จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1037

เสวี่ยเชียนโฉวหันไปมองตามเสียงร้องอุทานอย่างตกใจของหยุนหลี และได้เห็นจี้อวี๋กำลังโอบกอดบุรุษซ้ายขวาข้างละคน

“อย่าพูดไป ชายสองคนนั้นหน้าตาหล่อเหลานัก” หยุนหลีสีหน้าชื่นชม

เสวี่ยเชียนโฉวสีหน้าเย็นชาลงทันที “หล่อเหลาเท่าข้ารึ?”

“ท่านอา ท่านน่ะหน้าตาหล่อเหลาจริงๆ แต่พวกเขาอายุน้อยกว่าท่านนี่นา” หยุนหลีย้อน

เสวี่ยเชียนโฉวหน้าบึ้งกว่าเดิม “เจ้ารังเกียจว่าข้าแก่รึ?”

หยุนหลีไม่ได้ตอบ แต่กลับมองไปทางจี้อวี๋ “จี้อวี๋ เจ้าโอบซ้ายขวาข้างละคนทำไมน่ะ สบายอารมณ์ไปไหมนั่น?”

จี้อวี๋ที่อยู่ชั้นสองได้ยินคำพูดนี้ก็มีสีหน้าภูมิใจ “ชีวิตคนเราสั้นนัก มีความสุขได้ชั่วครู่ชั่วยามก็เอาเถิด คนเราต้องใช้ชีวิตให้เต็มที่สิ ชายงามสองคนนี้ทั้งเล่นดนตรีและขับร้อง นวดไหล่นวดขาดีเยี่ยมนัก เจ้ามาลองดูหน่อยไหมล่ะ?”

“เอาสิ” หยุนหลียกเท้าจะเดินไป แต่กลับโดนเสวี่ยเชียนโฉวรั้งแขนไว้

“ห้ามไปนะ!”

น้ำเสียงเย็นเยียบพกพาความไม่พอใจเต็มเปี่ยม เริ่มเดือดดาล

“ท่านอา ข้าแค่อยากไปดูสักหน่อย ข้ายังไม่เคยเห็นเลยว่าชายบำเรอหน้าตายังไง”

“ถึงอย่างนั้นก็ห้ามไปเด็ดขาด!” เสวี่ยเชียนโฉวคัดค้าน

เสวี่ยเชียนโฉวที่ปกติจะตามใจหยุนหลีมาตลอด ครั้งนี้ปฏิเสธหยุนหลีอย่างหนักแน่นขนาดนี้ ทำเอาหยุนหลีตกใจจริงๆ

“ท่านอา ท่าทางบ้าอำนาจของท่านหล่อมากเลย” หยุนหลีมองมาอย่างเคลิบเคลิ้ม

เห็นท่านอาตามใจตนจนชินตา จู่ๆมาแข็งกร้าวแบบนี้ทำเอาหยุนหลีแปลกใจนัก

เสวี่ยเชียนโฉวคิดว่าหยุนหลีจะโกรธเสียอีก พอเห็นแววตานางในตอนนี้ เสวี่ยเชียนโฉวภูมิใจนัก

“จี้อวี๋ ท่านอาของข้าโกรธแล้ว ข้าไม่ไปหาเจ้าละ ชีวิตคนเราสั้นนัก เจ้ารีบหาคนที่รักเจ้าแล้วแต่งงานเสีย ชายบำเรอเช่นนี้พึ่งไม่ได้หรอก รอเจ้าหมดเงินสิ้นอำนาจแล้ว พวกเขาก็ไม่ชายตาแลเจ้าหรอก” หยุนหลีตะโกนบอกทันที

จี้อวี๋ที่กำลังดื่มเหล้ามุมปากกระตุก นังหนูหยุนหลีนี่พูดเรื่องจริงทำไมน่ะ

ชายงามสองคนสีหน้าชะงัก กระอักกระอ่วนนัก จอกเหล้าที่ถือไว้จะดื่มก็ไม่ใช่ จะวางลงก็ไม่ได้ ลำบากใจนัก

“นังหนูนี่เจ้าไม่มาก็รีบไปเลย อย่ามารบกวนข้า” จี้อวี๋ไล่อย่างรำคาญ

“ไปก็ไป ข้าจะกลับไปปรึกษาเรื่องแต่งงานกับท่านอาพอดี ไว้เชิญเจ้ามาดื่มสุรามงคลตอนพวกเราแต่งงานละกัน” หยุนหลีบอก พลางควงแขนเสวี่ยเชียนโฉวเดินออกไป

จี้อวี๋รู้สึกปวดหัวตุบๆขึ้นมา นังหนูนี่ขี้อวดจริง

“แม่ทัพจี้ ท่านยังดื่มเหล้าหรือไม่?” ชายผู้หนึ่งกระซิบถามเสียงเบา

“ดื่ม ดื่มแน่นอนอยู่แล้ว สนใจพวกเขาทำไมกัน ข้าพอใจเสียอย่าง” จี้อวี๋ยกจอกเหล้าขึ้นจะดื่ม

ทันใดนั้นในอากาศพลันมีลมปราณหนึ่งส่งมา จี้อวี๋สายตาเขม็ง นางยังไม่ทันหลบ จอกเหล้าในมือก็แหลกคามือเลย เหล้าสาดกระเซ็น จอกเหล้าแตกกระจาย

จี้อวี๋มองแวบเดียวก็เห็นหินหล่นอยู่ที่พื้น สีหน้าทะมึนลงทันที “ใครกันตาบอด กล้ามาขัดอารมณ์ข้า?”

สุดท้ายพอนางก้มลงมองก็เห็นโม่ฉีเฟิงยืนอยู่บนถนนด้วยสีหน้าทะมึนเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ถลึงตามองตนด้วยดวงตาดำขลับคมปลาบไม่พอใจ จี้อวี๋ใจกระตุกทันที

“โม่ฉีเฟิง!”

“แม่ทัพจี้เป็นแม่ทัพของแคว้นต้าเยียน กล้าทำเรื่องมิสมควรต่อฐานะเช่นนี้ออกมาต่อหน้าธารกำนัล ใครก็ได้ส่งนางกลับไป และคุมตัวชายสองคนนี้เข้าคุก ทำให้พวกเขาสร่างเมาซะ!” โม่ฉีเฟิงตะคอกอย่างเดือดดาล

“ขอรับ!” องครักษ์หลวงหลายคนรีบพุ่งเข้ามาหาทันที

จี้อวี๋ขมวดคิ้ว ทำไมไม่เหมือนที่ตนคิดไว้เลยล่ะ โม่ฉีเฟิงเห็นตนทำอย่างนี้ ไม่ควรจะหึงหวงหรือไง?

ชายสองคนนั้นตกใจตัวสั่นเทา สีหน้าซีดเผือด คุกเข่าขอร้องอ้อนวอนทันที “แม่ทัพโม่ไว้ชีวิตด้วย พวกข้าบริสุทธิ์นะ?”

“กล้ายุยงแม่ทัพจี้ดื่มเหล้าต่อหน้าธารกำนัลแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าบริสุทธิ์อีก คุมตัวพวกมันสองคนกลับไป โบยคนละสิบไม้!” โม่ฉีเฟิงกัดฟันบอก

ชายสองคนนั้นตกใจเข่าอ่อนลงพื้นทันที โดนองครักษ์หลวงเข้ามาพาตัวไป ตะโกนอ้อนวอนไว้ชีวิตด้วยรัวๆ แต่โม่ฉีเฟิงไม่สนใจพวกเขาเลยสักนิด

จี้อวี๋มององครักษ์หลวงที่เดินเข้ามาหาตนด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ข้าเป็นแม่ทัพที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งเอง ข้าจะดูสิว่าพวกเจ้าใครกล้าจับข้า ข้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียด้วย ระวังข้าจะแก้แค้นพวกเจ้า!”

องครักษ์หลวงลังเลทันที หันมองด้านล่างฉับพลัน “แม่ทัพโม่ ท่านว่าอย่างไรดีขอรับ?”

โม่ฉีเฟิงสีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง แตะปลายเท้าทะยานขึ้นชั้นสองไปทันที มาหยุดลงตรงหน้าจี้อวี๋ “พวกเขาหวั่นเกรงฐานะเจ้า ข้าเอง!”

โม่ฉีเฟิงแบกจี้อวี๋ขึ้นไหล่ตน หมุนตัวจากไปทันที

จี้อวี๋เดิมดื่มเหล้าเข้าไปไม่น้อยแล้ว มาโดนโม่ฉีเฟิงแบกแบบนี้ ท้องไส้ปั่นป่วนยิ่งนัก เวียนหัวไปอีก ทรมานยิ่งนัก

“โม่ฉีเฟิงเจ้าวางข้าลงนะ ปล่อยข้าลงนะ!” จี้อวี๋ดิ้นรนอย่างเต็มกำลัง ทุบบ่าโม่ฉีเฟิงรัวๆ

แต่โม่ฉีเฟิงกลับไม่สะทกสะท้านเลย และไม่สนใจคำซุบซิบและวิเคราะห์ของแขกคนอื่นในหอชุนเฟิงด้วย เขาแบกจี้อวี๋ออกไปทันที

ชาวบ้านที่มามุงดูแตกฮือราวหม้อระเบิดทันที ข่าวว่าแม่ทัพโม่แบกแม่ทัพจี้ออกไปต่อหน้าธารกำนัลแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแคว้นต้าเยียนในพริบตา แน่นอนว่าลอยไปถึงจวนเฉินอ๋องเช่นกัน

โม่หลานที่กำลังนั่งลับดาบใหญ่ของตนในสวนได้ยินข่าวนี้ก็ตะลึงพรึงเพริดไปเลย

“เจ้าบอกว่า พี่ใหญ่แบกจี้อวี๋ออกไป พวกเจ้าตาฝาดกระมัง ไม่ใช่จี้อวี๋แบกพี่ใหญ่ข้ารึ?” โม่หลานถามอย่างตกใจ

เพราะก่อนหน้านี้จี้อวี๋มักจะมาป้วนเปี้ยนไปมาต่อหน้าโม่ฉีเฟิงตลอด แถมยังประกาศว่าจะเป็นพี่สะใภ้ของโม่หลานให้ได้ แต่กลับถูกพี่ใหญ่รังเกียจมาตลอด ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนไปได้ล่ะ?

“ทูลหวางเฟย เป็นเรื่องจริง แขกของหอชุนเฟิงต่างเห็นกันหมด ชาวบ้านในเมืองหลวงก็ลือกันไปทั่วแล้ว” คนรับใช้ที่กลับมารายงานตอบอย่างนอบน้อม

“หรือว่าพี่ใหญ่จะชอบจี้อวี๋เข้าแล้ว เป็นไปไม่ได้ ข้าต้องไปถามให้รู้เรื่อง” โม่หลานพูดจบ วางดาบใหญ่ลงบนโต๊ะหินทำท่าจะไปทันที

“เรื่องของพี่ใหญ่เจ้ากับจี้อวี๋ให้พวกเขาจัดการเองเถอะ พี่ใหญ่เจ้าน่ะจะรักชอบจี้อวี๋ก็เป็นเรื่องดีนี่ เขาอายุอานามขนาดนี้แล้ว หรือว่าเจ้าอยากเห็นเขาโดดเดี่ยวไปจนตายรึ

พวกเราใช้ชีวิตของพวกเราเถอะ อันที่จริงข้ารู้สึกว่าพี่ใหญ่เจ้ากับจี้อวี๋น่ะเหมาะสมกันดีแน่ ทั้งสองคนเป็นแม่ทัพเหมือนกัน ต่อไปหากทะเลาะกันขึ้นมา คิดซะว่าประลองฝีมือแล้วกัน” เฉินอ๋องโม่ฉือชิงที่รีบมาบอกเสียงเรียบ

โม่หลานมองค้อนเขา “เจ้าจะรู้อะไรล่ะ หากให้จี้อวี๋มาเป็นพี่สะใภ้ข้า ยังไม่รู้ว่านางจะโอ้อวดข้ายังไงล่ะนั่น”

โม่ฉือชิงอยากพูดอะไร โม่หลานก็ออกจากสวนไปแล้ว เขาสั่งความกับแม่นมครู่หนึ่งและรีบตามไปทันที

คุกฝ่ายสืบสวน จี้อวี๋เดือดดาลทะลุฟ้า นางเอาแต่ด่ากราดตั้งแต่โดนโม่ฉีเฟิงจับโยนเข้าคุกจนถึงตอนนี้ แต่โม่ฉีเฟิงไม่ปรากฏตัวเลย ตอนนี้นางก็ด่าจนเหนื่อยแล้ว

“โม่ฉีเฟิงน่าตายนัก แน่จริงเจ้าออกมาดวลกับข้าตัวต่อตัวสิ ที่ผ่านมามีแต่ข้าจับคนอื่นขัง เจ้าถือสิทธิ์อะไรมาขังข้า ไสหัวออกมาเลย!” จี้อวี๋ด่ากราด ยังอยากด่าต่อแต่กลับรู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงขึ้นมา

“ไอ้โหย ท้องข้า ใครก็ได้มานี่เร็ว ข้าปวดท้อง!”

ส่วนโม่ฉีเฟิงที่อยู่นอกห้องขังได้ยินเสียงจี้อวี๋ แต่ไม่ได้เข้าไป นังหนูนี่เจ้าเล่ห์เพทุบายแต่ไหนแต่ไร ยังไม่แน่ว่าจะมาไม้ไหนเนี่ย

“พี่ใหญ่ ที่แท้ท่านอยู่นี่เองหรอ ข้าได้ยินว่าท่านแบกจี้อวี๋ไป เป็นเรื่องจริงรึ?” โม่หลานที่รีบมาพอเห็นโม่ฉีเฟิง ก็ถามทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ