จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2977

ตอนที่ 2977 มังกรเคียงหงส์!

เฟิ่งชิงซวนนั้นผงาดขึ้นด้วยพลังสุดเหนือล้ำราวกับเป็นดวงตะวันที่ลอยขึ้นฟ้า

และตอนนี้พลังบ่มเพาะของนางนั้นก็พัฒนาไปถึงมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ครึ่งก้าวแล้ว!

การจุติครั้งนี้มันทำให้นางพัฒนาไปมากกว่าที่คาดคิดนัก!

เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นต้องยิ้มแห้งๆ

ดูท่าแล้วนางคงยังไม่รู้สถานการณ์ตรงหน้านี้

แน่นอนว่าไม่นานนางก็ต้องร้องถามขึ้นมาอย่างมึนงง “หือ? ทำไมพวกเจ้าถึงได้บาดเจ็บกันเช่นนี้?”

จากนั้นสายตาของนางก็กวาดไปเห็นเย่หยวนที่นั่งอยู่และร้องขึ้น “เจ้า…กลับยังไม่ตาย!”

ในความคิดของนาง เย่หยวนที่เผชิญหน้ายอดฝีมือเผ่าหงส์แดงนับสิบย่อมจะไม่มีทางรอดชีวิตไปได้!

ต่อให้จะรอดตอนนี้ก็คงมีสภาพปางตาย

ถึงเขานั้นจะผสานเลือดหงส์แดงเข้าร่างไป มันก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้!

เพราะนางนั้นรู้ดีว่าเฟิ่งจิ่วเกอนั้นเก่งแค่ไหน!

แต่นอกจากว่าเย่หยวนจะไม่ตายแล้วเขายังนั่งสบายใจไม่มีแม้แต่แผลสักแผล

เฟิ่งจิ่วเกอได้แต่ต้องส่ายหัวร้องขึ้นตอบไป “เลิกวางท่าเสียทีเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้านั้นเก่งขึ้นแค่ไหน! แต่ตอนนี้เราเป็นนักโทษของท่านเย่หยวนสิ้นแล้ว เจ้าลงมาไม่ต้องไปบินเล่นแสดงพลังแล้ว!”

น…นักโทษ?

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะร่วงลงมาจากท้องฟ้า

เย่หยวนคนเดียวนั้นกลับจับมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ชาวหงส์แดงได้นับสิบ?

นางจ้องมองดูและพบว่าสายตาของคนทั้งหลายนั้นมันมีความกลัวต่อเย่หยวนอยู่จริงๆ

มันกลับเป็นความจริง!

ไม่เช่นนั้นแล้วคนทั้งหลายย่อมจะไม่มีทางอยู่ร่วมกันอย่างสงบเช่นนี้ได้แน่

เฟิ่งชิงซวนนั้นร่อนลงมาพร้อมกลายร่างคนเผยให้เห็นใบหน้าของหญิงงามสะท้านแผ่นดิน

หากให้เทียบแล้วมันอาจจะดูงามกว่าเฟิ่งจิ่วเกอผู้นี้ไปด้วยซ้ำ

เฟิ่งชิงซวนมองดูเย่หยวนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่เข้าใจ

ผลลัพธ์เช่นนี้มันเกินกว่าที่นางคาดคิดไปมาก

คนนับสิบมาตามล่านาง หากมิได้เย่หยวนแล้วตัวนางย่อมจะไม่มีทางจุติได้สำเร็จแน่

แต่ว่าเรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง

นางหันไปมองหน้าเฟิ่งจิ่วเกอและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “จิ่วเกอ เจ้าใส่ร้ายข้าโดยวางแผนช่วยเฟิงชิงหยู่ครองบัลลังก์! เจ้าคงไม่คิดสิว่าวันนี้มันจะมาถึง? เจ้าหลอกลวงนายและล้างสมองบ่าว แถมยังใส่ร้ายว่าข้าคิดร้ายต่อเผ่า วันนี้ข้าจะขอส่งเจ้าลงนรกแล้ว!”

พูดจบหลังของเฟิ่งชิงซวนก็ปะทุขึ้นมาและกำลังจะลงมือ

แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับลุกขึ้นมาหยุดนางไว้ก่อน “ขออภัยด้วยแต่ข้านั้นสัญญากับพวกเขาว่าจะปล่อยพวกเขาไป พวกเจ้าเองก็ไปได้แล้ว”

เฟิ่งจิ่วเกอนั้นรู้สึกโล่งเหมือนได้ยกเขาใหญ่ออกจากอกและเตรียมตัวที่จะออกเดินทางทันที

เฟิ่งชิงซวนนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาด้วยใบหน้าดำมืด “ก็บ้าแล้ว! นี่มันใช่เรื่องที่เจ้าต้องมายุ่งหรือ?

พวกเจ้าหยุดลงเดี๋ยวนี้ วันนี้จะไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ทั้งนั้น!”

เพราะต่อให้เย่หยวนจะจับตัวเฟิ่งจิ่วเกอและพรรคพวกไว้ได้

แต่ในความคิดของเฟิ่งชิงซวนนั้นเย่หยวนก็ยังเป็นแค่มดปลวกคนหนึ่ง

นางนั้นเป็นผู้มียศสูงส่งและยังมีสายเลือดระดับสวรรค์แห้งย่อมจะมีนิสัยดูถูกโลกหล้าเป็นธรรมดา!

นางกระแทกฝ่ามือออกมาคิดอยากจะผลักเย่หยวนให้พ้นทาง

แต่เย่หยวนกลับไม่คิดขยับและยกมือขึ้นมาใช้หงส์แดงเก้าตระการสวนกลับออกไป

ตูม!

คนทั้งสองกระเด็นกลับออกมาหลายพันก้าวกว่าที่จะยืนหยัดได้อีกครั้ง

เย่หยวนกล่าวขึ้น “ขออภัยด้วย แต่สัญญาระหว่างเจ้าและข้านั้นถือว่าจบสิ้นกัน ตอนนี้ข้าได้สัญญากับพวกเขาไว้ว่าจะปล่อยไป หากเจ้ายังไม่คิดฟังก็อย่าได้หาว่าเย่ผู้นี้ไม่เกรงใจ”

เฟิ่งชิงซวนนั้นตกตะลึงสุดหัวใจ

เพราะตอนที่เย่หยวนสวนกลับออกมานั้นมันกลับเป็นพลังของสายเลือดระดับสวรรค์แห้ง

ที่สำคัญเขายังสวนกลับมาด้วยวิชาลับอย่างหงส์แดงเก้าตระการ!

เจ้าหมอนี่มันทำได้อย่างไรกัน?

เฟิ่งชิงซวนเริ่มเข้าใจขึ้นมาว่าทำไมเฟิ่งจิ่วเกอและพวกถึงได้กลายเป็นนักโทษของเย่หยวนไป

เมื่อเฟิ่งจิ่วเกอได้เห็นเช่นนั้นนางก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างสะใจ

‘ไอ้เด็กสัตว์ประหลาดที่เจ้าเจอนี้ เจ้าจัดการมันเองเถอะ!’

แต่ว่าเฟิ่งชิงซวนนั้นก็มีศักดิ์ศรีของตนเอง!

มีหรือที่นางจะยอมแพ้เพราะคำพูดเดียวจากเย่หยวน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ