จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 505

สุดท้ายนางก็มิได้บอกเรื่องแผนการร้ายขององค์ชายรองกับหยางเฟยออกมา ชางหลันเย่ที่เฉลียวฉลาด ไม่ต้องให้ชางหยุนสี่เตือน เขาก็เดาได้

ชางหยุนสี่ยังถือว่ามีความจริงใจอยู่บ้าง อยากจะส่งข่าวให้ตน

เพียงแต่ชางหลันเย่กลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเลย หากมิใช่เพราะหยางเฟย เสด็จแม่ของเขาจะส่งเขาไปแคว้นต้าเยียนเป็นตัวประกันได้อย่างไร ร่างกายของเสด็จแม่จะล้มป่วยติดเตียงอยู่หลายปีได้อย่างไรกัน

ดังนั้นต่อให้ชางหยุนสี่ทำเช่นนี้ ชางหลันเย่ยังคงเกลียดหยางเฟยเข้ากระดูกดำอยู่ดี เขาใช้ชีวิตที่แย่เสียยิ่งกว่าหมูกว่าหมาที่แคว้นต้าเยียน โดนขันทีนางกำนัลเหยียดหยาม ด่าทอ เสียดสีทุกวัน ได้กินแต่อาหารเหลือข้าวบูด หากมิใช่ได้พบหยุนถิง น่ากลัวว่าเขาคงตายที่แคว้นต้าเยียนไปแล้ว

วันเวลาที่อยู่ไม่สู้ตายนั่น ชางหลันเย่จดจำได้ทั้งชาติไม่มีวันลืมแน่นอน

“ไท่จื่อ พวกเราไปเมืองอู่หนิง ระหว่างทางหยางเฟยต้องวางแผนฆ่าแน่!” เมืองอู่หนิงเตือน

สีหน้าชางหลันเย่เย็นเยียบดุจน้ำแข็งพันปี “บอกทุกคนให้เตรียมพร้อม ครั้งนี้จะต้องให้หยางเฟยสาหัส ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อขอให้เซียวซ่างซูเดินทางไปด้วย”

เจว๋เฟิงสีหน้าชะงักกึก “ไท่จื่อ เซียวซ่างซูเป็นคนของหยางเฟยนะขอรับ”

“ต้องมีคนมาเป็นพยานยืนยันความผิดของหยางเฟยหน่อยมิใช่รึ” ชางหลันเย่อธิบาย

“ไท่จื่อทรงพระปรีชายิ่ง!”

......

แคว้นต้าเยียน จวนซื่อจื่อ

หยุนถิงและจวินหย่วนโยวกลับถึงจวนซื่อจื่อ หยุนถิงรีบให้ซูหลินเรียกรวมตัวกองทัพขนหงส์ในเมืองหลวงทันที รวมถึงคนใหม่ที่เข้ามาฝึกฝนตอนหลังด้วย

คืนนี้ทุกคนพากันมารวมตัวที่จวนซื่อจื่อ หยุนถิงให้คนซื้อผักและเนื้อมามากมาย พอประตูใหญ่ปิดลง ก็พาทุกคนไปห้องครัว

จวินหย่วนโยวกังวลว่าหยุนถิงจะเหนื่อย จึงอยู่ข้างๆตลอด และยังตั้งใจยกเก้าอี้มาให้หยุนถิงนั่งโดยเฉพาะอีกด้วย

หยุนถิงสั่งการให้ทุกคนหั่นผักให้ละเอียดคั้นน้ำออก เอาฟักทองไปนึ่งให้สุก บีทรูทเอาไปแช่น้ำ จากนั้นเอาน้ำผักมานวดรวมกับผงแป้งและบะหมี่ จากนั้นเริ่มทำไส้เนื้อ สุดท้ายใช้แป้งสีรุ้งมาห่อเกี๊ยว----

นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นวิธีการทำเช่นนี้ ต่างประหลาดใจกันยิ่งนัก พอเห็นเกี๊ยวสีเขียว สีแดง สีเหลืองเหล่านั้นออกจากเตา ทุกคนยินดีตกใจกันยิ่งนัก

“สวรรค์ ข้าอยู่มานานหลายปีขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่รู้ว่ามีเกี๊ยวสีรุ้งด้วย ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ!” พ่อครัวจวนซื่อจื่อชมเชยพลางถอนหายใจออกมา

“ก็ใช่ไง นี่น่ะทำจากน้ำผักนะ สีสันสวยงามมากเลย แค่ดูก็อยากกินแล้ว”

“ซื่อจื่อเฟยของเราเก่งยิ่ง มีหนึ่งเดียวในสี่แคว้นเลย อาศัยแค่สีสันนี่ก็ต้องได้รับความนิยมแน่!”

ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนแล้ว หยุนถิงพอใจมาก “ทุกคนมาลองชิมดูสิว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ดีเลย!” ทุกคนหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบกินกัน ต่างพากันชมเชยไม่ขาดปาก

หยุนถิงเองก็หยิบตะเกียบมาคีบชิ้นหนึ่งส่งถึงปากจวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ ท่านลองกินดูสิ!”

“ได้!” จวินหย่วนโยวงับกินจากมือของหยุนถิงเลย

“เป็นอย่างไร?”

“สิ่งที่ถิงเอ๋อร์ทำ ย่อมต้องเป็นของเลิศรสหนึ่งเดียวในสี่แคว้นแน่นอน”

“ซื่อจื่อพูดขนาดนี้แล้ว งั้นข้าก็วางใจละ” หยุนถิงบอก

“คืนนี้ข้าเรียกทุกคนมารวมตัวกัน และบอกสูตรเคล็ดลับของเกี๊ยวสีรุ้งให้กับทุกคน เพื่อต้องการให้เกี๊ยวสีรุ้งนี่เปิดร้านกลุ่มร้านค้าไปทั่วทั้งสี่แคว้น ราคาสูงกว่าเกี๊ยวธรรมดาเล็กน้อยก็พอ คนกินเป็นชาวบ้านธรรมดาหรือคนเดินทาง

ส่วนพวกเจ้าเป็นคนแนะนำของเกี๊ยวสีรุ้งนี้ ร้านและคนข้าจัดเตรียมให้ พวกเจ้าเพียงสืบทอดฝีมือนี้ต่อไปก็พอแล้ว” หยุนถิงบอกเรื่องต้องระวังมากมายกับทุกคนอีก

จวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆฟังอย่างตั้งใจเช่นกัน มองเห็นถิงเอ๋อร์คิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบทุกด้านแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้าน คนงาน รสชาติ จวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

ถิงเอ๋อร์ช่างมีพรสวรรค์ในการทำมาค้าขายยิ่งนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ