จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 413

โม่เหลิ่งเหยียนไม่ไว้ใจ จึงอยากให้คนตามไปถาม แต่หลังจากคิดไปครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองไปเองดีกว่า

แต่เขายังไม่ทันได้ก้าวออกจากประตูโรงเตี๊ยวหรูเยว่ องครักษ์คนหนึ่งก็ส่งจดหมายฉบับหนึ่งมา "ซวนอ๋อง นี่เป็นจดหมายที่ซื่อจื่อเฟยของข้าเขียนให้ท่าน"

“เกิดอะไรขึ้นหรือ ทำไมหยุนถิงและจวินหย่วนโยวถึงต้องรีบจากไปในข้ามคืน?” โม่เหลิ่งเหยียนขมวดคิ้ว รีบรับจดหมายมาแล้วเปิดดู

ในจดหมายเขียนไว้เพียงว่าให้ซวนอ๋องโจมตีเมืองในคืนนี้ แผนการรบและจุดประสงค์ก็เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ไม่เขียนเพียงสาเหตุที่หยุนถิงจากไป

"ซวนอ๋องไม่อย่ากังวลไปเลย ซื่อจื่อเฟยของข้าไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว บอกว่าไม่ชินกับอาหารการกินและการใช้ชีวิตในที่นี้ ดังนั้นซื่อจื่อจึงกลับไปกับนาง!" องครักษ์กล่าวจบก็จากไป

เฉลียวฉลาดเหมือนโม่เหลิ่งเหยียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่เหตุผลของการจากไปอย่างแน่นอน คงต้องมีเหตุผลอื่น

ในเมื่อนางไม่อยากพูด ตัวเองก็ไม่ถาม รอกลับไปก็รู้แล้ว

นางไปแล้วก็ยังไม่ลืมที่จะเตือนให้ตัวเองโจมตีเมือง ใจของโม่เหลิ่งเหยียนรู้สึกอบอุ่นขึ้น เหลือบมองไปยังค่ำคืนที่มืดมิดที่ข้างนอก และส่งสัญญาณไปบนฟ้าในทันที

เมื่อทหารที่รออยู่นอกเมืองเห็นสัญญาณ ก็ตีฆ้องกลองบุกเข้าตีเมืองทันที

พวกเขาพักผ่อนมาเป็นเวลานาน กินและดื่มอย่างดีทุกวัน พักผ่อนเพียงพอมานานแล้ว เพียงรอโจมตีเมือง ดังนั้นคืนนี้ทหารทั้งหมดจึงกล้าหาญและองอาจสง่าผ่าเผยมาก

ทหารที่ปกป้องเมืองเห็นเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด และรีบตีกลองเพื่อส่งสัญญาณ ให้รีบทำการต่อต้านโดยเร็ว

เพียงแต่ว่ากองทัพของซวนอ๋องได้มีการเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนแล้ว และคนเหล่านี้ก็เป็นทหารที่ติดตามซวนอ๋องทำสงครามทั่วเหนือและใต้ กล้าหาญยิ่งนัก เพียงแค่ขวัญกำลังใจก็กดขี่ทหารที่ปกป้องเมืองแล้ว

ในเมืองขาดแคลนเสบียง ยุ้งฉางก็ถูกเผาไป บวกกับที่วันนี้ไท่จื่อทรงนำพาเหล่าขุนนางชั้งสูงมาอ่านหนังสือสารภาพความผิด ทหารแห่งแคว้นเป่ยลี่ที่แต่เดิมใจก็ไม่เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้วนั้น แน่นอนว่าก็ยิ่งแพ้ยับไปใหญ่

ประตูเมืองทั้งเมือง เปลวไฟเต็มท้องฟ้า ลูกธนูตกลงมาราวกับห่าฝน เงากระบี่ ที่เลือนจาง ซากศพเกลื่อนไปทั่ว เลือดไหลเหมือนสายแม่น้ำ-----

รวมไปถึงในเมื่อยังมีกำลังพลของซวนอ๋อง คนทั้งสองกลุ่มด้านนอกด้านในตีขนาบประสานกันไม่ช้าก็ยึดประตูเมืองได้อย่างรวดเร็ว และทหารก็บุกเข้าไปในเมืองโดยตรง เหล่าทหารไม่ได้ปล้นและฆ่าราษฎร เพียงแค่แยกย้ายกันไป

ราษฎรบนถนนได้ยินเสียงคำราม เสียงฆ่าคน เสียงโหยหวน และเสียงร้องขอความเมตตา-----ต่างก็ตกใจกลัวแทบตาย ทุกครอบครัวปิดประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา ซ่อนตัวอยู่ในบ้านไม่กล้าออกมา

เมื่อเป่ยหมิงฉี่ที่อยู่ในจวนไท่จื่อได้รับข่าว ก็รีบพากองทหารหลวงกับกองทัพหลวงและองครักษ์ลับทั้งหมดไปต่อสู้กับศัตรูทันที

"โม่เหลิ่งเหยียนไอ้บ้าเอ๊ย เลือกเวลาได้ถูกจริงๆเลย ร้ายกาจยิ่งนัก!" เป่ยหมิงฉี่พูดอย่างโกรธเคือง

เขาเพิ่งอ่านหนังสือสารภาพความผิดในตอนกลางวัน เหล่าขุนนางชั้งสูง ทหารและราษฎรทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่ต่างก็ไม่พอใจกับโทษความผิดและความผิดพลาดในตอนนั้นของฝ่าบาท ทุกคนใจไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน โม่เหลิ่งเหยียนเลือกโจมตีเมืองในเวลานี้ ก็ต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แล้ว และชนะได้โดยไม่ต้องต่อสู้อย่างแน่นอน

เป่ยหมิงฉี่พาฝูงชนมา แต่พบว่าในประตูเมืองไม่ได้มีร่องรอยของโม่เหลิ่งเหยียนและคนอื่น ๆ เลย มีซากศพนอนอยู่บนพื้น เลือดอันแดงสดทำให้พื้นแปดเปื้อนไปหมด สะดุดตาและโหดร้ายยิ่งนัก

“รีบค้นหาและจับกุมทั่วทั้งเมือง หากพบก็ฆ่าทิ้งในทันที ฆ่าไม่เว้น!” เป่ยหมิงฉี่กล่าวอย่างโกรธเคือง

ทันทีที่เสียงสิ้นลง ก็มีเสียงดังโครมคราม ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเปลวไฟ ควันหนาทึบเต็มท้องฟ้า ทั่วทั้งพื้นดินสั่นสะเทือนขึ้นมา

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปหมดในทันที ต่างก็มองไปยังทิศทางทางแสงไฟนั้น

“ไท่จื่อ เหตุใดข้าดูแล้วมันเหมือนทิศทางของจวนไท่จื่อยิ่งนัก!” องครักษ์คนหนึ่งกล่าว

สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่เย็นชาในทันที ออร่าความปรปักษ์รอบกายกระจายไปทั่ว

"โม่เหลิ่งเหยียน ข้าจะไม่มีวันยอมอยู่ร่วมใต้หล้าเดียวกันกับเจ้าโดยเด็ดขาด !" เป่ยหมิงฉี่คำรามด้วยความโกรธ หันหลังและจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ