จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 156

“แน่นอนว่าจริง ข้าไม่เคยผิดคำพูดมาก่อน หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงกับพี่ชายข้ายังยืนดูอยู่เลยนะ ยังมีทหารมากมายขนาดนี้ ข้าจะกล้ากลืนคำพูดตนเองก็กระไรอยู่นะ” หยุนถิงตอบ

พอคิดถึงชานมและของทอดหนึ่งปี ถึงจะไม่รู้ว่าของทอดนั่นคืออะไร แต่ชานมนั่นอร่อยขนาดนี้ น่าจะไม่แย่ไปไหนกระมัง

ทังกานหันมองหยุนไห่เทียน คารวะทำความเคารพเขา “ท่านแม่ทัพ ข้าขออภัยด้วย คุณหนูหยุนจะประลองกับข้าเองนะ ท่านเองก็รู้ว่าข้าชอบกินนัก ดังนั้นข้าจะพยายามมิให้คุณหนูหยุนบาดเจ็บแล้วกัน หากบาดเจ็บเข้าจริงๆ ขอท่านแม่ทัพโปรดอย่าถือโทษเลย”

“มิเป็นไร ในเมื่อเจ้าอยากประลอง ก็ลองเถอะ คนอื่นก็ด้วย ใครอยากประลองก็เชิญเลย แพ้ชนะไม่ว่า แตะตัวได้เป็นพอ” หยุนไห่เทียนเอ่ยปาก

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ” ทังกานปีนขึ้นปะรำเวทีทันที

พอคนอื่นได้ยิน ก็ก้าวออกมาสิบกว่าคน ยังไงซะชานมและของทอดไม่เสียเงินหนึ่งปี ย่อมต้องหวั่นไหวอยู่แล้ว

หลิ่วเฟยมองดูทังกานที่รูปร่างสูงใหญ่ผู้นั้น เริ่มเป็นห่วงเล็กน้อย “แม่ทัพหยุนไม่กลัวพวกเขาทำให้คุณหนูหยุนบาดเจ็บจริงรึ?”

“หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงมิต้องกังวลพระทัยดอก หากนางไม่มีฝีมือก็คงไม่กล้าพูดเช่นนี้ ใครชนะใครแพ้มันยังมิแน่ดอก” หยุนไห่เทียนบอก

นับตั้งแต่หยุนถิงกับหลีอ๋องหย่าร้างกัน ก็เปลี่ยนไปมากนัก นางเฉลียวฉลาด เจ้าเล่ห์ ยังทำชานมเป็น เปิดร้านค้า และยังท่องกลอนวาดภาพ----

หยุนไห่เทียนเคยสงสัยด้วยซ้ำว่านางมิใช่หยุนถิง แต่ตอนนางกลับมาเยี่ยมบ้านคราก่อน เขาเห็นรอยปานที่ท้ายทอยของนังหนูนี่ชัดเจนนัก

ดังนั้นหยุนถิงก็คือหยุนถิง บางทีเมื่อก่อนนางก็มีฝีมือเช่นนี้ เพียงแต่แกล้งแสดงออกว่าไร้น้ำยากระมัง นับตั้งแต่แต่งงานกับจวินซื่อจื่อ นางก็เหมือนเปิดโลก หยุนไห่เทียนรู้สึกปลาบปลื้มใจนัก

นี่สิน้องสาวเขา นี่สิถึงเป็นท่าทีที่ลูกสาวตระกูลหยุนควรมี

หลิ่วเฟยมองดูท่าทีหยุนไห่เทียนสบายมั่นคง ใบหน้าด้านข้างหล่อเหลาคมเข้ม เย็นชาคมปลาบ ดูองอาจกล้าแกร่ง สายตาเขาจับจ้องมองคนบนเวทีด้วยสายตาแน่วแน่ ท่าทางมั่นใจนั่นทำเอาหลิ่วเฟยมองเหม่อ

หรือว่าหยุนถิงจะมวยปล้ำเป็นจริง นางจะสามารถเอาชนะบุรุษทั้งฝูงได้จริงรึ?

หยุนถิงขึ้นเวทีแล้ว และถอดชุดกระโปรงยาวด้านนอกบนตัวออก โยนให้หลงเอ้อร์ ยกชายเสื้อด้วยท่าทีจริงจัง

หลีอ๋องและฟู่อี้เฉินที่เดินเข้ามาจากนอกค่ายทหารเห็นภาพนี้เข้าพอดี องครักษ์จะเข้าไปรายงาน แต่กลับโดนโม่ฉือหานห้ามไว้

“ไม่ต้องไปรบกวนพวกเขาหรอก ข้ายืนดูอยู่นี่ก็พอแล้ว” โม่ฉือหานแค่นเสียงเย็นบอก

“ขอรับ” องครักษ์ถอยไปยืนข้างๆอย่างนอบน้อมทันที

ที่นี่คือค่ายทหาร ปกติหลีอ๋องมักจะมาลาดตระเวนเป็นบางครั้ง แต่ครั้งนี้พาฟู่ซื่อจื่อมาด้วย องครักษ์ยืนดูอยู่ข้างๆ หากมีเหตุไม่คาดฝันอะไร เขาก็จะได้รีบเข้าไปรายงาน

พวกหยุนไห่เทียนกับหลิ่วเฟยทั้งหมดพากันยืนมองดูหยุนถิงกับทังกานบนเวที คนอื่นยิ่งมองอย่างรอคอยคาดหวัง แทบไม่มีใครสังเกตเห็นทางนี้เลย

ดวงตาดำขลับของโม่ฉือหานหรี่ลงเล็กน้อย มองไปทางหยุนถิงที่อยู่บนเวที นางสวมเพียงเสื้อตัวในสีขาวเพียงตัวเดียว แขนเสื้อยกขึ้น เผยให้เป็นลำแขนขาวเนียนสองข้าง สีหน้าเคร่งเครียด สายตาแน่วแน่ ไม่หวาดหวั่นเลยสักนิด ดูสงบนิ่งมั่นใจ

หยุนถิงแบบนี้ ทำเอาโม่ฉือหานขมวดคิ้วเล็กน้อย

สองวันก่อนเขาไปรายงานเรื่องกับเสด็จพี่ที่พระราชวัง ได้ยินเสด็จพี่บอกว่า อีกสองวันให้หลังหยุนถิงจะพาหลิ่วเฟยมาเยี่ยมเยือนค่ายทหาร ตอนนั้นโม่ฉือหานไม่ได้พูดอะไร

แต่ตอนเช้าวันนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทั้งๆที่พรุ่งนี้น่าจะต้องเดินทางออกไปเทศกาลดอกท้อ สุดท้ายเขาก็มาที่นี่อย่างลับๆ

บางทีอาจเพราะเมื่อคืนพบเห็นภาพที่หยุนถิงเรียกฝูงงูมาสั่งสอนคนอย่างนั้น โม่ฉือหานก็อยากจะดูเหมือนกันว่าหยุนถิงยังมีความสามารถอะไรอีก ระหว่างทางที่มาเจอกับฟู่อี้เฉินเข้าพอดี โม่ฉือหานก็ลากเขามาที่นี่แล้ว

“ข้าไม่ได้มองผิดกระมัง หยุนถิงนางจะมวยปล้ำกับบุรุษ ไร้ยางอายหรือไม่นี่?” ฟู่อี้เฉินพูดอย่างดูถูก

เขายังคงเคียดแค้นอยู่ เพราะพ่ายแพ้ให้กับหยุนถิงเรื่องท่องกลอนวาดภาพในงานวันเกิดของฮูหยินเฒ่าฟู่ มาตอนนี้เห็นหยุนถิง ฟู่อี้เฉินไม่มีทางยอมปล่อยโอกาสนี้ไปแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ