิดชอบพอในตัวเขา
ความกลัวในจิตใจของนางผู้นี้มันคงมากกว่าสิ่งอื่นใด
เพราะจะอย่างไรเสียการสังหารกองทัพเงือกนับพันลงต่อหน้านั้นมันก็ย่อมจะเป็นภาพที่คนทั้งหลายไม่อาจลืมเลือนไปได้ง่ายๆ
หวงห่าวหยานนั้นคงแค่คิดมากเกินไปเอง
แต่ว่าเย่หยวนนั้นก็ไม่ได้สนใจความคิดของหวงห่าวหยานมากมายนับ เพราะหากอีกฝ่ายไม่คิดหาเรื่องเขาก็ย่อมจะไม่ถือเป็นศัตรูกัน
แต่หากคิดมีเรื่องกันแล้วเย่หยวนก็ย่อมพร้อมจะส่งเขาลงนรก
เขานั้นเดินทางมาบนเรือของคนทั้งหลายแต่ก็ได้มอบโอสถให้ทั้งยังช่วยขับไล่ทัพเงือกไป แค่นี้ก็มากพอจะเป็นค่าตอบแทนแล้ว
แท้จริงจะนับว่าเป็นบุญคุณก็คงไม่เกินเลยไป!
ตอนนี้พวกเขานั้นไม่ได้ติดค้างกันอีกต่อไปแล้ว
“งานชุมนุมโอสถสวรรค์เก้าเมือง? ฟังดูน่าสนใจ! ไปสิ!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา
เขานั้นรู้ดีว่าเก้าเมืองใหญ่ชายทะเลหนามใต้นั้นจัดงานเช่นนี้ขึ้นมาย่อมจะเพื่อผนึกกำลังกันขับไล่ภูติแท้เผ่าทะเลแล้ว ค่ายกลของเมืองสงบทักษิณนี้เองมันก็คงมิใช่สิ่งที่คนทั่วๆ ไปจะสร้างขึ้นมาได้ เช่นนั้นย่อมจะมีกำลังยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังของเมืองทั้งเก้านี้ด้วยแน่แล้ว
“เรื่องนั้น…ตระกูลหวงข้าเองก็เข้าร่วมงานชุมนุมโอสถสวรรค์เก้าเมืองนี้ด้วยและข้าเองก็กำลังจะไปดูอยู่พอดี ขอข้าติดตามไปด้วยได้หรือไม่?” หวงห่าวหยานนั้นรีบกล่าวขึ้นมาแทรก
เย่หยวนพยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไรมากมาย
เมื่อซูเป่ยหยุนเห็นเย่หยวนรับคำเช่นนั้นแล้วนางก็ย่อมจะดีใจจนออกหน้า
ตัวตนที่น่ากลัวระดับนี้หากเขาบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำไปได้แล้ว เขาย่อมจะกลายเป็นยอดคนผู้ปกครองดินแดน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...