จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2979

ตอนที่ 2979 แสดงพลัง!

“อะไรนะ? มันมีคนมาท้าขุนเขาที่เผ่ากรุงมังกรเรา?”

“นานแค่ไหนแล้วกันที่ไม่มีใครกล้ามาท้าขุนเขาที่เผ่ากรุงมังกรเรา?”

“เฮอะๆ ชีหยูและต้าอี้สองคนนั้นต่างเป็นตัวตนระดับสูงของอันดับท้าขุนเขา ใครกันมันช่างกล้า?”

“ไป! ไปดูกันเถอะ! ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันเป็นใคร!”

เมื่อมีคนมาท้าขุนเขามันย่อมจะทำให้ทั้งเผ่ากรุงมังกรนั้นแตกตื่นไปตามๆ กัน

ท้าขุนเขานั้นมันเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันทั่วสวรรค์ศาลโมฆะส่องสว่าง

หากคิดอยากไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะของเผ่าใด วิธีนี้มันก็เรียกได้ว่าเป็นทางลัด

เพราะฉะนั้นเผ่าต่างๆ จึงย่อมส่งคนหนุ่มสาวของตัวเองออกไปท้าขุนเขาตามที่ต่างๆ มากมาย

มันจึงถือว่าเป็นการแข่งขันของคนรุ่นใหม่

โดยจะตัดสินว่าใครเหนือใครต่ำกว่ากัน และยังเป็นการฝึกฝนตัวอีก

มันจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่าอันดับท้าขุนเขาขึ้นมา

แดนตรังค์ตะวันออกนั้นมันเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลแน่นอนว่ายอดฝีมือมันย่อมจะมีมากมายไม่อาจนับ

คนที่ติดห้าร้อยอันดับท้าขุนเขาได้นั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างยิ่ง

เผ่ากรุงมังกรนั้นมีชีหยูและต้าอี้สองคนที่ติดหนึ่งร้อยอันดับแรก

แน่นอนว่าฝีมือของพวกเขานั้นมันทรงพลังอย่างมาก

แต่ว่าแค่คนอย่างเย่หยวนนี้ชีหยูและต้าอี้ย่อมจะไม่ลงมาจัดการเอง

เผ่ากรุงมังกรนั้นมันเป็นเผ่าใหญ่ มันย่อมจะไม่ได้มีผู้ท้าขุนเขาแค่สองคนเท่านั้น

“มันกลับเป็นนักยุทธสายเลือด! ไอ้หนู มาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้น! อย่าได้มาทำเรื่องขายหน้าให้ตัวเองเลย!”

“ฮ่าๆๆ นักยุทธสายเลือดมันกลับคิดอยากจะเข้าเกาะมังกรสวรรค์! ไอ้หนู เจ้าหลงตัวเองไปแล้ว!”

“มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางก็กล้ามาท้าเผ่ากรุงมังกรเรา ไอ้เด็กนี่มันสติไม่ดีหรือ?”

เสียงร้องเย้ยหยันดังขึ้นจากรอบด้าน

นักยุทธสายเลือดนั้นมันเป็นตัวตนที่ถูกดูถูกจากเผ่าภูตแท้ทั้งหลาย

แต่ว่าพวกเขาทั้งหลายเองก็จะมอบเลือดออกไปให้มนุษย์เช่นกันเพื่อที่จะได้มีทาสที่จงรักภักดีแก่ตัวเอง

ยามเฝ้าหน้าเผ่าคนนั้นเองก็เป็นเช่นนี้

แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานวันการทำเช่นนั้นย่อมทำให้นักยุทธสายเลือดแทบทั้งหมดมีสถานะเป็นแค่คนรับใช้

“เฮอะ ไอ้เด็กมนุษย์มันก็กล้ามาท้าขุนเขาที่เผ่ากรุงมังกรเราหรือ เจ้ามันช่างกล้าดีจริงๆ!” คนที่กล่าวขึ้นมานั้นก็คืออานชาน

เขาเองก็เป็นคนที่ติดอันดับท้าขุนเขาอยู่ที่อันดับสี่ร้อยกว่าๆ เป็นถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุด

อันดับสี่ร้อยกว่าๆ นั้นมันถือว่าไม่อ่อนแอแล้ว

คนที่ติดห้าร้อยอันดับแรกได้นั้นมันไม่ได้มีฝีมือต่างกันมากมายนัก

สายเลือดของพวกเขา พลังบ่มเพาะของพวกเขา ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขานั้นมันสามารถเทียบเคียงกันได้

และเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กน้อยไม่รู้จักโลกที่เพิ่งมาท้าขุนเขาครั้งแรก

แน่นอนว่าย่อมจะยังไม่ติดอยู่บนอันดับท้าขุนเขา

แค่มีสายเลือดสูงส่งนั้นมันไม่พอ

เย่หยวนหันไปมองหน้างูเหลือมยักษ์ตรงหน้าและส่ายหัวออกมา “เจ้าไม่ได้ เจ้ามันอ่อนแอไป! เผ่ากรุงมังกรไม่มีใครเก่งกว่านี้แล้วหรือ?”

เมื่ออานชานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องร้องลั่นขึ้นอย่างคับแค้นใจ “ไอ้หนู เจ้าท้าขุนเขาเช่นนี้ เจ้าจะได้ตายเข้าแน่นอน เข้าใจหรือไม่?!”

เย่หยวนนั้นส่ายหัวตอบกลับไป “คนอ่อนแออย่างเจ้านั้นต่างหากที่จะตาย!”

คนทั้งหลายที่ได้ยินนั้นต้องผงะไปทันที เจ้าเด็กบ้านี่มันโผล่มาจากไหนทำไมถึงได้โอหังขนาดนี้?

คนอื่นๆ เวลาท้าขุนเขานั้นพวกเขาย่อมจะเริ่มจากเผ่าที่อ่อนแอก่อนแล้วค่อยไต่ระดับขึ้นมา

แต่เจ้าเด็กบ้าหัวร้อนนี่กลับมาท้าทายเผ่ากรุงมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับแรก

เพราะในเผ่ากรุงมังกรนั้นมันมียอดฝีมือผู้ท้าขุนเขาที่ติดห้าร้อยอันดับแรกอยู่มากถึงเจ็ดคน!

อานชานนั้นหรี่ตาลงกล่าวอย่างเย็นเยือก “เริ่มเถอะ! ข้ารอที่จะสังหารเจ้าลงไม่ไหวแล้ว!”

เย่หยวนเองก็ไม่รอช้าปล่อยสายเลือดมังกรออกมาพร้อมตรามังกร

อานชานเองก็ปล่อยตรามังกรออกมาเช่นกัน

คนทั้งสองนั้นต่างฝ่ายต่างรับตรามังกรของกันและกันไป ถือว่าเป็นอันเสร็จพิธี

ท้าขุนเขานั้นมันเป็นการต่อสู้ที่ห้ามคนนอกเข้ายุ่งเกี่ยว

หากเผ่าใดคิดลอบทำร้ายผู้ท้าขุนเขาระหว่างต่อสู้พวกเขาก็จะถูกเผ่าอื่นรุมคว่ำบาตรทันที

พิธีนี้มันคือการแสดงความยินยอมถึงผลการต่อสู้

ผู้ชนะนั้นจะได้รับตราของผู้แพ้ไป แลกกับตราของตนเอง

เมื่อพิธีจบลงแล้วอานชานก็อ้าปากกว้างพุ่งตัวใส่เย่หยวนทันที

“กลืนสวรรค์!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ