จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2891

สรุปบท ตอนที่ 2891 อำนาจบาตรใหญ่!: จอมเทพโอสถ

ตอน ตอนที่ 2891 อำนาจบาตรใหญ่! จาก จอมเทพโอสถ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2891 อำนาจบาตรใหญ่! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ด้านนอกเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นมันมีเสียงโห่ร้องดังลั่นของเผ่าเลือดดังมาเป็นระยะๆ

ส่วนภายในเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ตอนนี้มันมีแต่ความมืดมนและอึดอัด

เผ่าเลือดนั้นได้แต่งตั้งบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์เรื่องราวที่ใหญ่โตเช่นนั้นต่อให้จะเป็นพันธมิตรสวรรค์แรกที่ไม่มีแหล่งข่าวในเผ่าเลือดเองก็ยังต้องได้ยินทหารเผ่าเลือดที่มาบุกนครต่างๆ พูดกล่าวถึง

เรื่องนี้มันย่อมจะเป็นข่าวร้ายอย่างมากมายมหาศาลต่อพันธมิตรสวรรค์แรกที่กำลังต่อต้านกำลังการรุกรานอยู่

“สหายทุกท่าน ความตายของสหายเต๋าหวู่เฟิงนั้นมันเป็นเรื่องที่เลวร้ายกับเราอย่างมาก! เรื่องนี้มันทำให้รูของเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ขยายตัวขึ้นอย่างมาก! เดิมทีข้านั้นคิดอยากให้ค่ายนิกายทั้งหลายนั้นฝึกฝนดูแลศิษย์ไปเรื่อยๆ หวังว่าจะได้เจ้าโลกมาเพิ่มสักคนสองคนแต่ตอนนี้…ดูท่ามันคงไม่อาจจะทำได้อีกแล้ว!”

เสียงของเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นดังลั่นไปทั้งเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ ผลลัพธ์ที่ตามมาจากความตายของหวู่เฟิงนั้นมันยิ่งใหญ่จนเกินกว่าที่พวกเขาในตอนนี้จะรับได้

ความตายของหวู่เฟิงนั้นไม่ได้ส่งผลแค่กับมหานครฉีใต้แต่มันส่งผลถึงพลังของเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ ในภาพรวม

การเสียเจ้าโลกไปนั้นมันย่อมจะเท่ากับว่าเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นเสียพลังงานไปอย่างมหาศาล

เรื่องนี้มันย่อมจะทำให้ช่องว่างของแต่ละนครนั้นกว้างมากขึ้นทำให้พวกเขาต้องรับมือการบุกของเผ่าเลือด ที่ดุเดือดขึ้นด้วย นั่นทำให้ตอนนี้ในทุกนครต่างประสบปัญหาขาดแคลนทหาร

แต่ละนครนั้นต่างมียอดฝีมือดูแลอยู่และย่อมจะยังไม่ปล่อยให้เมืองตกอยู่ในมือของเผ่าเลือดง่ายๆ

แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ทวีปสวรรค์แรกก็ได้สูญเสียกำลังไปอย่างมากเช่นกัน

ยี่สิบวันที่ผ่านมาทางพันธมิตรสวรรค์แรกนั้นได้บังคับนักยุทธจรไร้สังกัดทั้งหลายให้เข้าสังกัดมารับใช้นครต่างๆ

“พวกเผ่าเลือดนี้มันช่างดื้อด้านเสียจริง! หึ! จะยังกลัวอะไรมันอีก? อย่างมากก็แค่ต้องสู้เท่านั้น! หากมันบังคับมือพ่อเจ้าจริงๆ แล้วต่อให้พ่อเจ้านี้จะต้องตายข้าก็จะลากเผ่าเลือดมันลงนรกไปด้วยแน่นอน!” เจ้าโลกหยุนซานนั้นร้องลั่นขึ้นมา

“ตาเฒ่าหยุนซาน เลิกพูดจาไร้สาระเสียทีเถอะ! เรื่องสำคัญของเราตอนนี้คือจะทำอย่างไรกับมหานครฉีใต้นั้นต่างหาก!” เจ้าโลกเฮยหยางกล่าวขึ้นมา

“จะยังทำอะไรได้อีก? ในตอนนี้ศิษย์นิกายใหญ่ทั้งหลายนั้นต่างออกไปฝึกฝนนอกนิกาย การจะรวมกำลังมันต้องใช้เวลา! ซึ่งข้าคิดว่าอย่างน้อยๆ คงอีกต้องสิบวัน! ตราบเท่าที่พวกเขาทนได้อีกสิบวันมันก็ย่อมจะแก้ไขกันได้แน่นอน แต่หากพวกเขาทนไม่ได้แล้ว…มันก็คงได้แต่ต้องภาวนา!” เจ้าโลกหยุนซานนั้นตอบกลับไปด้วยหน้าเครียด

ดูสภาพตอนนี้แล้วมันคงไม่อาจจะเลวร้ายไปได้กว่านี้อีก

“ครั้งนี้ข้าเกรงว่า…มันคงยาก! เผ่าเลือดนั้นได้เลือกบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์คนใหม่มา มันคนนี้คือยอดฝีมือที่จะเปลี่ยนแปลงยุคสมัยอย่างแท้จริง! ข้าได้ยินพวกทหารมันพูดกันว่ากองกำลังร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนและร้อยบุตรจักรพรรดิเที่ยงได้เดินทางมาถึงเมืองข่ายยักษ์แล้ว! ตอนนี้คนทั้งสองร้อยนั้นคงกำลังเข้าร่วมกองทัพเป็นแน่!” เทพศักดิ์สิทธิ์กล่าวขึ้นอย่างหมดหวัง

คนอื่นๆ เองก็ต้องเงียบปากไป

เจ้าโลกหยุนซานนั้นนั่งเครียดอยู่นานก่อนจะกล่าวขึ้นมา “นี่พวกเจ้าว่าเย่หยวนจะเป็นหนึ่งในร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนที่กลับมาไหม? หากเป็นเขาแล้วมันอาจจะยังพอมีหวังอยู่!”

เจ้าโลกเฮยหยางส่ายหัวตอบกลับมาทันที “หยุนซาน เจ้าหลงศิษย์คนนี้มากไปหรือไม่? ร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนนั้นมันคือเผ่าเลือดที่แต่งตั้งโดยวิหารโลหิตเทวา เผ่าเลือดนั้นเก่งกาจแค่ไหนมีวิชาอะไรบ้าง แม้แต่เจ้าหรือข้าก็ยังไม่รู้! เจ้าคิดว่าเขาที่เป็นแค่จักรพรรดิเซียนน้อยๆ คนหนึ่งจะหลอกลวงเจ้าโลกเผ่าเลือดทั้งหลายได้? หากมันคิดไปร่วมงานคัดเลือกร้อยบุตรจริงๆ ข้าว่าป่านนี้มันคงตายไปแล้วด้วยซ้ำ!”

เมื่อหยุนซานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องถอนหายใจยาวออกมาเช่นกัน

เพราะแม้ว่าเย่หยวนจะมีโอสถเลียนโลหิตแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเผ่าเลือดจะโง่เง่า ไม่มีใครยืนยันได้ว่ามันจะไม่ถูกมองออก

“เช่นนั้นคงได้แต่ต้องฝากความหวังไว้กับเฟิงเสี่ยวเถียนเท่านั้นแล้ว!” เทพศักดิ์สิทธิ์กล่าวขึ้นสรุป

“คุกเข่า!”

“ท่านบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์…”

“ข้าบอกว่าให้เจ้าคุกเข่า ไม่ได้ยินหรือ?”

เฉียเจียนได้แต่ต้องคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ

เพราะตอนนี้เขาไม่อาจจะทำอะไรได้!

เจ้าเมืองซู่มู่นั้นได้พาคนทั้งหลายมาทักทายต้อนรับเย่หยวน เพราะเรื่องนี้เป็นงานใหญ่ที่คนทั้งเมืองให้ความสนใจ

ตัวตนของเย่หยวนในตอนนี้มันแตกต่างจากตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง

เขานั้นเทียบเคียงได้กับเจ้าโลก!

เพราะฉะนั้นการต้อนรับมันจึงต้องทำอย่างเต็มที่ไม่อาจขาดตกไปได้

แต่พวกเขาก็ไม่นึกฝันว่าพอได้เจอหน้ากันเย่หยวนกลับจะใช้อำนาจบาตรใหญ่สั่งให้เฉียเจียนคุกเข่าลงต่อหน้า

เฉียเจียนนั้นเป็นถึงมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ รองเจ้าเมืองข่ายยักษ์!

ยอดฝีมือระดับนี้เขาย่อมจะมีตำแหน่งในวิหารโลหิตเทวาไม่น้อยเช่นกัน

แต่ตอนนี้เขากลับต้องมาคุกเข่าต่อหน้าคนทั้งเมือง!

แท้จริงแล้วทั้งซู่มู่และเฉียเจียนนั้นต่างเฝ้าดูการคัดเลือกร้อยบุตรรอบนี้อย่างมากกว่าครั้งใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเฉียเจียนนั้นที่เขาเฝ้ามองดูเย่หยวนแสดงความโง่เง่าออกมา

เฉียเจียนนั้นได้แต่ต้องหายใจรุนแรงร้องตอบกลับมาด้วยน้ำตาที่เอ่อหน้า “ท่านบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ไว้ชีวิตน้อยๆ ของข้าด้วยเถอะ!”

เฉียนั้วที่อยู่ข้างๆ นั้นทนดูไม่ได้อีกต่อไปต้องรีบกล่าวขึ้นมาแทรก “ท่านบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ เฉียเจียนแค่ไม่ทันยั้งคิดและรักทายาทของตัวเองมากเกินไป ไม่ได้มีความคิดจะลบหลู่ท่านหรอก โปรด…”

“หุบปากเดี๋ยวนี้! ไอ้เจ้าโง่ นำกองทัพสามแสนไปตีเป็นสิบๆ วันจนตอนนี้ก็ยังตีมหานครฉีใต้มันไม่แตก เจ้ายังมีหน้ามาพูดปกป้องมันอีกหรือ? ข้านั้นยังไม่ได้ชำระเรื่องราวนั้นกับเจ้านะ!” เย่หยวนหันไปมองด้วยสายตาที่เย็นเยือก

สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันบ้าเลือดอย่างมาก ราวกับจะสังหารเทพลงได้!

หยางชิงที่อยู่ไม่ไกลนั้นต้องมองดูเรื่องราวด้วยความอิจฉา

เจ้าที่เป็นมนุษย์กลับมาอวดอ้างลงโทษยอดคนของเผ่าเลือด มันช่างสะใจดีนัก!

ตำแหน่งบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์มันช่างมีประโยชน์!

ดูหน้าเหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายนี้มันมีใครบ้างที่มิใช่ยอดฝีมือ?

แต่พวกเขานั้นกลับทำหน้าเหมือนเป็นแค่เด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน ไม่กล้าแม้แต่จะเถียงคำใด

สุดยอด!

สะใจ!

แน่นอนว่าเฉียนั้วนั้นต้องผงะไปเมื่อได้ยินก่อนจะรีบหุบปากกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไป

เย่หยวนย่อมจะไม่คิดกลัวที่จะสร้างศัตรูใดๆ เพราะเขานั้นเป็นศัตรูกับคนทั้งหลายอยู่แต่แรก

หากไม่ใช้อำนาจเมื่อตอนยังมี หากหมดอำนาจไปแล้วมันจะต้องมาเสียใจภายหลัง!

ตอนนี้เขาต้องวางอำนาจบาตรใหญ่ให้ถึงที่สุด!

“ทำไมเล่า? ดูหน้าเจ้าเหมือนเจ้าจะไม่ยอมรับมันหรือ? หากอีกไม่กี่วันนี้ทางมหานครฉีใต้มันได้กำลังเสริมจากพันธมิตรสวรรค์แรกมาแล้วต่อให้ข้าจะเอากำลังให้เจ้าอีกสามแสนเจ้าจะตีมันลงได้หรือไม่?” เย่หยวนจ้องมองเฉียนั้วอย่างรุนแรงจนทำให้อีกฝ่ายขนลุกตั้ง

เพราะเขานั้นไม่มั่นใจว่าจะทำได้จริงๆ!

ได้เห็นเย่หยวนร้องลั่นขึ้นมาเช่นนั้นเขากลับไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงเถียงกลับไป

“เจ้าโลกโหยวจิน เฉียเจียนมันเคยคิดทำร้ายข้าคนนี้ ข้าจะสังหารมันลงแล้ว ท่านคงไม่คิดขัดใช่หรือไม่?” เย่หยวนหันไปถามเจ้าโลกโหยวจินที่นั่งดูเรื่องราวอยู่ไม่ไกล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ