จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 284

สีหน้าของผู้อาวุโสสองเย็นชาและตึงเครียด คำนี้ของเซวียนอ๋องคือการอยากทำให้ทุกคนคิดว่าหอเทพเซียนไม่ซื่อสัตย์ชัดๆ

ในฐานะผู้อาวุโส แน่นอนว่าเป็นตัวแทนของหอเทพเซียนอยู่แล้ว จะทำให้หอเทพเซียนละอายใจได้อย่างไร

"เช่นนั้น ก็แข่งขันต่อไป เซียวเซียวเจ้าไปส่งว่านว่านไปพักผ่อนด้วยตันเอง หลังจากการแข่งขันจบลง ข้าจะไปหาเจ้า ผู้อาวุโสสามเจ้าตามไปด้วย" ผู้อาวุโสสองกล่าว

"อืม" มู่เซียวเซียวรีบเรียกลูกศิษย์สองคนของหอเทพเซียนมา และให้พวกเขายกนางออกไป

ก่อนจากไป ผู้อาวุโสสามจ้องมองหยุนถิงและเสี่ยวอันจื่อด้วยความโกรธ จึงค่อยจากไปอย่างไม่เต็มใจ

ซูหลินพาซีหลิ่วและเสี่ยวอันจื่อกลับไป หยุนถิงยังให้หลงเอ้อพาองครักษ์เงามังกรไปคุ้มกัน จากนั้นหยุนถิงจึงค่อยกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง และกินเมล็ดทานตะวันต่อ

หลังจากนั้นไม่นาน ซูกงกงก็มาด้วยตนเอง: "ฝ่าบาทเรียกคุณหนูหยุนและจวินซื่อจื่อเข้าเฝ้า"

"ไปกันเถอะ ซื่อจื่อ" หยุนถิงเดาว่าคงเป็นเพราะมู่เซียวเซียวไปฟ้องฝ่าบาทแน่นอน

จวินหย่วนโยวลุกขึ้นยืน จับมือหยุนถิง และเดินตามซูกงกงออกไป

ห้องโถงด้านข้าง

ฝ่าบาทจ้องมองหยุนถิงด้วยความโกรธ: "หยุนถิง เจ้าอยู่เฉยๆหน่อยไม่ได้หรือ!"

หยุนถิงทำหน้าน่าสงสาร: "ฝ่าบาท ท่านปรักปรำหม่อมฉันแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่หม่อมฉันเป็นคนก่อเรื่องจริงๆ คุณหนูว่านโต้กลับหม่อมฉันครั้งแล้วครั้งเล่า หม่อมฉันใจกว้างไม่สนนาง แต่นางกลับไม่รู้จักพออยากจะโจมตีหม่อมฉัน จึงทำเอาอินทรีทองบนฟ้าทนไม่ไหวมาสั่งสอนนาง"

"หยุนถิง เจ้าอย่าแก้ตัว อินทรีทองตัวนั้นเป็นของเจ้าไม่ใช่หรือ?" ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านข้างจ้องมองมาด้วยความโกรธ

"อินทรีทองเป็นของข้า แต่มันมีปีก จะบินไปไหน โจมตีใคร ข้าก็ห้ามไม่ได้ กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา คนที่ไปโจมตีคุณหนูว่านคืออินทรีทอง พวกเจ้าไปหาอินทรีทองก็ได้แล้ว" หยุนถิงรู้สึกหมดคำพูด

“เจ้าเป็นเจ้าของของอินทรีทอง สัตว์ของเจ้าสร้างปัญหา ก็ต้องหาเจ้าอยู่แล้ว!” ผู้อาวุโสสามโต้กลับ

“ฝ่าบาท น้องสาวนิสัยบุ่มบ่ามจริง แต่ตอนนี้นางหมดสติไปแล้ว และก็ถูกอินทรีทองของคุณหนูหยุนโจมตีจริง ท่านพ่อของหม่อมฉันรักน้องสาวมากที่สุด หากฝ่าบาทไม่ลงโทษคนร้ายหนักๆ ท่านพ่อคงต้องโกรธมากอย่างแน่นอน เวลานั้น หากยกเลิกการคัดเลือกลูกศิษย์ของแคว้นต้าเยียนในปีนี้ก็อาจเป็นไปได้ ดังนั้นโปรดให้ความเป็นธรรมแก่น้องสาวด้วยฝ่าบาท” มู่เซียวเซียวกล่าวด้วยความเคารพและไม่แยแส ไม่ต้อยต่ำไม่สูงส่ง

สีหน้าของฝ่าบาทตึงเครียดในทันที ขมวดคิ้วที่หล่อเหลา แน่นอนว่าเขาก็ฟังนัยนอกเหนือคำพูดของมู่เซียวเซียวออก

หากไม่ลงโทษอินทรีทองหรือหยุนถิงอย่างหนัก เกรงว่าหอเทพเซียนคงจะไม่อยุติอย่างง่ายดายแน่นอน

"หอเทพเซียนเพียงเล็กๆก็กล้าคุกคามฝ่าบาท อยากให้ข้าพาคนไปสังหารยกตระกูลหรือ!!" จวินหย่วนโยวที่เงียบมาตลอด ตอบอย่างแข็งกร้าว

คำคำเดียว สีหน้าของมู่เซียวเซียวซีดลง นางคิดไม่ถึงว่าต่อหน้าฝ่าบาทจวินซื่อจื่อก็ยังกล้าพูดเช่นนี้ “

“จวินซื่อจื่อ กำลังของหอเทพเซียนแผ่กระจายไปทั่วทั้งสี่แคว้น และลูกศิษย์ในสำนักนับมีจำนวนที่นับไม่ถ้วน แม้ว่าท่านจะมีองครักษ์เงามังกร หากเปิดสงครามขึ้นจริง ใครแพ้ใครชนะก็ไม่แน่เลย” แม้ว่าในใจของผู้อาวุโสสามจะกลัว แต่ก็แกล้งทำเป็นสงบนิ่ง

"ถ้าอย่างนั้น ก็เปิดศึกกันเถอะ!" จวินหย่วนโยวพูดอย่างเรียบง่ายและหยาบคาย

สีหน้าของมู่เซียวเซียวตึงเครียด ผู้คนในหอเทพเซียนล้วนเป็นผู้ที่ศึกษาทักษะทางการแพทย์ ผู้ที่มีวิทยายุทธนั้นไม่มากนัก และผู้ที่มีวิทยายุทธที่ดียิ่งน้อย แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้ต่อสู้ขององครักษ์เงามังกรผู้ที่ผ่านศึกมานักต่อนักอย่างแน่นอน

แต่หากให้รับความเสียหายนี้ไว้โดยไม่พูดออกมาเลย มู่เซียวเซียวก็ยอมทนไม่ได้

ทั้งสองฝ่ายต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กันและกัน ฝ่าบาทเองก็รู้สึกตึงเครียด หากเปิดสงครามกันจริง ต่อให้จวินหย่วนโยวชนะ ก็คงสูญเสียอย่างสาหัสแน่นอน

หากสูญเสียองครักษ์เงามังกรไป เช่นนั้นอีกสามแคว้นก็ต้องมีแผนการอย่างอื่นอย่างแน่นอน หลายปีมานี้เหตุผลที่แคว้นต้าเยียนสงบสุขเช่นนี้ได้ ก็เป็นเพราะมีองครักษ์เงามังกรอยู่เสมอ อีกสามแคว้นล้วนเกรงกลัวอำนาจขององครักษ์เงามังกร

“เป็นเรื่องดีที่หอเทพเซียนมาคัดเลือกลูกศิษย์ที่แคว้นต้าเยียนของข้า ทำไมต้องทำลายความสัมพันธ์ระหว่าง หอเทพเซียนและแคว้นต้าเยียนเพราะสัตว์ตัวหนึ่งด้วย ในเมื่อสัตว์ทำร้ายคน ตีตายก็ได้แล้ว นี่ก็เป็นการอธิบายที่ดีที่สุดสำหรับคุณหนูว่านแล้ว ไม่ใช่หรือ?” เสียงอันเย็นชาดังมาจากนอกประตู เซวียนอ๋องเดินเข้ามา

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฝ่าบาทจึงค่อยโล่งอกลง: "เซวียนอ๋องพูดถูก คุณหนูว่านเกิดเรื่องที่แคว้นต้าเยียนของข้า ข้าจะไม่เพิกเฉยอย่างแน่นอน ในเมื่ออินทรีทองทำร้ายคน ดังนั้นก็จัดการอินทรีทอง หยุนถิงเจ้าว่าไง?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ