ตอนที่หยุนถิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าเป็นยามเที่ยงของวันต่อไปแล้ว นางลืมตาขึ้นเห็นจวินหย่วนโยวนอนอยู่ด้านข้าง จึงได้นึกถึงฉากเมื่อคืนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ชั่วพริบตาเดียวใบหน้าของนางก็แดงเรื่อ ร่างกายราวกับถูกรถชน มันช่างเจ็บปวดจนนางต้องสูดลมหายใจเข้า
จวินหย่วนโยวตื่นขึ้นเช่นกัน เขามองไปทางนางด้วยความรู้สึกสนอกสนใจ “ฮูหยินคงมิรู้หรอกว่าเมื่อคืนนี้เจ้าคลั่งไคล้เพียงใด เจ้าอยู่ด้านบนรังแกข้าทั้งคืน...”
“ซื่อจื่ออย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย” หยุนถิงใบหน้าแดงเรื่อแล้วหันหนีมิกล้าสบตาเขา
จวินหย่วนโยวเห็นเช่นนั้นจึงได้หัวเราะออกมาเบาๆ หน้าของนางที่ดูเขินอายช่างน่ารักเหลือเกิน “เอาละ ข้ามิเอ่ยถึงก็ได้ ลุกขึ้นเถิด”
หยุนถิงปล่อยให้จวินหย่วนโยวทำการสวมเสื้อผ้าให้แก่นาง ทั้งสองคนล้างหน้าล้างตารับประทานอาหารแล้วไปยังสนามแข่งขัน
แต่ในครั้งนี้ จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงไป ทันทีที่ทั้งสองคนปรากฏกายขึ้นก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
“ท่านอ๋องช่างรักทะนุถนอมหยุนถิงเหลือเกิน มิยอมแม้กระทั่งให้นางเดินเอง น่าอิจฉายิ่งนัก” สตรีนางหนึ่งเอ่ยปากขึ้น
“โชคช่วยเหลือเกิน ที่ทำให้ซื่อจื่อรักนางได้เช่นนี้”
“ทำไมเล่า นางทั้งหน้าตางดงามและมีพรสวรรค์ นางดีพอที่จะทำให้ซื่อจื่อรักและทะนุถนอมเช่นนั้น” ชายคนหนึ่งโต้กลับ
นับตั้งแต่หยุนถิงกลับคืนสู่สภาพหน้าตาเดิม ผู้คนโดยมากก็มีความคิดเห็นต่อหยุนถิงที่เปลี่ยนไปมิน้อย ประกอบกับทักษะการทำอาหารของนางอันโดดเด่น จึงมีคนมากมายยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับนาง
มิว่าจะเป็นยุคใดสมัยใด หน้าตางดงามสามารถช่วยเราได้ทุกสถานการณ์จริงๆ
ฝั่งตรงข้าม โม่ฉือหานเดินทางมาพร้อมกับฟ่านเสี่ยรั่ว ด้านหลังมีสตรีอีกสามนาง ในวันนี้โม่ฉือหานดูผิดปกติไป รอยยิ้มบริเวณมุมปากของเขาเผยอขึ้น สีหน้าดูอิ่มเอมใจมีความสุขยิ่งนัก
“ซื่อจื่อ ข้าตาฝาดไปหรือ? โม่ฉือหานกำลังส่งยิ้มให้ข้าหรืออย่างไร?” หยุนถิงเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ราวกับเห็นผี
“เขามิได้ยิ้มให้เจ้าหรอก เขากำลังโอ้อวดต่างหาก” จวินหย่วนโยวตอบ
เมื่อตอนเช้าเขาสั่งให้หลิงเฟิงไปสืบมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งเขาได้รับรายงานถึงสาเหตุแล้ว
“เขาจะโอ้อวดสิ่งใด?”
“ฟ่านเสี่ยรั่วเป็นศิษย์ของท่านเจ้าหอหอเทพเซียน นางกลับไปที่หอเทพเซียนเพื่อขอยามาให้โม่ฉือหาน ในวันนี้โม่ฉือหานจึงได้เชิดหน้าชูตาต่อหน้าทุกคนได้ ว่าเขาเป็นดั่งชายปกติทั่วไปแล้ว” จวินหย่วนโยวทำการอธิบาย
หยุนถิงขมวดคิ้วเข้าหากัน “มีคนถอนพิษของข้าได้งั้นหรือ?”
“จะกล่าวว่าเช่นนั้นก็ได้”
“คิดมิถึงว่าในแคว้นต้าเยียนเช่นนี้ จะมีผู้มากความสามารถแฝงอยู่” หยุนถิงถอนหายใจ
โม่ฉือหานเดินตรงเข้ามา เขามองไปยังใบหน้าอันงดงามของหยุนถิงอันไร้ที่ตินั้น ประกอบกับนางสวมใส่ชุดยาวสีฟ้าอ่อน ช่างสง่างามสูงส่ง ช่วงท้องของโม่ฉือหานก็รู้สึกเกร็งขึ้นทันที จู่ๆ เขาก็จินตนาการว่าหากสามารถบดขยี้หยุนถิงที่เป็นหญิงงามเช่นนี้ไว้ใต้ร่างอย่างดุเดือด ความรู้สึกนั้นจะดีเช่นไร
ยังมิทันที่เขาจะจินตนาการออกมา จวินหย่วนโยวก็ได้โยนกงจักรไปทางเขา
โม่ฉือหานหลบทัน แต่ถึงกระนั้นแขนเสื้อก็ถูกตัดจนขาด เขาโมโหเสียจนใบหน้ามืดมน “จวินหย่วนโยว เจ้ากล้าดีอย่างไรลงมือกับข้า?”
“หากหลีอ๋องยังใช้สายตาเช่นนั้นมองดูฮูหยินของข้าอยู่ละก็ ข้าจะควักลูกตาเจ้าทั้งสองข้างออกมา!” จวินหย่วนโยวตะโกนเสียงดัง
น้ำเสียงนั้นช่างเยือกเย็นราวกับภูเขาหิมะที่ก่อตัวเป็นเวลาหลายพันปี ทำเอาผู้คนที่ได้ยินพลางรู้สึกตัวสั่นเยือกเย็นไปด้วย
แววตาของโม่ฉือหานเผยถึงความรู้สึกผิดเล็กน้อย เมื่อครู่จวินหย่วนโยวสัมผัสได้ถึงความคิดของเขาหรือ?
“ในเมื่อเดินทางมากันครบแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มกันเถิด” ฮ่องเต้ที่อยู่มิไกลออกไปนักเอ่ยขึ้น
โม่ฉือหานจ้องมองไปที่จวินหย่วนโยว “เจ้าอย่าทำชะล่าใจไป มิช้าก็เร็วข้าจะจัดการกับเจ้า!”
“เจ้าน่ะหรือ?” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ