“ข้าได้ยินมาว่าทางตระกูลได้ปล่อยให้เฉียชิงน้อยนั้นเจ้าไปศึกษาศิลาโลหิตโกลาหลแล้วด้วย! มันย่อมจะหมายความว่าทางวิหารโลหิตเทวานั้นให้ค่ากับเขามาก!”
“แน่นอนว่าเจ้าเด็กคนนี้มันมากพรสวรรค์! หลังจากที่มันบรรลุเจ้าโลกได้แล้วข้าว่าเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์คงไม่อาจจะหยุดมันลงได้แน่!”
…
คนสองคนที่มีนามว่าเฉียชิงผงาดขึ้นมาพร้อมๆ กันด้วยฝีมือที่เหนือล้ำทั้งคู่ แน่นอนว่ามันย่อมจะทำให้เผ่าเลือดทั้งหมดต้องตกตะลึง
เรื่องนี้มันได้กลายเป็นตำนาน
เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายจึงได้เรียกหยางชิงที่มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าว่าเฉียชิงใหญ่และเรียกเย่หยวนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าว่าเฉียชิงน้อย
การปรากฏตัวของสองว่าที่เจ้าโลกนั้นมันทำให้ทั้งเผ่าเลือดตื่นเต้นกันอย่างมาก
หยางชิงนั้นเองก็เก่งกาจแต่ว่าเย่หยวนนั้นได้กลายเป็นดาวเด่นของทั้งเผ่าเลือดไปแล้ว
เพราะขณะที่ทางทวีปสวรรค์แรกเลี้ยงดูเจ้าโลกรุ่นใหม่ๆ อยู่นั้นมีหรือที่เผ่าเลือดจะไม่คิดเลี้ยงดูเจ้าโลกคนใหม่เลย?
ตราบเท่าที่มันมีเจ้าโลกมากพอแล้วเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์มันก็ย่อมจะมิใช่ปัญหาอีกต่อไป
สู้ด้วยเทคนิคไม่ได้ก็ใช้จำนวนเข้าสู้แทน
ส่วนเรื่องของศึกมหานครฉีใต้นั้นมันก็แค่การประลองมือเท่านั้น
เผ่าเลือดทั้งหลายนั้นไม่ได้กลัวจะตายและไม่เสียดายชีวิตทหารเลว
สิ่งที่พวกเขาสนใจนั้นคือการหายอดอัจฉริยะที่มีโอกาสบรรลุเจ้าโลกต่างหาก
อย่างการคัดเลือกร้อยบุตรนี้มันก็เพื่อสร้างการแข่งขันที่รุนแรงในเผ่าทำให้เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายได้ขัดเกลาและมีโอกาสบรรลุเจ้าโลกในที่สุด
ตอนนี้ภายในวิหารโลหิตเทวานั้นเองมันก็มีภาพที่ไม่อยากเชื่อเกิดขึ้นเช่นกัน
“ยินดีด้วยหวังจั่ว! ยินดีด้วยจริงๆ หวังจั่ว! เผ่าเลือดเราจะได้มียอดคนถือกำเนิดขึ้นอีกแล้ว!”
“เฉียชิงน้อยนั้นมันเจิดจ้าอย่างไม่อาจเอาอะไรมาหยุดได้เลย! ด้วยพลังสายเลือดของมันนั้นการขึ้นไปถึงอาณาจักรเจ้าโลกคงมิใช่เรื่องยากเลย!”
“เจ้าหมอนี่มันคือยอดคนที่จะก้าวข้ามยุคสมัย! เผ่าเลือดเราช่างยิ่งใหญ่นัก!”
“ยอดอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมันย่อมจะเป็นสัญญาณว่าเผ่าเลือดเราอีกไม่นานคงได้ปกครองทุกสวรรค์แล้ว!”
…
ในวิหารโลหิตเทวานั้นเหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายต่างร่ำร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
การปรากฏตัวขึ้นของเย่หยวนนี้มันเหมือนการปรากฏตัวขึ้นของผู้นำคนใหม่
ตัวตนเช่นนี้มันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
แม้แต่หวังจั่วนั้นเองก็ยังไม่ได้เหนือล้ำฟ้าดินขนาดนี้!
ก่อนที่หวังจั่วจะขึ้นมาเป็นยอดคนสูงสุดนี้เขาเองก็ย่อมจะมีคู่แข่งไม่น้อย
แม้ว่าสุดท้ายคู่แข่งของเขานั้นจะถูกเขาเอาชนะมาได้ในที่สุดแต่หากจะถามว่าเขาไร้เทียมทานในรุ่นตัวเองไหมมันก็คงตอบได้ยาก
คนที่ไร้เทียมทานในรุ่นเดียวกันนั้นมันคงมีแต่เจ้าสำนักคนสุดท้ายของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต!
แต่เย่หยวนคนนี้เป็นยอดอัจฉริยะในระดับนั้น!
ตัวตนเช่นนี้ปรากฏขึ้นมามันย่อมจะหมายถึงชัยชนะที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นของเผ่าเลือด
คนทั้งหลายนั้นต่างยินดีไปกับมัน
“หึๆ เสี่ยวเฟยเจ้าทำได้ดีมากทีเดียว! จากนี้ไปเจ้าได้สิทธิไปศึกษาศิลาโลหิตโกลาหลสิบวัน!” หวังจั่วหัวเราะลั่นขึ้นมา
เสี่ยวเฟยนั้นต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันคือสิ่งที่เขาต้องการเป็นเป้าหมายของเขามานาน!
วันนี้เขาจะได้รับโอกาสนั้นแล้ว!
หวังว่าหลังจากเข้าไปศึกษาศิลาโลหิตโกลาหลแล้วตัวเขาจะมีโอกาสบรรลุเจ้าโลกบ้าง!
ถึงตอนนั้นจะกลับไปเย้ยหยันพวกทูตโลหิตคนอื่นๆ ให้สาสมใจ!
“ขอบพระคุณท่านหวังจั่ว!” เสี่ยวเฟยตอบกลับไป
หวังจั่วพยักหน้ารับก่อนจะหันไปหาเยียหวู่กวย “หวู่กวย เฉียชิงมันนั้นคงต้องฝากเจ้าดูแลด้วยแล้ว! เจ้าต้องดูแลความปลอดภัยของเขาให้ดี! แต่อย่าให้เขากลายเป็นไข่ในหินเล่า เข้าใจไหม?”
เยียหวู่กวยพยักหน้ารับตอบกลับไป “ท่านหวังจั่ววางใจเถอะ หวู่กวยรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร!”
เรื่องการเลี้ยงดูเย่หยวนนั้นวิหารโลหิตไม่คิดปิดกั้นใดๆ เขา
วิหารโลหิตนั้นเปิดทรัพยากรทุกอย่างให้เย่หยวนเข้าถึงได้ตามต้องการ!
สิ่งใดที่ให้ว่าที่เจ้าโลกได้ตัวหวังจั่วก็ไม่คิดจะงก!
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้โอกาสที่จะเข้าไปศึกษาศิลาโลหิตโกลาหล
เพราะแม้แต่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดอย่างเสี่ยวเฟยนั้นยังได้เวลาศึกษาแค่สิบวัน แค่นี้มันก็ชัดเจนบอกจะบอกแล้วว่าเวลาการเข้าถึงศิลาโลหิตโกลาหลมันล้ำค่าแค่ไหน
แต่เย่หยวน จักรพรรดิเซียนตัวน้อยคนนี้ หวังจั่วกลับให้เวลาเขาถึงหนึ่งเดือนเต็ม!
เพียงแค่ว่าหวังจั่วนั้นคงไม่คิดฝันว่ายอดอัจฉริยะที่เขาตัดสินใจเลี้ยงดูสุดกำลังนั้นจะเป็นเย่หยวนที่เขาเกลียดชังอย่างสุดขั้วหัวใจ!
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...