“ม…ไม่ดีแล้ว ร่างวิญญาณของข้า…ร่างวิญญาณของข้าทนรับมันไม่ไหวแล้ว…”
“ร…ร้อน! ข้า…ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้ว!”
“ร่างวิญญาณของข้านั้นมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเท่าไหร่แล้ว ทำไมข้ายังไม่ไหวอีก?”
…
ยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งมีคนที่เริ่มทนไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ
ความร้อนของทะเลเพลิงนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่าน
ร่างหมอกของคนทั้งหลายนั้นมันค่อยๆ จางหายลงไป
จนสุดท้ายกลายเป็นความว่างเปล่า
เดิมทีแล้วพวกเขาคิดว่าด้วยคำสอนของเย่หยวนในชั้นแรกกับร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งของตนในตอนนี้
มันคงช่วยให้พวกเขาสามารถรอดไปได้
แต่พวกเขานั้นกลับคิดผิดอย่างมหันต์
หวางเฉียนนั้นเองก็ไม่ต่างกัน
เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นมาจากภายในร่างวิญญาณกึ่งอมตะของตน…
ตอนนี้หวางเฉียนเหมือนกลับรู้สึกถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง
เขานั้นคิดใช้ทะเลเพลิงนี้หลอมร่างตัวเอง
แต่มันกลับเปล่าประโยชน์!
ร่างกายของเขานั้นมันอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ
เย่หยวนนั้นอยู่ห่างจากเขาไม่มากนักและตัวเขาก็ยังเห็นว่าเย่หยวนนั้นนั่งขมวดคิ้วแน่นอยู่ไม่ไกล
แต่เขาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเป็นร่างหมอกเสียที
ทว่าจู่ๆ เย่หยวนก็ขยับตัวพุ่งหายกลายเป็นหมอกไป
เมื่อหวางเฉียนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ฮ่าๆ ทำเป็นลึกลับ! เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะโชคดีได้ทุกครั้งไป? ในรอบแรกนั้นเจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น! ในรอบที่สองนี้เจ้าเสียเวลาคิดไปเป็นครึ่งวันแต่สุดท้ายก็ทำเหมือนพวกเรามิใช่หรือ? มันมีอะไรต่างกันตรงไหนเล่า?”
หวางเฉียนนั้นเข้าใจเรื่องของเจดีย์เจ็ดสีนี้ขึ้นมาไม่น้อย
เขาพอเดาได้แล้วว่าสมบัติสืบทอดในแต่ละรอบมันคงแตกต่างกันไป
แต่หากถามว่ามันแตกต่างกันอย่างไร…นั้นก็คงมีแต่ต้องลองผิดลองถูกเท่านั้นแล้ว
แต่จนตอนนี้เขาก็ยังไม่เจอทางออก และเย่หยวนเองก็ยังไม่เจอทางเช่นกัน
ในรอบแรกนั้นเขาก็แค่บังเอิญไปเจอทางเข้าเท่านั้นเอง
“อ้าก ร้อนโว้ย! ข้ารู้สึกเหมือนร่างวิญญาณของตนจะเหือดหายไปเลย! เย่หยวน เจ้าเจอหนทางรับมือมันหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้ขอเรียนรู้จากเจ้าอีกทีเถอะ!” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา
หวางเฉียนนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมาทันที เจ้าบ้านี่มันยังมียางอายหรือไม่?
“ไป๋ชุยซาน! เจ้าจะอย่างไรก็เป็นยอดอัจฉริยะที่เคยได้รับคำสอนจากบรรพบุรุษท่านมาก่อน นี้คิดจะตามหลังคนอื่นเช่นนี้จริงๆ?” หวางเฉียนกล่าวขึ้น
ไป๋ชุยซานหันไปมองหน้าหวางเฉียนก่อนจะทำเสียงเลียนแบบขึ้น “ช…ช่วยข้าด้วย! เย่หยวน ช…ช่วยข้าด้วย!”
เมื่อหวางเฉียนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ต้องกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าดำมืดทันที
นี่มันท่าทางกระดิกหางของเขาในตอนรอบแรกมิใช่หรือ?
นี่มันคือความอับอายชั่วชีวิต!
ไป๋ชุยซานเจ้าบ้านี่กลับเอาเกลือมาลูบแผลใส่เขา!
“ฮ่าๆ ใครกันนะที่มันก้มหัวขอร้องกราบเย่หยวนในรอบแรก? ทำไมหรือ? พริบตาเดียวก็ลืมคุณคนไปแล้วหรือ?” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา
หวางเฉียนนั้นเบิกตากว้างอย่างคับแค้นออกมา “ไป๋ชุยซาน! วันนี้หากข้าหวางเฉียนไม่ได้สังหารเจ้าข้าก็มิใช่คนแล้ว!”
หวางเฉียนนั้นระเบิดพลังขึ้นมาทันที!
เขานั้นไม่คิดสนใจใดๆ ปล่อยพลังวิญญาณที่เหลือทั้งหมดเข้ามาปะทะร่างของไป๋ชุยซาน
ไป๋ชุยซานเองก็สะดุ้งตัวขึ้นเช่นกัน
เพราะว่าฝีมือของเขานั้นต่ำกว่าหวางเฉียนไปมาก
การที่หวางเฉียนได้กลายเป็นยอดคนของแดนวิญญาณกลางนั้นมันย่อมจะหมายความว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา
เมื่อเขาคนนี้คลั่งขึ้นมาไป๋ชุยซานรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันกดทับขุนเขาพุ่งเข้ามาหา
ตูม!
พริบตาต่อมาคนทั้งสองก็แลกหมัดกัน
หวางเฉียนนั้นปลิวออกไปพร้อมกระอักรุนแรง
ไป๋ชุยซานนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมามองอย่างงงๆ
“อ่าว ทำไมข้าเก่งขนาดนี้ได้?” ไป๋ชุยซานถามขึ้นอย่างมึนงง
“ฮ่าๆ นี่พี่ไป๋ไม่รู้จริงๆ? หรือว่าท่านแค่แกล้งไม่รู้กัน? แม้ว่าร่างวิญญาณของท่านนั้นจะยังไม่สมบูรณ์เท่าของอาจารย์เย่ แต่ว่าท่านนั้นก็สุดจะแข็งแกร่งแล้ว! ส่วนร่างวิญญาณของหวางเฉียนนั้นมันถูกเผาในทะเลเพลิงมานานมากนัก เขาคงมีสภาพใกล้ตายเต็มทีแล้ว ในตอนนี้มีหรือที่เขาจะเอาชนะท่านได้อีก?” ข้างๆ ตัวเขานั้นมีเสียงคนกล่าวขึ้นมา
เมื่อไป๋ชุยซานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ร้องขึ้นมาทันที “ที่แท้มันเป็นเช่นนั้น! ฮิๆ ระหว่างทางมานี้ข้ายังบอกว่าตัวเองจะปกป้องเย่หยวนแต่สุดท้ายพอเข้ามาแล้วกลับเป็นเย่หยวนที่ช่วยเหลือข้าไว้! ฮ่าๆๆ เย่หยวน เจ้าเดาทางรอบนี้ออกหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้จะรอไม่ไหวแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...