จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 299

ชางหลันเย่มองไปทางหยุนถิงที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง มุมปากเกี่ยวขึ้นมาเล็กน้อย: “ตอนที่นางช่วยข้า ไม่เคยคิดจะให้ข้าติดหนี้น้ำใจนางเลย”

คำพูดประโยคเดียว แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและชื่นชมที่เขามีต่อหยุนถิง

สีหน้าของเจว๋เฟิงกระดากอายทันที: “เป็นข้าที่จิตใจคับแคบเอง ล้วนฟังคำพูดของนายท่าน”

“ระหว่างทางระวังตัวด้วย!” ชางหลันเย่กำชับ

“ขอรับ”

เจว๋เฟิงเรียกองครักษ์สองนายส่งหยุนถิงกลับไป ชางหลันเย่ไม่วางใจ แอบปกป้องอยู่ในที่ลับตลอดทาง จนกระทั่งเห็นรถม้าไปถึงหน้าประตูของจวนซื่อจื่อ ชางหลันเย่ถึงได้จากไป

ทันทีที่รถม้าเข้าใกล้ องครักษ์ลับของจวนซื่อจื่อก็สังเกตเห็นแล้ว รีบวิ่งเข้ามาดูทันที เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ในรถม้าคือฮูหยิน บรรดาองครักษ์ลับรีบไปแจ้งต่อท่านลั่วกับซื่อจื่อทันที จากนั้นก็อุ้มหยุนถิงเข้าไป

คืนนี้จวินหย่วนโยวพาคนออกไปข้างนอกแล้ว มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางปล่อยให้หยุนถิงออกไปเองเด็ดขาด

ท่านลั่วที่อยู่ลานหลังถูกปลุกให้ตื่นกลางดึก เมื่อเห็นว่าหยุนถิงหมดสติไป ถึงแม้ปากจะพูดบ่นไม่หยุด แต่กลับจับชีพจรและตรวจรักษาให้หยุนถิงอย่างรวดเร็ว

“นังหนูนี่ได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสมาก แถมยังถูกพิษด้วย แต่ว่าน่าจะมีคนช่วยรักษานางแล้ว ตอนนี้ลมหายใจกับชีพจรคงที่แล้ว คาดว่าคงจะตื่นมาในไม่ช้า” ท่านลั่วเอ่ยปาก

พ่อบ้านถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ซื่อจื่อไม่อยู่ หากเกิดอะไรขึ้นกับฮูหยิน รอซื่อจื่อกลับมาแล้วจะไม่ถลกหนังเขาทั้งเป็นหรอกหรือ

“นังหนูนี่จะอยู่อย่างสงบบ้างไม่ได้หรือ ได้รับบาดเจ็บแทบจะวันเว้นวันเลย” ท่านลั่วบ่นพึมพำ แต่กลับไม่ได้ให้คนอุ้มหยุนถิงออกไป

“ลำบากท่านลั่วแล้ว” พ่อบ้านกล่าว

หลงเอ้อเร่งกลับมาจากด้านนอก แขนข้างหนึ่งมีเลือดไหล สีหน้าซีดขาว รีบไปหาท่านลั่วทันที

เดิมทีเขาเห็นฮูหยินจากไปก็ต้องการจะล่าถอย แต่คิดไม่ถึงว่าวรยุทธของมู่เทียนบาจะร้ายกาจเช่นนี้ และยังเป็นยอดฝีมือในการใช้พิษอีกด้วย ดังนั้นหลงเอ้อจึงโชคร้ายโดนพิษเข้า ดีที่สลัดจากเขามาได้

ท่านลั่วที่เพิ่งจะนอนลงไป เมื่อเห็นหลงเอ้อถูกคนประคองเข้ามา ได้แต่ลุกขึ้นมาตรวจรักษาให้เขา แต่แล้วเมื่อมองดู ทำให้แม้แต่ท่านลั่วยังตกตะลึง

“นี่มันคือพิษของโฉงฮัวราตรี ใครเป็นคนวางยาพิษเจ้า?”

“ท่านเจ้าหอแห่งหอเทพเซียน มู่เทียนบา” หลงเอ้อกล่าวคำนี้จบ ก็หมดสติไป

“เขานี่เอง!” สีหน้าของท่านลั่วเคร่งขรึม รีบช่วยแก้พิษให้หลงเอ้อทันที

เวลาผ่านไปทีละนิดทีละนิด จนกระทั่งแสงสว่างเล็กน้อยปรากฏขึ้นมาบนขอบฟ้าทางทิศตะวันออก จวินหย่วนโยวถึงได้พาหลิงเฟิงและคนอื่นๆกลับมาจากข้างนอก สีหน้าของเขาเหนื่อยล้า บนเสื้อผ้าก็มีฝุ่นติดอยู่เล็กน้อย ดูแล้วทุลักทุเลเล็กน้อย

“ซื่อจื่อ ฮูหยินได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่ในลานของท่านลั่ว” พ่อบ้านรีบมารายงานทันที

สีหน้าของจวินหย่วนโยวตึงเครียด ตรงไปยังลานหลังทันที

เมื่อเห็นหยุนถิงที่ยังนอนหมดสติอยู่บนเตียง จวินหย่วนโยวเป็นห่วงอย่างยิ่ง: “ท่านลั่ว นางเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ได้รับบาดเจ็บภายใน ดีที่มีช่วยรักษานางแล้ว วางใจเถอะ นังหนูนี่กำลังจะตื่นแล้ว” ท่านลั่วเอ่ยปาก

“ดูแลนางให้ดี!” จวินหย่วนโยวหันหลังเดินออกไป

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ต้องไปถามองครักษ์เงามังกรว่าเมื่อคืนนี้หยุนถิงไปทำอะไรที่ไหนบ้างแน่นอน เพื่อได้ยินว่าถูกท่านเจ้าหอแห่งหอเทพเซียนทำร้าย จวินหย่วนโยวโมโหสุดขีด

“เด็กๆ ทุบทำลายร้านค้าของหอเทพเซียนในเมืองหลวงต้าเยียนให้หมด กดขี่ร้านขายยาทั้งหมดของทั้งสี่แคว้นด้วย กล้าทำร้ายผู้หญิงของข้า ข้าไม่มีทางปล่อยมันไปเด็ดขาด!” จวินหย่วนโยวออกคำสั่งอย่างแสดงอำนาจ

“ขอรับ!” บรรดาองครักษ์ลับไปจัดการทันที

เวลานี้ฟ้าเพิ่งจะเริ่มสาง บนถนนยังไม่มีใคร คนชุดดำกลุ่มหนึ่งแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มมุ่งหน้าไปยังร้านขายยาเหล่านั้น ถีบประตูออกก็เข้าไปทุบทำลายข้าวของ ไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย

ผู้จัดการร้านกับบ่าวรับใช้ชายของร้านขายยาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยากจะออกมาขัดขวาง แต่ถูกทุบจนสลบไปโดยตรง

เวลาแค่ช่วงเช้า ร้านขายยาหกเจ็ดสิบแห่งในเมืองหลวงของต้าเยียนถูกทุบทำลายจนแตกกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งคนทั้งร้าน ไม่มีความเมตตาเลยแม้แต่น้อย

ทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนตกตะลึง ทุกคนต่างพากันทอดถอนใจว่าไม่รู้ว่าร้านขายยาพวกนี้ไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตคนไหนเข้า ถึงกับถูกทุบทำลายเช่นนี้

แต่ว่าจากการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชาวบ้านกลับพบว่า ร้านขายยาเหล่านี้ล้วนเป็นร้านที่ในเวลาปกติราคาค่อนข้างสูง ผู้จัดการร้านกับหมอล้วนมีท่าทีที่ไม่ดี แถมยังมักจะเห็นคนจะตายต่อหน้าก็ไม่ช่วยเสมอ เพราะพวกเขาอาศัยว่ามีหอเทพเซียน ถึงได้ไม่กลัวเพราะถือว่ามีคนหนุนหลัง

มีแม้กระทั่งแพทย์ในร้านขายยาหลายแห่งที่รักษาคนจนเสียชีวิต คนในครอบครัวของเขามาขอความเป็นธรรม กลับถูกร้านขายยาใช้เงินเล็กน้อยจัดการปัญหา ยังข่มขู่ว่าหากทำให้เรื่องราวใหญ่โต ก็จะให้พวกเขารับผิดชอบผลที่ตามมาอีกด้วย

ตอนนี้ได้ยินว่าร้านขายยาของหอเทพเซียนถูกทุบทำลาย ไม่มีใครดีใจไปกว่าเหยื่อพวกนั้นแล้ว พวกเขาถึงขั้นตีฆ้องร้องป่าวไปตามท้องถนนด้วยซ้ำ

ว่ากันว่าคนกำลังทำ ฟ้ากำลังมอง ทุกสิ่งย่อมมีเหตุและผล นี่ก็คือจุดจบ

ผู้คนต่างพากันทอดถอนใจ ทุบได้ดี สมควรโดนทุบแล้ว ควรทำเช่นนี้นานแล้ว ก็ไม่รู้ว่าใครที่มีความรักในความยุติธรรมอย่างเต็มล้นเช่นนี้

ที่พักเปลี่ยนม้าหลวง

มู่เทียนบายังให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบว่าใครเป็นคนเข้ามาลอบสังหารเมื่อคืนนี้ แต่แล้วก็ได้ยินผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ามารายงาน

“ท่านเจ้าหอแย่แล้ว ร้านขายยาของเราในเมืองหลวงต้าเยียนถูกทุบทำลายจนหมดแล้ว ผู้จัดการร้าน บ่าวรับใช้ชายล้วนถูกทุบจนหมดสติไป รวมถึงหมอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไป

มู่เทียนบาโมโหสุดขีดขึ้นมาทันที เส้นเลือดตรงหน้าผากปูดออกมา: “ไอ้สารเลวคนไหนกันแน่ ถึงกับกล้าท้าทายหอเทพเซียนของข้า รีบไปสืบทันที ไม่ว่าจะเป็นใครกล้าแตะต้องหอเทพเซียนของข้า ข้าจะให้มันตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!”

น้ำเสียงที่โหดเหี้ยม ดังก้องไปทั่วทั้งห้อง มืดมนไร้ที่เปรียบ

“ขอรับ”

นัยน์ตาที่ดุร้ายโหดเหี้ยมของมู่เทียนบามีความเฉือนคมแว๊บผ่านไปเล็กน้อย จู่ๆก็นึกถึงคนที่แอบลอบโจมตีเมื่อคืนนี้ขึ้นมา เขาทำให้หนึ่งในสองคนนั้นบาดเจ็บ วันนี้ก็มีคนมาทุบทำลายร้านขายยาของหอเทพเซียน หรือว่าพวกเขาจะเป็นพวกเดียวกัน

หนึ่งในคนที่ลอบโจมตี ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงอีกด้วย จู่ๆมู่เทียนบาก็นึกถึงหยุนถิงขึ้นมา

ถ้าหากว่าเป็นจวินหย่วนโยว เขามีความสามารถและความกล้าเช่นนี้จริงๆ

มู่เทียนบาพาคนไปที่พระราชวังทันที อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นแคว้นต้าเยียน หากต้องการจะจัดการกับจวินหย่วนโยวและหยุนถิง ฮ่องเต้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

..............

จวนซื่อจื่อ

จวินหย่วนโยวคอยเฝ้าหยุนถิงอยู่ตลอด จนกระทั่งเวลาเที่ยงวัน หยุนถิงถึงตื่นขึ้นมา

“ซื่อจื่อ ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่?” หยุนถิงถาม

“เจ้าตื่นแล้ว ช่างดีจริงๆ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ในน้ำเสียงของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและวิตกกังวล

“ซื่อจื่อ ข้าไม่เป็นไร”

“ต่อไปห้ามก่อเรื่องอีก ทันทีที่ข้าไม่อยู่เจ้าก็แอบหนีออกไป นั่นเป็นถึงท่านเจ้าหอแห่งหอเทพเซียนนะ หากมีอะไรผิดพลาดกับเจ้าแม้แต่นิดเดียว ข้าควรจะทำอย่างไร” น้ำเสียงของจวินหย่วนโยวเย็นชาแข็งกร้าว ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขา

หยุนถิงร้อนตัวขึ้นมาทันที: “ทราบแล้วเจ้าค่ะซื่อจื่อ ข้ารับประกันว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว แต่ว่าเมื่อคืนนี้ข้าเก็บเกี่ยวข้อมูลมาเยอะมาก”

“ทุกครั้งก็รับประกัน สุดท้ายครั้งหน้าก็ยังแอบออกไปอยู่ดี ข้าควรจะเอาเชือกมัดเจ้าเอาไว้จริงๆ” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ข้าก็คิดไม่ถึงว่ามู่เทียนบาจะร้ายกาจเช่นนี้นี่นา เมื่อคืนนี้ข้าสะกดจิตมู่เซียวเซียว นางบอกว่าเขตต้องห้ามหลังเขาของหอเทพเซียน คือสถานที่ที่ท่านเจ้าหอใช้ฝึกเตาหลอมมนุษย์

ส่วนเตาหลอมมนุษย์นี้คืออะไร ข้ายังไม่ทันได้ถาม มู่เทียนบาก็บุกเข้ามาเสียก่อน แต่ข้าเดาว่า ต้องเป็นการใช้มนุษย์เพื่อปรุงยา หรือไม่ก็ทำให้คนกลายเป็นมนุษย์พิษอะไรทำนองนี้แน่นอน

หากให้พวกเขาสร้างสัตว์ประหลาดที่ฟันแทงไม่เข้า และเป็นอมตะออกมาจริงๆ เช่นนั้นสำหรับเราแล้วไม่ใช่เรื่องดีแน่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเช่นนี้ จะทำเป็นลูบหน้าปะจมูกไม่ได้เด็ดขาด” หยุนถิงอธิบาย

คิ้วอันหล่อเหลาของจวินหย่วนโยวขมวดขึ้นมาเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหอเทพเซียนยังมีการกระทำเช่นนี้อยู่ หากหยุนถิงไม่ได้เป็นคนพูด เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน

“วางใจเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า เจ้าพักผ่อนให้ดีๆเถอะ” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความเป็นห่วง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ