“เจ้าเป็นคนราชวงศ์หนามใต้?” เย่หยวนถามเด็กหญิงตัวน้อยดูท่าทางจะอายุราวเจ็ดถึงแปดขวบ
เด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้มีใบหน้าและท่าทางที่น่ารักน่าชังราวตุ๊กตา ใครได้เห็นก็คงอดยิ้มไม่ได้
บนหัวของนางมีเขางอกขึ้นมาน้อยๆ เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนว่านางนั้นเป็นคนราชวงศ์หนามใต้
เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าราชวงศ์หนามใต้นั้นมันเป็นตระกูลของมังกรน้ำ
มังกรน้ำนั้นหากนับกันแล้วพวกเขาย่อมจะเป็นสายเลือดต่ำของเผ่ามังกร ไม่อาจจะเทียบเคียงกับมังกรฟ้าได้
แต่เย่หยวนนั้นกลับรู้สึกว่าเด็กน้อยตรงหน้านี้มีสายเลือดที่สูงล้ำมาก
“พี่นี่น่าเบื่อจัง เรื่องเช่นนี้ยังต้องมาถามด้วยหรือ?” เด็กน้อยคนนั้นตอบกลับมา
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นแทบต้องหลุดหัวเราะขึ้นมา “เอาล่ะ ดูสภาพเจ้าแล้วเจ้าคงหลบอยู่ในสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกมาตลอด?”
เย่หยวนนั้นไม่นึกฝันว่าสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกนั้นมันกลับจะมีช่องมิติกว้างพอที่จะให้คนทั้งคนเข้าไปหลบซ่อนได้
แต่ว่าสมบัตินี้มันก็อยู่ในมือของหวงห่าวหยานมาตลอดตัวเย่หยวนจึงไม่ได้มีเวลาไปตรวจสอบมากมาย
เด็กน้อยนั้นยิ้มตอบกลับมา “ใช่ ตอนที่พี่สาวสวยๆ นางนั้นมายังเผ่าเงือกข้าก็ได้รู้แล้วว่าโอกาสมันมาถึง เพราะฉะนั้นข้าจึงได้หลบเข้าไปซ่อนในสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกและทิ้งตัวเองไว้ในศาลาเฝ้าสมบัติจนสุดท้ายนางก็หยิบข้าออกมาจริงๆ”
เย่หยวนนั้นต้องผงะไปเมื่อได้ยินก่อนจะมองเด็กน้อยคนนี้ด้วยปากที่อ้าค้าง
สงครามระหว่างแดนสวรรค์ใต้กับทะเลหนามใต้นั้นมันกลับเกิดขึ้นมาเพราะเด็กน้อยคนนี้นึกเล่นสนุก?
นั่นทำให้สายตาของเย่หยวนดูไม่เป็นมิตรขึ้นมาทันทีทำให้เด็กน้อยคนยิ้มเหยๆ “พี่ อย่ามองข้าแบบนั้นสิ ข้ากลัว”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก “กลัว? เฮอะๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการเล่นสนุกของเจ้านั้นมันเกือบจะทำให้ชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนต้องตายตกลงไป?”
หากมิใช่เพราะเย่หยวนนั้นบังเอิญมายังแดนสวรรค์ใต้นี้แล้วเมืองทั้งเก้านี้มันคงต้องจมหายไปในทะเลเป็นแน่
คนอย่างเย่หยวนย่อมจะไม่มีทางมองข้ามการเล่นสนุกที่สร้างความฉิบหายระดับนี้
เด็กน้อยนั้นตอบกลับมาอย่างไม่คิดสนใจ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า?”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องขมวดคิ้วแน่น “เช่นนั้นเจ้าออกมาทำไมตอนนี้?”
เด็กน้อยนั้นตอบกลับมา “อ่า ไม่มีอะไรมากหรอก ข้าแค่จะไปแล้วเท่านั้น”
“ไป? ไปที่ไหน?” เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นถามขึ้นมา
เด็กน้อยนั้นยกมือขึ้นมาเก็บดึงสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกกลับเข้าไปไว้ในหว่างคิ้วตน
“แน่นอนว่าข้าย่อมจะออกไปเดินเล่น! ข้านั้นโหยหาอิสระมานานและคิดอยากจะไปเดินดูบนแผ่นดินนัก ข้าไปก่อนล่ะ บ๊ายบาย!”
พูดจบเด็กน้อยนางนั้นก็เดินเข้าไปในห้วงมิติทันที
เย่หยวนที่ได้เห็นจึงชี้นิ้วออกมาขัดไว้
“โอ้ย!”
เด็กน้อยนั้นรู้สึกเจ็บที่ด้านหลังจนต้องล้มหน้าคว่ำลง
นางหันกลับมามองเย่หยวนด้วยสายตารำคาญใจ “นี่ พี่แกล้งข้าทำไมเล่า?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องหัวเราะขึ้น “ราชวงศ์หนามใต้ของเจ้านั้นมันทำสงครามเพื่อจะเอาสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกนี้กลับไป เจ้าไม่รู้หรือ?”
เด็กน้อยนั้นจึงตอบกลับมา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า?”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้น “หากเจ้าอยากไปก็ไป แต่ทิ้งสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกไว้!”
เด็กน้อยคนนั้นหัวเราะตอบกลับมา “แล้วทำไมข้าต้องทิ้งมันไว้ด้วย?”
เย่หยวนนั้นหมดสิ้นซึ่งความอดทนใดๆ สิ้นและตอบกลับไปด้วยเสียงแข็ง “ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งนั้น!”
“หึ! พี่มีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ คิดจริงๆ หรือว่าข้าจะกลัว?”
เด็กน้อยผู้นั้นยกมือขึ้นมาพร้อมด้วยใบหน้าดำมืดอย่างไม่พอใจ
วินาทีต่อมานั้นทั้งห้องของเย่หยวนมันก็เปี่ยมล้นไปด้วยน้ำ
เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนกับว่าคลื่นพลังฟ้าดินภายในนั้นมันถูกปิดกั้นลง
จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามือเท้าความคิดหรือแม้แต่การเดินปราณเทวะภายในตัวมันก็ช้าเชื่องลงสิ้น
วินาทีที่เด็กน้อยคนนี้โจมตีนางนั้นกลับแสดงพลังของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นต้นออกมา
ที่สำคัญไปกว่านั้นการใช้กฎธาตุน้ำของนางนั้นยังเหนือล้ำกว่าใครๆ ที่เขาเคยพบเจอ
เด็กน้อยคนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “หึ แค่นี้ก็ขยับไม่ได้แล้ว? กล้ามาขัดใจคุณหนูผู้นี้มันหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ!”
“เช่นนั้นหรือ? จงพังลงเสีย!”
เย่หยวนหัวเราะตอบกลับมาพร้อมด้วยแปดดาบที่พุ่งออกมารอบกาย
พลังของดาบเองนั้นมันรุนแรงล้ำตัดขาดม่านน้ำที่ปกคลุมรอบห้องไว้สิ้น
เด็กน้อยคนนั้นสะดุ้งตัวขึ้นมาอย่างตกตะลึงทันที “เป็นไปได้อย่างไรกัน? ต่อให้จะเป็นนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำมันก็คงไม่อาจจะทำลายห้วงแดนวารีข้าลงได้ง่ายๆ! แต่พี่ทำได้ในพริบตา?”
เย่หยวนหัวเราะตอบกลับไป “เดิมทีแล้วข้าเห็นว่าเจ้าเป็นแค่เด็กน้อยไม่คิดจะลดตัวไปเล่นด้วย แต่ดูท่าแล้วเจ้ามันคงไม่คิดจะฟังเหตุผลของผู้คน!”
เด็กน้อยคนนี้มันไม่คิดรับฟังเหตุผลของใคร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...