จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 157

ลงจมูกลงไปในตอนที่น่าหลงใหลของ จอมนางข้ามพิภพ, นิยายInternet ที่เขียนโดย Internet นิยายนี้มีเรื่องราวที่ซับซ้อน ความลึกลับและตัวละครที่ไม่ลืม นิยายนี้สัญญาว่าจะพาคุณผ่านการเดินทางของความตื่นเต้นและความเชื่อมั่นอันหลงใหล ไม่ว่าคุณจะปกติที่การที่รักความลึกลับหรือความอบอุ่นใจของเรื่องราวที่เข้าถึงจิตใจ Internet ได้ถักเสาะเสียงให้เป็นเรื่องราวที่จะยินตัวเองลงบนหน้าความทรงจำ สำรวจหน้ากระดาษของ จอมนางข้ามพิภพ ตั้งแต่ตอนที่ บทที่ 157 ตกลงเจ้าไหวหรือไม่กันแน่ และปล่อยให้เวทมนตร์บุบคลามไปด้วย

พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนพากันตกตะลึง มองมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเองเลย

ใครก็ไม่คิดว่า รองแม่ทัพทังจะแพ้ เขาดูไม่เป็นอะไรเลยนี่ หรือว่าจงใจยอมแพ้ให้คุณหนูหยุนกัน?

“รองแม่ทัพทังกาน ทำไมท่านยอมแพ้ซะล่ะ?” ทหารคนหนึ่งถามอย่างไม่เข้าใจ

“ใช่ ท่านเป็นรองแม่ทัพของพวกเรานะ ต่อให้จะออมมือก็ไม่ต้องชัดเจนขนาดนี้กระมัง?”

ยังไงก็เป็นชายฉกรรจ์ฝูงหนึ่ง ปกติพวกเขาฝึกซ้อม ทานข้าวอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ดังนั้นเลยไม่ถือสาการพูดจาอะไรมาก

ทังกานสีหน้าขึ้งโกรธ ถลึงตาใส่อย่างเดือดดาล “เจ้าพวกลูกเจี๊ยบนี่พูดอะไรน่ะ ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตายเลย” พูดจบ ก็พุ่งเข้ามา

สุดท้ายพอเขาปัดมือหยุนถิงที่พยุงตนออก ตัวทังกานไม่มีที่พึ่ง ก็ล้มลงพื้นโดยแรงทันที

หยุนถิงอยากเข้าไปช่วย ก็ไม่ทันแล้ว ทังกานล้มตึงลงพื้นไป เจ็บจนเขากัดฟันกรอด

ทุกคนพากันตะลึง ไม่มีใครคิดเลยว่า แม้แต่ยืน รองแม่ทัพก็ยืนไม่อยู่แล้ว พวกเขารีบเข้าไปพยุงทังกานทันที

“รองแม่ทัพท่านเป็นอะไรน่ะ ทำไมยืนไม่อยู่ล่ะ?”

ทังกานถลึงตาใส่คนนั้น “ปัญญาอ่อน บอกว่าแพ้แล้วพวกเจ้าก็ไม่เชื่อ ช่วยกันยุแหย่ คราวนี้ข้าขายหน้าหนักกว่าเดิมอีก”

ทุกคนทำหน้ากระอักกระอ่วน รู้สึกผิดมาก

“หยุนถิง เจ้าต้องเล่นตุกติกแน่ ถึงได้เอาชนะรองแม่ทัพได้ เจ้านี่มันช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายจริงๆนะ?” ฟู่อี้เฉินพุ่งเข้ามาด้วยความเดือดดาล

โม่ฉือหานเลิกคิ้ว สายตามีแววดีใจ เขารู้ว่าหยุนถิงไม่มีทางแพ้แน่ หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้มีฝีมืออยู่บ้างนะ

ทุกคนได้ยินเสียงนี้ พากันหันมองมา เห็นว่าเป็นฟู่ซื่อจื่อกับหลีอ๋อง ก็พากันถวายบังคม

“ลุกขึ้นเถอะ ข้าแค่มาลาดตระเวน พวกเจ้าประลองต่อเถอะ” โม่ฉือหานแค่นเสียงหึ

“ขอบพระทัยหลีอ๋อง”

หยุนถิงเหล่มองโม่ฉือหานที่อยู่นอกฝูงชน รูปร่างเขาสูงโปร่ง ใส่ชุดรัดกุม ลวดลายปักสัตว์ปีกสีฟ้าก้อนเมฆ เรียบง่ายคล่องแคล่ว ที่เอวมีเข็มขัดหนัง ที่ชายเสื้อและแขนเสื้อใช้เส้นไหมสีน้ำเงินปักลายก้อนเมฆ ผมดำเกล้าขึ้นรัดด้วยมงกุฎทองคำฝังหยก บวกกับใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาได้รูป และคิ้วตาที่งดงามดุจภาพวาด ดูหรูหรามีราคา จนคนอดไม่ได้ที่จะมอง

นี่คือหลีอ๋อง บุรุษรูปงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าเยียน หยุนถิงเหล่มองแวบเดียวก็ดึงสายตากลับ ถึงหลีอ๋องจะหน้าตาดี แต่ยังห่างชั้นกันไกลกับซื่อจื่อของเธอมากนัก

ผู้หญิงแคว้นต้าเยียนนี่ตาบอดกันหมดหรือไง เลือกหลีอ๋องเป็นชายรูปงามอันดับหนึ่ง แต่แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่มีใครคิดแย่งผู้ชายของเธอ

โม่ฉือหานเหล่มองหยุนถิง เขาเหมือนจะเห็นแววดูถูกวูบหนึ่งจากสีหน้านาง สตรีน่าตายผู้นี้กล้ารังเกียจตน น่าตายนัก

พอฟู่อี้เฉินกับโม่ฉือหานเห็นหลิ่วเฟย รีบถวายบังคมทันที “ถวายบังคมหลิ่วเฟย”

“ลุกขึ้นเถิด” หลิ่วเฟยบอก

“ขอบพระทัยเหนียงเหนียง”

“เหนียงเหนียงท่านเองก็เห็นแล้ว หยุนถิงกล้าเล่นตุกติกในค่ายทหาร ข้าจะต้องกราบทูลฝ่าบาท ให้ลงโทษนางแน่” ฟู่อี้เฉินตะคอกอย่างเดือดดาล

“ฟู่ซื่อจื่อ ที่นี่คือค่ายทหาร มิใช่ที่ที่ท่านจะมาถืออำนาจบาตรใหญ่ได้ น้องสาวข้าแค่ประลองมวยปล้ำกับรองแม่ทัพเท่านั้น มีการเล่นตุกติกอย่างใดกัน?” หยุนไห่เทียนปกป้องอย่างไม่กลัวเกรงทันที

ฟู่อี้เฉินยิ่งเดือดดาลหนักขึ้น “การประลองแบบนี้ทุกคนต่างเห็นชัด หากหยุนถิงมิได้เล่นไม่ซื่อ จะเอาชนะรองแม่ทัพได้ยังไง?”

“ซื่อจื่อถามได้ดี ครั้งนี้ข้าเอาชนะไม่ได้ใสสะอาดเท่าใดนัก เพราะหมัดเมื่อครู่ของข้าโดนจุดชีพจรหนึ่งของรองแม่ทัพพอดี ดังนั้นเขาแพ้ได้อย่างไม่ขายหน้าอะไร ร่างกายคนเรามีจุดชีพจรมากมาย ขอเพียงหาจุดเจอ เด็กคนหนึ่งก็สามารถฆ่าชายร่างแกร่งได้” หยุนถิงบอก พลางดึงทังกานเข้ามา

หยุนถิงสอนวิชาฝังเข็มจุดชีพจรต่อทุกคน เหล่าทหารพากันโห่ร้องและกรูกันเข้ามา ฟังและดูอย่างตั้งใจ

“จุดชีพจรนี้มหัศจรรย์นัก คุณหนูหยุนขอข้าลองหน่อยได้ไหม?” ทหารคนหนึ่งถามขึ้น

“แน่นอน” หยุนถิงตอบ

คนผู้นั้นลากทหารอีกคนข้างๆมา และซัดหมัดลงจุดชีพจรด้านหลังเขา

“อ๊า เจ็บนะ เฉินโจวเจ้าอยากตายรึ กล้าลองกับข้า เสียแรงที่ในศึกก่อนหน้านี้ข้าช่วยเจ้าไว้?” ซ๋งเฉิงกัดฟันกรอด

เฉินโจวตกใจตัวสั่นเทา “พี่ซ่งข้าผิดไปแล้ว ข้าแค่ทดลองดูเท่านั้น ใครจะรู้ว่าคุณหนูหยุนเก่งกาจเพียงนี้”

“ปัญญาอ่อน คุณหนูหยุนน่ะเป็นน้องสาวท่านแม่ทัพ จะไม่เก่งกาจได้รึ รีบพยุงข้าขึ้นมาเร็ว” ซ๋งเฉิงพูดอย่างเดือดดาล

“ได้ ได้”

พอคนอื่นเห็นอย่างนั้น ก็รีบทดลองกันใหญ่ หลายคนล้มลง คนลงมือได้ใจหนักหนา คนโดนทำร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ทุกคนกลับไม่ได้โกรธเคืองกัน และยังยินดีปรีดายิ่ง

“วิชาฝังเข็มจุดชีพจรนี้ ถึงไม่ได้ช่วยให้ทุกคนได้ชัยชนะ แต่เวลาสำคัญอาจจะช่วยชีวิตทุกคนได้” หยุนถิงบอก

ทุกคนซาบซึ้งใจยิ่งนัก พากันขอบคุณหยุนถิงเป็นการใหญ่

ทำเอาสีหน้าฟู่อี้เฉินไม่น่าดูขั้นสุด “ หยุนถิงคงมิใช่ทำตัวมีลับลมคมในกระมัง วิชาฝังเข็มจุดชีพจรนี่ดียิ่งนี้ โม่ฉือหาน ข้าลองกับเจ้าหน่อยเป็นไร?” พูดจบ เขาซัดหมัดไปทันที

แต่กลับโดนโม่ฉือหานหลบหลีกอย่างรวดเร็ว และหมุนตัวซัดหมัดใส่แผ่นหลังฟู่อี้เฉินแทน

“อ๊าก!” ฟู่อี้เฉินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกองกับพื้น เจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนัก ทำเอาทุกคนหัวเราะเป็นการใหญ่

โม่ฉือหานเลิกคิ้ว ไม่คิดว่า วิชาฝังเข็มจุดชีพจรของหยุนถิงนี่จะร้ายกาจขนาดนี้ มันทำให้เขาอดประหลาดใจไม่ได้

“ซื่อจื่อ ขออภัยด้วย ข้าพลั้งมือไปหน่อย” โม่ฉือหานยื่นมือออกไปพยุงฟู่อี้เฉิน

ฟู่อี้เฉินเจ็บจนสีหน้าซีดเผือด “โม่ฉือหานเจ้าอย่ามาแสร้งทำรู้สึกผิด ข้าไม่เชื่อดอกว่าเจ้าพลั้งมือ เจ้ากล้าทำร้ายข้า รอข้าค่อยยังชั่วแล้วจะเอาคืนเจ้าแน่”

“ได้ ข้ารออยู่นะ”

ด้วยนิสัยของหลีอ๋อง หากเห็นตนซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งมาประลองมวยปล้ำกับทุกคนในค่ายทหาร น่ากลัวคงหาข้ออ้างสั่งลงโทษตนนานแล้ว วันนี้หลีอ๋องมาแปลกแฮะ หยุนถิงอดขมวดคิ้วไม่ได้

“ขอให้คุณหนูหยุนสอนทุกคนให้มากหน่อย เช่นนี้ยามออกศึกสงคราม ทหารกองทัพเราจะได้ลดน้อยการบาดเจ็บล้มตายลงไป” หลิ่วเฟยซาบซึ้งนัก

“เพคะ หม่อมฉันรับบัญชา” หยุนถิงหันไปสอนอย่างอื่นให้กับทุกคนต่อ

เหล่าทหารล้อมวงเข้ามาฟังและเรียนอย่างตั้งใจ แม้แต่โม่ฉือหานยังพยุงฟู่อี้เฉินยืนฟังด้วย

หยุนไห่เทียนมองหยุนถิงที่อยู่ท่ามกลางผู้คน ถึงนางจะใส่เพียงเสื้อผ้าสีขาวเท่านั้น หากความมั่นใจ เต็มเปี่ยมสูงบนใบหน้านาง ทำเอาหยุนไห่เทียนยังมองเหม่อ นี่สิถึงสมเป็นน้องสาวเขา ถึงสมเป็นคนตระกูลหยุน

“คุณหนูหยุนช่างเป็นยอดหญิง เทียบกับนางแล้วข้าช่างดูเล็กน้อยนัก” หลิ่วเฟยทอดถอนใจ

“เหนียงเหนียงอยู่ในวังหลัง เป็นแบบอย่างให้กับสตรีมากมาย นี่เป็นสิ่งที่น้องสาวข้ามิอาจเทียบได้เลย” หยุนไห่เทียนเลื่อมใส

“แบบอย่าง ก็แค่นกขมิ้นที่ถูกขังอยู่ในกรงเท่านั้นเอง ข้ากลับอิจฉาที่คุณหนูหยุนสามารถเป็นอิสระ สบายๆ ทำอะไรตามใจอย่างนี้มากกว่า”

“หากเหนียงเหนียงยินดี ต่อไปก็มาแวะเยี่ยมเยียนที่ค่ายทหารได้” หยุนไห่เทียนเอ่ยขึ้น

สีหน้าหลิ่วเฟยมีแววยินดีวาบผ่าน แต่แค่แวบเดียว สีหน้านางกลับเป็นราบเรียบปกติ “ขอบคุณความหวังดีของแม่ทัพหยุน ข้าจะจำไว้ ตอนนั้นหากมิใช่แม่ทัพหยุนช่วยเอาไว้ ข้าคงมิได้มายืนอยู่ที่นี่ในตอนนี้ หลายปีมานี้ ข้าติดค้างคำขอบคุณท่านเอาไว้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ