แต่พริบตาต่อมาพวกเขาก็หายไปสิ้น!
“บ้า! จะบ้าเกินไปแล้ว! ไอ้นี่มันคนสติไม่ดีหรือ?”
“มันไม่รู้หรืออย่างไรหากว่าที่ร้อยบุตรได้ตำแหน่งมาแล้วพวกเขาจะได้การคุ้มครองจากวิหารโลหิตเทวาถือเหรียญทองเว้นตาย?”
“เรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆ แล้วแน่! วิหารโลหิตเทวานั้นย่อมจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ลงง่ายๆ แน่!”
“ชิๆ เรื่องราวเช่นนี้มันคงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การคัดเลือกร้อยบุตรแน่!”
…
คนทั้งหลายนั้นต่างตกตะลึงในการกระทำของเย่หยวน
เหล่าคนทั้งหลายนั้นได้ตำแหน่งว่าที่ร้อยบุตรมาแล้วย่อมจะถือว่าเป็นศิษย์ของวิหารโลหิตเทวา
แต่เย่หยวนกลับสังหารพวกเขาลงสิ้น!
เช่นนั้นแล้วถามว่าเฉียเจียนหยุดเย่หยวนไม่ได้หรือ?
เขาย่อมจะหยุดได้!
แต่เขาเลือกจะไม่หยุด
เฉียเจียนนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นเยือก “ไอ้หนู เจ้ามันโอหังอย่างไม่รู้จักฟ้าดินแท้ๆ! แต่ครั้งนี้ข้าอยากเห็นนักว่าใครจะยังมาช่วยเจ้าได้อีก!”
เย่หยวนได้กลอกตากลับไปมองเฉียเจียน “เลิกใช้ลูกไม้โง่ๆ ของเจ้าเถอะ! เจ้านั้นไม่ได้เข้าใจโลกของผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเลย! หากปล่อยให้ขยะพวกนี้มันไปถึงวิหารโลหิตเทวาแล้วมันก็คงมีแต่จะไปอวดโง่เท่านั้น เมืองข่ายยักษ์นั้นมีข้าไปคนเดียวก็เกินพอแล้ว!”
“พูดได้ดี!”
เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า ตัวเขาคนนี้มีคลื่นพลังที่เหนือล้ำกว่าพวกเฉียเจียนทั้งสองคนไปเล็กน้อย
แต่สีหน้าของเฉียเจียนนั้นมันกลับซีดขาวลง
เพราะเขาคิดไปว่าท่านทูตโลหิตนั้นจะต้องลงโทษเย่หยวนเป็นแน่
ใครจะไปคิดว่าเขากลับกล่าวชมว่าพูดได้ดีแทน!
ทูตโลหิตคนนั้นมองหน้าเย่หยวนด้วยสายตาที่ชื่นชม “ไอ้หนู ข้าถูกใจเจ้าไม่น้อย!”
คำพูดเดียวนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้างขึ้นมาอีกครั้ง!
ทูตโลหิตหันมามองเฉียเจียนและกล่าวขึ้นอย่างผิดหวัง “เฉียเจียน เจ้าทำให้ทูตผู้นี้ผิดหวังมากแล้ว! การพัฒนาพลังบ่มเพาะของเจ้ามันกลับทำให้จิตใจของเจ้าถดถอยลงแทน! ก่อนนั้นเจ้าเองก็เป็นร้อยบุตรคนหนึ่งที่สังหารศัตรูอย่างเลือดเย็นไม่เว้นหน้า! แต่ความเฉียบคมของเจ้านั้นมันได้หายไปจนสิ้นแล้ว เจ้าลืมเป้าหมายหลักของการเลือกร้อยบุตรไปแล้ว?”
ก่อนที่จากนั้นเขาจะหันไปมองหน้าพวกหยางชิงทั้งหลาย “เผ่าเลือดของเรานั้นไม่กลัวตาย สิ่งที่เรากลัวนั้นคือกลัวจะอ่อนแอ! มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะรอดชีวิตไปได้! คนอ่อนแอนั้นมันต้องตาย! เฉียเจียนนั้นมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน! เจ้าคิดว่าข้าผู้นี้จะลงโทษเฉียชิงเพราะขยะพวกนี้หรือ? บ้าบอ! สิ่งที่เขาพูดมานั้นมันถูกต้องแล้ว เมืองข่ายยักษ์นั้นมีแค่เขามันก็เกินพอ!”
คนทั้งหลายที่ได้ยินต้องเงียบปากลงทันที หลายต่อหลายคนได้แต่ต้องก้มหน้าด้วยความอับอาย
ตอนนี้แม้แต่เฉียเจียนเองก็ยังได้แต่ก้มหน้าอย่างอับอาย
คนทั้งสองนี้ไปตกลงอะไรกันมาก่อนหรือ?
ทำไมเขาถึงถูกตบหน้ารัวๆ จากทุกด้านเช่นนี้?
แต่หยางชิงนั้นต้องหัวเราะขึ้นมาในใจเมื่อได้ยิน เจ้าโง่นี่มันโผล่มาจากไหนกัน?
แน่ใจหรือว่าจะไปสนับสนุนคนอย่างมันนี้?
หากได้รู้ว่าคนที่ตัวเองสนับสนุนมันเป็นสายลับจากเผ่ามนุษย์แล้วเจ้าจะทำหน้าอย่างไรกัน?
แค่คิดหยางชิงก็แทบหลุดหัวเราะออกมา!
หยางชิงเฝ้ารอให้วันนั้นมาถึงไวๆ
เย่หยวนนั้นมันช่างก่อปัญหาได้สวยงามนัก!
“เอาล่ะ ในเมื่อการคัดเลือกจบลงแล้วพวกเจ้าทั้งสิบเอ็ดก็ออกเดินทางไปยังเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์กับข้าแล้วกัน!”
…
เมื่อมาถึงเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์นั้นต่อให้จะเป็นเย่หยวนเขาก็ต้องอ้าปากค้างกับความยิ่งใหญ่ของมันเช่นกัน!
เขานั้นสัมผัสได้ว่ากำแพงเมืองนี้มันก่อขึ้นมาจากสมบัติระดับสูงที่ส่งคลื่นพลังอันตรายอย่างมากออกมา
แม้ว่าเย่หยวนจะไม่เห็นว่ากำแพงเมืองนั้นมีค่ายกลใดๆ ติดตั้งอยู่แต่ว่ามันย่อมจะสามารถโจมตีผู้รุกรานได้อย่างรุนแรงแน่นอน!
มหานครฉีใต้นั้นมันไม่อาจจะมาเทียบเคียงกับเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์นี้ได้เลย
เมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์นี้มันสร้างขึ้นมาด้วยเลือดเนื้อของเผ่าเลือดอย่างแท้จริง!
ต่อให้จะเป็นเจ้าโลกมาบุกมันก็คงไม่อาจจะครอบครองเมืองนี้ได้ง่ายๆ!
“ท่านเสี่ยวเฟย เมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์นี้มันดูต่างจากเมืองอื่นๆ ไปสิ้นเชิงเลย!” เย่หยวนถามขึ้นอย่างสงสัย
ร้อยบุตรกลุ่มพวกเขานั้นต่างเป็นแค่เด็กบ้านนอกที่เพิ่งได้เข้าเมืองใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่ของเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์ไม่ต่างจากเย่หยวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...