เรื่องนี้มันย่อมจะกลายเป็นจุดสนใจของคนมากมาย เพราะว่าก่อนหน้านี้ต่อให้หลานเฉียจะเก่งแต่มันก็ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเก่งได้ถึงปานนั้น
เพราะสิบสระแรกนั้นมันคือจุดที่เหล่าสิบต้นกล้าว่าที่ร้อยบุตรอยู่กัน การจะไปท้าทายตำแหน่งนั้นมันย่อมจะหมายความว่าหลานเฉียนั้นมั่นใจในฝีมือมาก แต่มันก็ยังไม่มีใครคิดว่าหลานเฉียจะชนะได้จริง!
เขานั้นชนะได้อย่างสวยงาม!
คนทั้งหลายนั้นต่างเห็นได้ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วหลานเฉียยังไม่ได้เอาจริงสุดตัวเสียด้วยซ้ำ!
เจ้าหมอนี่มันเป็นม้ามืดอย่างแท้จริง
ในศึกร้อยบุตรครั้งนี้หลานเฉียคงนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือสิบอันดับแรกได้ง่ายๆ
วินาทีนี้หลานเฉียได้กลายเป็นดาวเด่นขึ้นเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์ขึ้นมาทันที!
ก่อนที่จะเข้าสระโลหิตนั้นหลานเฉียได้หันมาบอกเย่หยวนด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง “ยอดฝีมือจากทวีปสวรรค์แรก ข้าพร้อมรับคำท้าเจ้าในวันพรุ่งนี้! จำไว้ว่าข้านั้นอยู่ที่สระโลหิตหมายเลขเจ็ด!”
เย่หยวนนั้นนั่งรออยู่ข้างๆ ตลอดเวลา แน่นอนว่าเขาย่อมจะได้เห็นศึกนี้กับตา
หลานเฉียนั้นเก่งกาจจริง
ยอดฝีมือที่มาถึงเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์ได้นั้น มันย่อมจะไม่อาจเอาคนจากเมืองข่ายยักษ์มาเทียบเคียง!
เย่หยวนนั้นบอกได้เลยว่าเหล่าว่าที่ร้อยบุตรในสระโลหิตทั้งหลายนั้นมันเก่งกาจไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
พวกเขานั้นเรียกได้ว่าพ้นขีดจำกัดของจักรพรรดิเซียนไปแล้ว!
ต่อให้จะเอาศิษย์จากนิกายใหญ่อย่างนิกายยาสุดล้ำมาเทียบมันก็คงไม่อาจจะเทียบคนทั้งหลายนี้ได้!
แต่ว่าเย่หยวนนั้นย่อมจะไม่กังวลใด
ตอนนี้ด้วยพลังสายเลือดที่พัฒนาขึ้นมาฝีมือของเขามันย่อมจะหลุดจากระดับของจักรพรรดิเซียนไปไกลโข กอปรกับพลังของพรนั้นด้วยแล้วเขาย่อมจะไม่มีใครต้านทานได้!
ต่อให้ตอนนี้เย่หยวนจะต้องประลองกับจักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางเขาก็คงสามารถจัดการได้โดยความไม่แตกว่าเป็นมนุษย์!
จักรพรรดิเซียนเผ่าเลือดทั้งหลายนั้นมีความสามารถต่อสู้ข้ามอาณาจักรได้แต่หากต้องไปเจอจักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางเข้าแล้วมันก็คงไม่พ้นความตายแน่
มิใช่ทุกคนจะเก่งได้อย่างเย่หยวน
“เจ้ามันยังไม่มีค่าพอ!” ได้ยินคำท้าทายของหลานเฉียนั้นเย่หยวนก็ย่อมจะตอบกลับไปอย่างไม่แยแส
“ฮ่าๆ เจ้าอวดดีไปก่อนเถอะ หวังว่าถึงเวลาแล้วเจ้าจะไม่กลัวหัวหดไปก่อน!” หลานเฉียนั้นหัวเราะขึ้นเย้ย
ตัวเย่หยวนในเวลานี้มันได้กลายเป็นตัวตลกแห่งสระโลหิตไปแล้ว
เขานั้นบอกว่าจะท้าทายทุกคนในสระโลหิต มันย่อมจะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยคิดทำมาก่อนในประวัติศาสตร์
เพราะไม่มีใครเก่งกาจพอจะเอาชนะยอดอัจฉริยะระดับจักรพรรดิเซียนลงพร้อมๆ กันร้อยคนได้!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคนทั้งหลายนี้ยังมิใช่แค่อัจฉริยะทั่วๆ ไป!
วันต่อมามันก็ย่อมจะเกิดการท้าทายขึ้นอย่างต่อเนื่องมีม้ามืดปรากฏตัวขึ้นอีกหลายคนอย่างไม่มีหยุดพัก
แต่ไม่มีใครเจิดจ้าได้เท่าหลานเฉีย
วันต่อมา วันที่สามมันก็ถึงตาของเย่หยวน!
คนทั้งหลายนั้นต่างมามุงดูเรื่องราวและกล่าวเย้ยหยันขึ้น “นี่ ยอดฝีมือจากทวีปสวรรค์แรก มันถึงตาเจ้าท้าทายแล้ว! เจ้าบอกว่าจะท้าทายยอดอัจฉริยะทั้งสระโลหิตด้วยตัวเอง! อย่าได้ปอดแหกขึ้นมาก่อนเล่า!”
“เจ้ามันโชคดีจริงๆ เฉียซวยนั้นครบเวลากำหนดบ่มเพาะสิบวันจึงต้องออกจากสระโลหิตไปก่อน ไม่เช่นนั้นเจ้าคงได้เจอเขาแน่แล้ว”
“รีบๆ ไปสิ อย่าได้กลัว!”
“ยอดฝีมือ รีบๆ จัดการพวกมันลงให้หมดเถอะ ทำได้จริงข้าจะขอก้มหัวรับใช้ท่านเอง!”
…
เย่หยวนนั้นยังไม่ทันขึ้นสังเวียนมันก็มีเสียงเย้ยหยันดังขึ้นมาทั่วทิศ
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นเย่อหยิ่งย่อมจะไม่มีใครอยากลงมือ
พวกเขานั้นต่างหมายมุ่งอันดับหนึ่งแต่ก็ไม่มีใครจะบอกว่าตนนั้นเอาชนะคนทั้งหมดลงพร้อมกันได้
ไม่มีใครกล้า!
เฉียซวยนั้นคือคนที่ได้รับการยอมรับว่าเก่งกาจที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ หากเย่หยวนแค่คิดท้าทายเขานั้นมันย่อมจะไม่ทำให้เกิดเสียงเย้ยหยันขึ้นมากมายเท่านี้
แต่คิดท้าทายทุกผู้คนนั้นมันโง่จนเกินไป!
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงเป็นได้แค่ตัวตลกในสายตาคนทั้งหลาย
ผู้ดูแลหันมามองหน้าเย่หยวนก่อนจะถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ยอดฝีมือจากทวีปสวรรค์แรก เจ้ายังคิดท้าทายทุกคนพร้อมกันอยู่หรือไม่?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “แน่นอน เรียกพวกมันมาพร้อมๆ กันเถอะ ข้ายังต้องเอาเวลาที่เหลือไปบ่มเพาะต่ออีก”
ผู้ดูแลนั้นต้องผงะไป
เพราะดูน้ำเสียงที่ถามนั้นเขาคงไม่คิดว่าเย่หยวนจะเอาจริง
เขาแค่พูดขึ้นมาประชดเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...