จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2813

ตอนที่ 2813 ดีแต่อวดอ้างไร้ซึ่งฝีมือ
“เจ้ายังไม่ตายแต่ก็ไม่ห่างจากความตายนักหรอก หลังจากข้าฝังเข็มนี้ไปแล้วเลือดกัดกร่อนในร่างของเจ้าคงลดไปเหลือราวร้อยละเจ็ดสิบ แต่การกดดันมันด้วยการฝังเข็มเช่นนี้ก็ไม่ได้ดีนัก หากไปทำอะไรให้มันกำเริบขึ้นมามันจะยิ่งเป็นความตายที่ทรมานอย่างกว่าเก่า”

เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดขู่แต่อย่างใด

เพราะว่าวิชาการฝังเข็มของเขานั้นมันทำได้แค่สะกดอาการ และไม่ได้เป็นการรักษาเลย

แท้จริงแล้วมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากวิธีของนิกายยาสุดล้ำมากมาย

สิ่งเดียวที่แตกต่างนั้นคือเย่หยวนไม่ได้บอกให้คนทั้งหลายกลับไปลงสนามรบ

แต่หากมองผ่านๆ แล้วมันย่อมจะแทบไม่ต่างกัน

แต่เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน

จากเลือดที่ถูกกัดกร่อนไปกว่าร้อยละเก้าสิบ กลับเหลือแค่ร้อยละเจ็ดสิบ!

ตั้งแต่ที่เริ่มสงครามกับเผ่าเลือดมานั้นไม่เคยมีใครในสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดลดการกัดกร่อนในกระแสเลือดลงเช่นนี้ได้!

ที่สำคัญไปกว่านั้นตัวเสียวอี้ผิงนั้นยังเป็นคนไข้พิษเลือดกัดกร่อนมาแต่เดิมและได้รับการรักษาด้วยการฉีดเลือดภูตแท้ตามสูตรของนิกายยาสุดล้ำด้วย

เวลานี้เมื่อมันปะทุขึ้นมามันย่อมจะดุร้ายเสียยิ่งกว่าเสือ

แต่เย่หยวนกลับสยบเลือดที่บ้าคลั่งในร่างของเสียวอี้ผิงได้!

พวกเขาทั้งหลายคิดแค่ว่าวิชาฝังเข็มของเย่หยวนนั้น ทำได้แค่หยุดการแพร่ของเลือดกัดกร่อน

ใครจะไปคิดว่ามันจะสยบและชำระล้างได้ด้วย?

ในตอนนี้เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างรู้สึกหดหู่ลงตามๆ กัน

“ขอบพระคุณอาจารย์เย่ที่ช่วยเหลือ!” ที่ด้านข้างนั้นจ่าวเฉินรีบคุกเข่าลง

เย่หยวนหันกลับไปบอก “อย่าเพิ่งรีบขอบคุณข้านัก วิธีการรักษาจะมีหรือไม่นั้นมันยังต้องศึกษากันอีก! หากคิดอยากขอบคุณข้าก็รอให้หาทางรักษาได้จริงๆ ก่อนเถอะ!”

จ่าวเฉินนั้นส่ายหัวออกมา “จ่าวผู้นี้ขอบคุณที่อาจารย์เย่ยอมลงมือช่วยเหลือต่างหาก! เสียวอี้ผิงเจ้าเองก็ยังไม่รีบขอบคุณอาจารย์เย่อีกหรือ?”

เสียวอี้ผิงรีบตอบกลับไป “ข…ขอบคุณอาจารย์เย่มากที่ตอบแทนความชั่วของข้าด้วยบุญคุณครั้งนี้!”

วันนั้นในหมู่คนที่ว่าเย้ยหยันเย่หยวน เสียวอี้ผิงเองก็ร่วมวงไปด้วย และตอนที่เขาเห็นว่าเย่หยวนเป็นคนรักษาตัวเองนั้นเขายิ่งรู้สึกผิดหนักไปกว่าเก่า

เย่หยวนพยักหน้ารับคำขอบคุณนั้นไว้และหันไปหาจ่าวเฉิน “ไปพาคนที่อาการหนักมาที่นี่เร็ว”

“ขอรับ!” เวลานี้จ่าวเฉินได้ยอมรับนับถือเย่หยวนอย่างเต็มที่!

เขารีบพุ่งตัวหายออกไปทันที

เซียวชานนั้นเองก็ไม่นึกฝันว่าเย่หยวนนั้นจะมีวิชาถึงขั้นนี้ ทว่าดวงตาของเขานั้นมันกลับไม่ได้มีแค่ความชื่นชมแสดงออกมา

เพราะเขานั้นกำลังสนใจวิชาที่เหนือล้ำสวรรค์อันนี้!

เต้าเฉินและศิษย์นิกายยาสุดล้ำทั้งหลายเองก็ต่างสนใจไม่แพ้กัน

ไม่นานนักเสียวอี้ผิงก็ถูกหามออกไป เปิดที่ว่างในเต็นท์ให้จ่าวเฉินหามคนไข้รายใหม่เข้ามาวางต่อหน้าเย่หยวน

“เลิกคิดไร้สาระเถอะ พวกเจ้ามีเวลากันอีกแค่ไม่กี่วัน! หลังจากจบเรื่องครั้งนี้แล้วข้าจะถ่ายทอดวิชาหยกมุกเก้าใบให้แน่นอนไม่ต้องห่วง” เย่หยวนหันไปมองเซียวชานก่อนจะกล่าวขึ้นพร้อมหันหน้ากลับมาฝังเข็มต่อ

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวพวกเซียวชานนั้นก็ต้องผงะไม่อยากจะเชื่อ…วิชาที่เหนือฟ้าล้ำสวรรค์เช่นนี้ เย่หยวนกลับจะถ่ายทอดให้พวกเขาง่ายๆ?

เขาคงไม่ได้คิดจะยื้อเวลาหรอกใช่ไหม?

ระหว่างที่ความคิดของเขาทั้งหลายเตลิดไปไกล เย่หยวนก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้งระหว่างรักษา “ในวิกฤตเช่นนี้คนเราควรจะทิ้งความเป็นนิกายแตกแยกและรวมกันเป็นหนึ่ง หยกมุกเก้าใบนั้นมันเป็นสุดยอดวิชาก็จริงแต่ไม่ว่าข้าจะเก่งแค่ไหน ข้าก็ไม่มีทางรักษาคนทั้งสนามรบได้ด้วยตัวคนเดียว ข้ามีแต่ต้องถ่ายทอดมันเท่านั้น การทำเช่นนั้นถึงจะช่วยเหลือชีวิตทหารกล้าได้มากขึ้น”

ได้ยินเช่นนั้นเซียวชานก็แทบอยากจะมุดหน้าลงดินขุดรูหนีไป

เทียบกับเย่หยวนแล้วจิตใจของเขามันช่างคับแคบนัก!

ใช่แล้ว…

หากเย่หยวนนั้นไม่คิดถ่ายทอดมีหรือที่เขาจะแสดงมันออกมาตั้งแต่แรก?

หากเย่หยวนหวงวิชา เขาก็คงไม่คิดจะลงมือใดๆ แน่นอน

แต่เมื่อเขาก้าวออกมาแล้วเขาก็ย่อมจะทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยทัพสวรรค์แรก

ไม่นานนักมันก็ปรากฏพลังแห่งดวงดาวขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากรักษาต่อเนื่องไปถึงห้าวันห้าคืนนั้นเหล่าคนไข้มากมายที่อาการหนักหนาก็ค่อยๆ กลับมาได้สติ และเย่หยวนนั้นไม่ได้หยุดพักเลยแม้แต่น้อย

เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์คนอื่นๆ ที่ดูยังรู้สึกง่วงขึ้นมา ทว่าคนที่รักษายังไม่หยุดพัก แล้วคนที่แค่ดูจะไปพักได้อย่างไร?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ