จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2919

สรุปบท ตอนที่ 2919 เข้าป่า: จอมเทพโอสถ

สรุปตอน ตอนที่ 2919 เข้าป่า – จากเรื่อง จอมเทพโอสถ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2919 เข้าป่า ของนิยายActionเรื่องดัง จอมเทพโอสถ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2919 เข้าป่า

อึดอัด!

บรรยากาศมันอึดอัดนัก!

เสียงที่ร้องสั่งถอยไปนั้นมันดังลั่นแค่ไหน?

แต่เย่หยวนกลับไม่ขยับแม้สักก้าว

ความอึดอัดในบรรยากาศหน้าทางเข้าป่าสุวิมลตอนนี้มันก็ไม่มีอย่างอื่นผสมเลย

เดิมทีนั้นพวกเขาต่างคิดว่าเย่หยวนย่อมจะอ่อนแอไม่มีแรงต้านทานใดๆ

และหากถูกแรงกดดันนี้เข้าไป ต่อให้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน

ใครจะไปคิดว่าเขานั้นกลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย

“ไม่มีทางน่า? เจ้าเด็กนี่มันแค่จักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางแท้ๆ ทำไมถึงสามารถทนรับพลังเน่าของฉินซื่อเถียนได้?”

“ข้าได้ยินมาว่าพลังเน่าของฉินซื่อเถียนนั้นมันสามารถกดดันได้แม้แต่พลังเลือดของเผ่าเลือด แต่มันกลับไม่อาจจะกดดันเจ้าเด็กนี่ได้!”

“น่าอายเสียจริงๆ พวกเจ้าดูหน้าฉินซื่อเถียนตอนนี้สิ แดงจนเขียวเลย!”

ฉินซื่อเถียนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมากทั้งในสนามรบเจาะชาดและแดนกล้วยไม้สงบ

ใครจะไปคิดว่าเขานั้นกลับต้องมาเสียหน้าให้กับเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง?!

โจวหยูนั้นใจเย็นกว่าอีกสองคนมาก เขาแค่จ้องมองหน้าเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย็นเยือกและถามขึ้น “น่าสนใจ! น่าสนใจจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าการทดสอบเข้าครั้งนี้ข้ากลับจะมาเจอคนน่าสนใจเช่นนี้เข้า เจ้ามีนามว่าอะไร?”

เย่หยวนส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายและเดินจากไป

คนทั้งสามนั้นต้องผงะอ้าปากค้างไป

เจ้าบ้านี่กลับเมินพวกเขาสิ้นเชิง!

คนอื่นๆ นั้นไม่มีใครกล้าจะเมินสามบุตรเจาะชาดอย่างเด็ดขาด!

ครั้งนี้แม้แต่โจวหยูก็ยังเดือดดาลขึ้นมา

“ไอ้เวร ข้าพูดกับเจ้า หูหนวกหรือ?” โจวหยูร้องลั่นขึ้นมา

“คิดอยากจะอวดตัวก็ไปผ่านการทดสอบให้ได้ก่อนเถอะ เจ้ายังไม่ผ่านป่าสุวิมลเลยด้วยซ้ำ แต่กลับมาอวดอ้าง

ตัวเองเสียแล้ว ช่างหาเรื่องขายหน้าแท้ๆ” เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างไม่คิดจะหันหน้ากลับมามอง

“ซีด…”

คนทั้งหลายต่างต้องสูดลมหายใจเข้าลึกไป

เย่อหยิ่งโดยแท้!

ไกลออกไปนั้นเหยียนยูเจินเองก็ได้เห็นเรื่องราวนี้และอดยิ้มแห้งๆ ขึ้นไม่ได้

เย่หยวนมันก็ยังคงเป็นเย่หยวน!

แม้ว่าคนทั้งสามนั้นจะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ไม่อาจจะเทียบเคียงกับเย่หยวนได้เลย!

คลื่นพลังเน่าจากร่างของสามบุตรเจาะชาดนั้นหนักหน่วงอย่างมาก

จนวิญญาณของพวกเขาแทบจะกลายเป็นวัตถุได้และมันย่อมจะไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ

แต่เส้นทางของเย่หยวนนั้นมันแตกต่างจากคนทั้งสามสิ้นเชิง

สามบุตรเจาะชาดนั้นผ่านสงครามมาอย่างยาวนาน

เหมือนกับการหล่อหลอมร่างวิญญาณของตัวเองเหมือนที่มนุษย์ฝึกฝนกล้ามเนื้อ

แต่เส้นทางของเย่หยวนนั้นมันเป็นยอดเต๋าที่แตกต่างไป!

ตอนที่สู้กับเย่หยวนนั้น…

เขาก็สัมผัสได้ว่าวิญญาณดั่งเดิมของเย่หยวนมันเหมือนกับหมอกหนาที่ไม่อาจจะทำอันตรายใดๆ ได้

แม้ว่าพลังงานเน่ามันจะหนักหน่วงแต่มันก็ยังไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้

หากมิใช่พลังงานเน่าจากมหาจักรพรรดิแล้วมันก็คงไม่มีทางจะทำอันตรายใดๆ เย่หยวนได้เลย

“ดูท่าครั้งนี้มันจะมีคนกล้าท้าทายเราแล้ว! น่าสนใจจริงๆ!” ฉินซื่อเถียนกัดฟันหัวเราะขึ้นมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

คนทั้งสามนั้นต่างโหดร้ายป่าเถื่อนสังหารคนมามากมาย

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเผ่าเลือด พวกเขานั้นต่างฆ่าสังหารมามากมาย

เดิมทีแล้วพวกเขาคิดว่าครั้งนี้มันคงเป็นการแข่งขันระหว่างกันเท่านั้น

ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะมาเจอเข้ากับคนที่คิดท้าทายพวกเขาทั้งสามพร้อมๆ กัน

แต่โจวหยูนั้นกลับยิ้มกว้างขึ้นมา “มันก็ดีมิใช่หรือ? เดิมทีข้าคิดว่าการทดสอบครั้งนี้มันจะน่าเบื่อเป็นแน่

แต่ในตอนนี้การได้ฉีกร่างไอ้เด็กไม่รู้จักฟ้าดินนั้นมันก็น่าสนใจไม่น้อย เพียงแต่ว่าข้าไม่รู้ว่ามันจะออกจากป่าสุวิมลไปได้หรือไม่น่ะสิ!”

คนทั้งหลายนั้นต่างรู้สึกดีว่าโจวหยูนั้นแท้จริงเป็นคนที่โหดร้ายที่สุด

เวลาเดียวกันนั้นเองมันก็ปรากฏเงาร่างขึ้นมาบนทางเข้าป่าสุวิมล

มหาจักรพรรดิ!

แต่ดูท่าคงไม่!

ดูแล้ววิชาที่เย่หยวนใช้ออกมานั้นมันคงเหนือล้ำแม้แต่มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ก็ยังไม่อาจจะมองมันออกได้

“สหายเจ้ามีนามว่าอะไร?” ชีหยูถามขึ้นพร้อมมองจอแสง

“เรื่องนั้น…คนที่รั้งท้ายนามว่าเย่หยวนคนนั้น” เหยียนยูเจินชี้มือขึ้นไป

ตอนนี้แต่ละจุดบนจอแสงนั้นมันจะมีนามเขียนติดไว้ด้วย

ชีหยูอดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ชั้นนอกนั้นมันเป็นส่วนที่มีวิญญาณร้ายน้อยที่สุดแต่เขากลับยังหยุดอยู่แค่ที่ชั้นนอกหรือ ดูท่า…คงอยู่ได้ไม่ถึงสามวันเสียแล้วมั้ง?”

เหยียนยูเจินนั้นได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

ด้วยจิตเต๋าของเย่หยวนนั้นเขาควรจะผ่านมาได้อย่างรวดเร็วแต่นี่กลับไปหยุดอยู่ทางเข้าเสียอย่างนั้น

นี่มันหมายความว่าเขากำลังเจอปัญหา!

เรื่องของป่าสุวิมลนี้ยิ่งเข้าไปส่วนลึกมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งมีวิญญาณร้ายอันตรายมากขึ้นเท่านั้น พลังแห่งการหลอกลวงมันก็จะเพิ่มพูนขึ้น

“ฮ่าๆ อาจารย์ลุงชีหยู ไอ้เด็กนี่มันคนที่หาเรื่องสามบุตรเจาะชาดก่อนหน้านี้มิใช่หรือนี่ ข้าก็นึกว่ามันจะเก่งแค่ไหนที่แท้มันกลับไม่อาจจะผ่านชั้นนอกไปได้ด้วยซ้ำ ขยะเสียจริง! ฮ่าๆ ศิษย์น้องยูเจินนั้นมีฝีมือไม่น้อยแต่ว่าสายตาของเขานั้นช่างอ่อนหัดนัก กลับไปผูกมิตรกับขยะเช่นนี้เข้า สามบุตรเจาะชาดนั้นสมชื่อว่าเป็นศิษย์ของสามเจ้าโถงท่านจริงๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป…พวกเขาอาจจะทำลายสถิติลงก็ได้!”

คนที่พูดขึ้นมานั้นคือเจียงห่าวเขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสอีกคนและมีฝีมือสูสีกับเหยียนยูเจิน

ระหว่างคนทั้งสองนั้นมันมักจะมีแต่เรื่องให้แข่งกันเสมอๆ

ภาพก่อนหน้านั้นเขาเองก็เห็นมันกับตาเช่นกัน

เดิมทีเขานั้นคิดว่าเย่หยวนคงเก่งกาจไม่เบา เพราะเขาสามารถทนรับพลังงานเน่าของสามบุตรเจาะชาดได้

แต่ใครจะไปคิดว่าเขากลับอ่อนแอปานนี้

ได้เห็นเหยียนยูเจินทำหน้าเหยเกเช่นนั้นเขาย่อมจะไม่รอช้าซ้ำแผลทันที

ได้ยินเช่นนั้นชีหยูเองก็ต้องหันมามองตัวเหยียนยูเจินด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน

‘ไปสร้างสหายบ้าบออะไรมา?’

นอกจากว่าจะอ่อนแอแล้วยังมีหน้าไปอวดดีอวดเก่งท้าทายสามศิษย์ของเจ้าโถงอีก นี่มันจะไม่เรียกว่าโง่ได้หรือ?

เพราะมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์อย่างเขานี้จะเสียหน้าไม่ได้!

ดูสภาพของสามบุตรเจาะชาดอีกครั้งในตอนนี้แล้วพวกเขาก็ค่อยๆ เข้าไปในป่าลึกถึงสิบกิโลเมตรแล้ว!

ป่าสุวิมลนั้นไม่ได้ใหญ่โตมีพื้นที่แค่ราวๆ สิบกิโลเมตร

แต่ยิ่งเข้าไปลึก มันก็จะยิ่งช้าลง

——————————-

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ