จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2944

สรุปบท ตอนที่ 2944 น่าอับอาย!: จอมเทพโอสถ

สรุปตอน ตอนที่ 2944 น่าอับอาย! – จากเรื่อง จอมเทพโอสถ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2944 น่าอับอาย! ของนิยายActionเรื่องดัง จอมเทพโอสถ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2944 น่าอับอาย!

หวางเฉียนนั้นรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ

ไม่ไปก็ไม่ได้

แต่จะไปก็ไม่ได้

เขานั้นคิดว่าที่คนหายๆ กันไปนั้นมันเพราะว่าพวกเขาได้ตายลงสิ้นแล้ว

ใครจะไปคิดว่าพวกเขานั้นกลับไปนั่งล้อมฟังคำสอนเย่หยวนอยู่!

เจิ้งหยูคนนี้เดิมทีมันเหมือนดั่งมดปลวกในสายตาเขา

แต่ตอนนี้ดูสภาพร่างวิญญาณของอีกฝ่ายแล้ว…

มันกลับดูแข็งแกร่งกว่าตัวเขาด้วยซ้ำ!

นี่มันจะน่าอายเกินไปแล้ว

แต่ศักดิ์ศรีของเขานั้นก็ไม่ยอมที่จะให้ตัวเองต้องไปก้มหัวให้เย่หยวนเป็นแน่!

จู่ๆ เขาก็เบิกตากว้างขึ้นมาด้วยรอยยิ้มมั่นใจ “ต่อให้มดปลวกยังเข้าใจกลองสนธยาระฆังอรุณได้! มีหรือที่ข้ายอดอัจฉริยะแห่งแดนวิญญาณกลางที่แม้แต่บรรพบุรุษบู๋เมี่ยยังสนใจคนนี้จะทำความเข้าใจมันไม่ได้? ถ้าหากไม่มีใครล่าเนื้อแล้วมันจะเอาเนื้อที่ไหนมากินกัน?”

เมื่อตัดสินใจได้หวางเฉียนก็นั่งลงทันที

พร้อมกับเตรียมรับสัมผัสถึงพลังของกลองสนธยาระฆังอรุณด้วยร่างวิญญาณของตน

ตึง!

ระฆังอรุณนั้นมันดังสะท้านขึ้นมาอีกครั้งจนทำให้ร่างของหวางเฉียนนั้นแตกสลายลงไป

ครั้งนี้เขาแทบจะไม่อาจรวมร่างกลับมาเป็นหนึ่งได้

แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับ!

เวลาค่อยๆ ผ่านไปหวางเฉียนนั้นก็ผ่านกลองสนธยาระฆังอรุณมาได้อีกครั้งหนึ่ง

ร่างวิญญาณของเขานั้นมันจางลงไปอย่างมากแล้ว

แต่ว่าเขานั้นก็ยังไม่อาจเข้าใจอะไรได้

กลองสนธยาระฆังอรุณนั้นจะอย่างไรมันก็เป็นกลองสนธยาระฆังอรุณ!

ลั่นขึ้นมาแต่ละครั้งนั้นมันแทบทำให้เขาตายลง!

หวางเฉียนนั้นสิ้นหวังแล้ว!

ดูท่าแล้ววันนี้เขาคงไม่อาจจะหาเนื้อกินเองได้แล้ว

“ทำไมกัน? ทำไมเย่หยวนทำได้แต่ข้านั้นกลับทำไม่ได้?” หวางเฉียนนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างสิ้นหวัง

ไม่มีทาง!

ข้าจะมาตายที่นี่ไม่ได้!

เขานั้นใช้กำลังที่เหลือทั้งหมดนั้นพุ่งตัวไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ตอนที่เย่หยวนได้เห็นสภาพหวางเฉียนที่เหมือนสุนัขจรจัดนั้นเขาก็ยังต้องเบิกตากว้าง

เขานั้นคิดไปเสียว่าหวางเฉียนนั้นจะยอมหักไม่ยอมงอ

ยอมตายดีกว่าจะมาขอวิธีผ่านกลองสนธยาระฆังอรุณจากเขาไป

“ช…ช่วยข้าด้วย!”

วินาทีที่เขาร้องขึ้นมานั้นหวางเฉียนก็รู้สึกอับอายอย่างมาก!

เขานั้นสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกๆ ที่มองมาจากรอบด้าน

เขานั้นแทบจะอยากมุดดินหนีไปให้พ้นๆ

คนที่ยิ่งใหญ่อย่างเขานั้นกลับกลายเป็นดั่งสุนัขที่แกว่งหางให้ศัตรูร้องขอชีวิต

ภาพเช่นนี้เขาเองก็เคยคิดถึงมันมาหลายครั้ง

เพียงแต่ว่าตำแหน่งที่เขาควรยืนอยู่นั้นมันกลับเป็นเย่หยวนที่ยืนอยู่แทน!

ทว่าถ้าเขาไม่ทำเขาก็จะตายลงจริงๆ!

ระหว่างทางที่มานี้เขาต้องฝืนรับกลองสนธยาระฆังอรุณไปอีกสองครั้ง

ชีวิตของเขานั้นแทบจะดับสิ้นลงไป

“เย่หยวน ช…ช่วยข้าด้วย!” หวางเฉียนร้องขึ้นมาด้วยเสียงหลง

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปก่อนจะค่อยๆ พูดบรรยายให้คนทั้งหลายได้ฟัง

ตอนนี้รอบตัวเย่หยวนนั้นมันไม่ได้มีแค่หวางเฉียน มันมีคนอีกมากมายที่มาฟังคำสอนเต๋าของเย่หยวนด้วย

บางกลุ่มนั้นก็เข้าใจได้ในระดับหนึ่งและตัดสินใจเดินทางออกไปตามหาเสี้ยวคลื่นกำเนิดด้วยตัวเอง

คนอื่นๆ นั้นย่อมจะไม่มีเวลามาสนใจความอับอายของหวางเฉียน

พวกเขาตอนนี้ต่างตั้งใจฟังคำเย่หยวนสิ้น

หวางเฉียนนั้นหูตั้งฟังคำพูดของเย่หยวนอย่างสุดใจ

แต่เมื่อได้ยินไม่นานเขาก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย!

ที่แท้แล้วร่างวิญญาณอมตะนั้นมันกลับยังสามารถมองในมุมนั้นได้?

ร่างวิญญาณอมตะนั้นมันไม่ได้อมตะอย่างแท้จริง

ร่างวิญญาณอมตะนั้นล้วนแล้วแต่ต้องการการฝึกฝนทั้งสิ้น!

กลองสนธยาระฆังอรุณนั้นมันสามารถใช้ฝึกฝนหมอกในอากาศได้!

มันจะทำให้พวกเขานั้นถึกทนขึ้น!

และการตีหลอมเช่นนี้มันได้เปิดหูเปิดตาของหวางเฉียนอย่างมาก

ที่แท้มันเป็นเช่นนี้!

ที่แท้มันแค่เท่านี้!

ทำไมข้ากลับไม่อาจคิดถึงมันได้?

นี่มัน…ไม่ได้ยากอะไรเลย!

ไม่นานมันก็มีคนพุ่งตัวตามขึ้นไป

ในตอนนี้ร่างวิญญาณของหวางเฉียนนั้นมันกลับมาหนักแน่นได้ดั่งเก่า

ไม่สิ มันหนักแน่นเสียยิ่งกว่าเก่าด้วยซ้ำ!

เขานั้นพุ่งตัวขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่ลังเลใดๆ

“หึ! กลองสนธยาระฆังอรุณมันก็แค่เท่านี้แหละ ในระดับที่สองนั้นข้าจะไม่ขอแพ้ให้แก่เย่หยวนอีก!” หวางเฉียนนั้นกล่าวขึ้นมา

ไป๋ชุยซานนั้นสัมผัสได้ว่าร่างวิญญาณของเขายังพัฒนาได้ไม่สุด

เขาจึงยังไม่คิดที่จะรีบขึ้นไปชั้นสอง

คนที่ยังอยู่ในชั้นแรกนั้นมันก็มีอีกหลายคน แต่ส่วนมากแล้วล้วนแต่ขึ้นชั้นสองไปสิ้น

“อ่า! ช่างเป็นทะเลเพลิงที่รุนแรงนัก! หรือว่านี่มันคือทะเลเพลิงเกิดใหม่ในตำนาน?”

“รอบแรกนั้นมันเป็นการตีร่างวิญญาณ เช่นนั้นแล้วรอบนี้มันเป็นเรื่องใดกัน?”

“ไม่ดีแล้ว! ร่างวิญญาณของข้าแข็งแกร่งกว่าเก่าหลายเท่าแต่ก็ยังไม่อาจฝืนทนพลังของทะเลเพลิงนี้ได้!”

วินาทีแรกที่พวกเขานั้นขึ้นมาถึงชั้นที่สองพวกเขานั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างวิญญาณของตนแทบจะมอดไหม้ลงไป!

ร่างวิญญาณของพวกเขาที่ผ่านการพัฒนามาจากชั้นแรกนั้นมันแทบไม่อาจทนรับไฟนี้ได้

เย่หยวนนั้นมีร่างวิญญาณที่หนักแน่นกว่าคนทั้งหลายมาก เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรนัก

แต่ว่าเขาก็ต้องนั่งลงคิดต่อในทันที

ชั้นที่สองนี้มันเป็นสมบัติสืบทอดใด?

ตอนที่เขาอยู่ในโถงวิญญาณนิพพานนั้นเขาได้เข้าเตาหลอมวิญญาณและผ่านการตีของเต๋าไฟมาก่อน

หรือว่ารอบนี้เองมันก็จะเป็นการหลอมตัวเองผ่านเปลวไฟ?

เมื่อเย่หยวนคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คนอื่นๆ เองก็ย่อมจะคิดถึงได้เช่นกัน

“เฮอะ ข้าเข้าใจแล้ว! ต่อให้มันจะอมตะมันก็ต้องผ่านการฝึกฝนหล่อหลอมมากมาย! มีเพียงแค่ตอนที่เต๋านับไม่ถ้วนเท่านั้นถึงจะไม่มีอันตรายใดๆ และนั่นก็ถือว่าเป็นร่างวิญญาณอมตะอย่างแท้จริง! บรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านคงไปถึงจุดนั้นได้แล้วแน่ๆ! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ลงมือกันเถอะ!”

หวางเฉียนนั้นใช้แนวความคิดจากชั้นแรกและยิ้มกว้างร้องขึ้นมาอย่างมั่นใจก่อนจะเปลี่ยนร่างกลายเป็นหมอกลงใส่ทะเลเพลิง

วินาทีต่อมานั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความรุ่มร้อน!

เสียงกระอักดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกนั้น

ตอนนี้หวางเฉียนนั้นรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

แต่ว่าเขานั้นไม่ได้สนใจ เขานั้นค่อยๆ สัมผัสถึงความร้อนนี้และหวังจะใช้มันในการหลอมร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น

ทว่ามีเพียงเย่หยวนที่นั่งขมวดคิ้ว

‘มันจะเป็นเช่นนี้จริง?’

————————

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ