โอสถเลียนโลหิตนั้นมันสามารถหลบซ่อนจากสายตาของเผ่าเลือดได้แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเจ้าโลกนั้นก็คือตัวตนที่อยู่เหนือความเข้าใจของเขา
พวกเขานั้นมีพลังเช่นไรตัวเขาไม่อาจเข้าใจได้ ที่สำคัญเย่หยวนก็ไม่ได้เล่าถึงเรื่องความตกตะลึงที่เจ้าโลกหยุนซานมี
หลังได้เห็นฤทธิ์ของโอสถเลียนโลหิตให้หยางชิงฟังด้วย
แต่ไม่นานหยางชิงก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพราะแม้แต่เจ้าโลกเองก็ไม่อาจจะมองทะลุฤทธิ์ของโอสถเลียนโลหิตนี้ได้
แท้จริงแล้วหากเจ้าโลกเกิดสงสัยและจับพวกเขาไปตรวจสอบจริงๆ จังๆ มันก็คงสามารถตรวจถึงสิ่งแปลกปลอมได้แน่นอน
แต่ใครเล่ามันจะไปคิดว่ามนุษย์สองคนกลับปลอมตัวเป็นเผ่าเลือดได้ แถมยังเดินทางมาถึงเมืองมหาจักรพรรดิเลือดและสามารถก้าวขึ้นมาเป็นยอดอัจฉริยะของเผ่าเลือดได้อีก!
นี่มันคือช่องว่างในความคิด แม้แต่เจ้าโลกเองก็ไม่มีทางจะนึกถึงเรื่องนี้ได้แน่นอน
ยอดอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาตัวเยียหวู่กวยย่อมจะดีใจมาก
เพราะเขานั้นรู้ถึงฝีมือของเย่หยวนมาหมดสิ้นแล้ว
แลกหนึ่งสระโลหิตกับยอดอัจฉริยะที่มีโอกาสสูงล้ำที่จะก้าวขึ้นเจ้าโลก มันย่อมจะคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม!
“แม้ได้เห็นข้าแล้วแต่เจ้ากลับดูไม่เกรงกลัวเลย?” เยียหวู่กวยถามเย่หยวนขึ้นมาอย่างสนใจ
“จะกลัวอะไรเล่า? อีกไม่นานข้าเองก็จะกลายเป็นคนระดับเดียวกับท่าน!” เย่หยวนตอบกลับไป
ทูตโลหิตจากทวีปวาโยนานร้องลั่นขึ้นมาขัดทันที “โอหัง! เจ้าโง่แสนโอหังคนนี้ เจ้าคิดว่าอาณาจักรเจ้าโลกมันบรรลุได้ง่ายๆ หรือ?”
เย่หยวนหันกลับไปมองหน้าเขาคนนั้นก่อนจะกล่าวขึ้น “ที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมามันก็เป็นหลักฐานแล้วว่าเจ้านั้นยิ่งอยู่ห่างไกลจากอาณาจักรเจ้าโลกขึ้นทุกวัน!”
“เจ้า! โอหังนัก!” ทูตโลหิตคนนั้นร้องลั่นมาด้วยหน้าดำหน้าแดง
คำพูดของเย่หยวนนี้มันจี้ใจดำของเขาเข้าอย่างจัง
มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดที่มีพลังคลื่นกำเนิดนั้นกลับไม่สามารถบรรลุระดับเจ้าโลกได้เช่นนี้ยิ่งนานวันมันก็ยิ่งจะทำให้ความมั่นใจของพวกเขาทั้งหลายถดถอย
เรื่องนี้มันยากจนเกินอธิบายได้!
แต่ว่ายิ่งไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งจะอยู่ห่างไกลเจ้าโลกขึ้นไปมากเท่านั้น
เยียหวู่กวยหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาตกตะลึงเพราะไม่นึกฝันว่าเด็กน้อยคนหนึ่งกลับจะพูดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้
หากวันหนึ่งพวกเขากลัวเจ้าโลกแล้ว มันก็จะเป็นเรื่องยากหากพวกเขาจะบรรลุอาณาจักรเจ้าโลกเอง
เยียหวู่กวยนั้นเห็นมามากและรู้ดีว่าทูตโลหิตทั้งหลายนั้นแทบไม่มีโอกาสบรรลุได้แล้ว
“ทู่ไห่ พอได้แล้ว! ทูตโลหิตอย่างเจ้ากลับลดตัวไปเถียงกับเด็กหนุ่มมันหรือ?” เยียหวู่กวยกล่าวขึ้นมา
เรื่องนี้ทำให้ทูตโลหิตคนนั้นแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีไป
เขา ทูตโลหิตผู้ยิ่งใหญ่กลับถูกด่าว่าต่อหน้าคน!
ทู่ไห่นั้นเป็นศัตรูกับเสี่ยวเฟย แน่นอนว่าเมื่อได้เห็นคนของเสี่ยวเฟยได้ดีเขาก็คิดอยากจะขัดขาเสียหน่อย สุดท้ายจึงห้ามปากตัวเองไม่ได้ต้องกล่าวขึ้นมาท้าทายเสี่ยวเฟยหลายต่อหลายครั้ง
เพียงแค่ว่าเขาเองก็ไม่นึกฝันว่าตัวเยียหวู่กวยกลับจะหันมาด่าเขาแทนที่จะด่าเด็ก
ดูท่าเจ้าโลกเยียหวู่กวยจะให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้มาก!
เสี่ยวเฟยนั้นได้แต่ต้องยิ้มกว้างอยู่ในใจ
‘ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่พ่อเจ้านี้ได้พลิกสถานการณ์กลับมา!’
เยียหวู่กวยนั้นไม่คิดสนใจและหันไปกล่าวกับเย่หยวนต่อ “เฉียชิง เจ้านั้นมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำกว่าคนในรุ่นเดียวกันอย่างสิ้นเชิง เจ้านั้นมันคือยอดอัจฉริยะในระดับที่เผ่าเลือดเราไม่เคยมีมาก่อน! แต่ว่าตอนนี้เจ้าก็เอาชนะคนรุ่นเดียวกันได้สิ้นเชิงแล้ว การคัดเลือกร้อยบุตรครั้งนี้มันก็คงไม่มีค่าใดๆ มากมายกับเจ้าอีก นอกจากนั้นแล้วพลังเลือดของเจ้ามันยังพัฒนาไปจนถึงขีดสุดของจักรพรรดิเซียนแล้วด้วย จะพัฒนาไปกว่านี้คงยากนัก เพราะฉะนั้นศึกร้อยบุตรครั้งนี้เจ้าไม่ต้องเข้าร่วมด้วยแล้วและก็ไม่ต้องไปยังวิหารโลหิตเทวาแล้วด้วยเช่นกัน”
เย่หยวนขมวดคิ้วร้องถามกลับมาทันที “จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร? ทำเช่นนั้นใครจะมายอมรับนับถือข้ากัน! คนอื่นเขาจะคิดว่าข้านั้นแค่ราชาที่ไร้บัลลังก์ ยกยอตัวเองว่าเป็นที่หนึ่งเท่านั้นแล้ว! ท่านเจ้าเมืองวางใจเถอะสายเลือดของข้านั้นยังสามารถพัฒนาไปได้อีกมาก และข้าต้องการไปยังสระโลหิตนี้ให้ได้! นี่มันคือรางวัลจากวิหารโลหิตเทวา ท่านเจ้าเมืองคงไม่คิดจะใช้อำนาจของท่านตัดรางวัลข้าไปเช่นนี้หรอกใช่ไหม?”
‘เจ้าหมายความว่าอย่างไร?’
‘หมายความว่าจะไม่ให้ข้าได้ฆ่าคนแล้ว?’
‘จะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!’
‘เพราะตอนนี้มันยังมียอดอัจฉริยะมากมายที่ข้าไม่ได้สังหารลง!’
‘เป้าหมายของข้านั้นคือการล้างบางยอดอัจฉริยะจักรพรรดิเซียนของเผ่าเลือด!’
‘แล้วข้าจะไม่ไปที่สระโลหิตได้อย่างไร?’
‘หากข้าไม่สูบมันให้แห้ง แล้วพวกเจ้าจะเอาสระโลหิตนั้นสร้างยอดฝีมือขึ้นมาได้อีกเท่าไหร่?’
‘ของพวกนี้มันต้องเป็นของข้า!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...