คำพูดเดียวทำทุกคนตกตะลึง
คิ้วงามเย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียนขมวดขึ้นเล็กน้อย เขาถึงเหลือบตาขึ้นมองสตรีตรงหน้า
สตรีนั้นยื่นมือไปแกะผ้าปิดหน้าตนออก เผยให้เห็นใบหน้านาง
นางผิวราวครีม ใบหน้าหมดจด งดงามประดุจภาพวาด ดวงตามีประกายเย้ายวน และจับจ้องมองซวนอ๋องไม่วางตา ประกายความรักฉายชัดในนั้นอย่างไม่ปิดบัง
ทุกคนประหลาดใจนัก สตรีนางนี้กล้ารักชอบซวนอ๋อง หากมิใช่สมองมีปัญหา ก็คงคิดอยากตาย
ซวนอ๋องปีนี้ยังมิได้ทำเรื่องที่สะท้านสะเทือนไปทั่วสี่แคว้นเลย สตรีนางนี้คงมิใช่อยากตายกระมัง
โม่เหลิ่งเหยียนเพียงมองสตรีนางนั้นด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ดึงสายตากลับ “ข้าไม่รู้จักเจ้า!”
คำพูดเย็นชาเพียงหนึ่งคำ ทำให้สตรีนางนั้นกระอักกระอ่วนนัก
หากเป็นคนอื่รน ต้องอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่แท้ แต่อวี้เซียนเอ๋อร์ไม่ถือสาเลย นางยังคงยิ้ม
“ซวนอ๋องเป็นบุคคลสูงส่งจำมิได้ สามปีก่อนพวกเราเคยพบกันที่ตระกูลอวี้ ตอนนั้นท่านยังมอบขลุ่ยสั้นให้ข้าอันหนึ่งเลย!” อวี้เซียนเอ๋อร์พูดพลางหยิบขลุ่ยสั้นที่ทำจากหยกขาวออกมาอันหนึ่ง
ทุกคนพากันตกตะลึง ไหนว่าซวนอ๋องมิชอบข้องแวะอิสตรีอย่างไรเล่า และไม่เคยมองสตรีนางใดเลย นี่มอบขลุ่ยสั้นให้แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?
ตระกูลอวี้หรือว่าคือตระกูลอวี้ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ ฐานะสตรีนางนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ
หยุนถิงเองก็ประหลาดใจ มองสตรีนางนั้นมากหน่อย
โม่เหลิ่งเหยียนเหล่มองขลุ่ยสั้นคุ้นเคยนั้น ถึงได้นึกออกว่ามีเรื่องเช่นนี้จริงๆ
โม่เหลิ่งเหยียนกับเจ้าบ้านตระกูลอวี้นั้นเป็นตระกูลคุ้นเคยกันมานาน มีครั้งหนึ่งโม่เหลิ่งเหยียนไปคารวะเจ้าบ้านตระกูลอวี้ ต่อมาก็ได้เล่นพิณคุยถูกคอกับเจ้าบ้านอวี้ จากนั้นโม่เหลิ่งเหยียนก็เป่าขลุ่ยสั้นขึ้น
อวี้เซียนเอ๋อร์ฟังอยู่ข้างๆอย่างยินดี วิ่งเข้ามาถามโดยเฉพาะ และยังขอร้องให้โม่เหลิ่งเหยียนมอบขลุ่ยสั้นให้แก่นาง โม่เหลิ่งเหยียนอยู่ต่อหน้าเจ้าบ้านก็ปฏิเสธลำบาก เลยได้มอบให้ไป
“นั่นมิใช่ข้ามอบให้ แต่เป็นเจ้าเรียกร้องเอาเอง!” โม่เหลิ่งเหยียนตอบเสียงเรียบ หันมองทางหยุนถิงในบัดดล
เห็นหยุนถิงขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่รู้ว่านางไม่พอใจหรือโกรธ หรืออาจจะแปลกใจ
คนอื่นจึงถึงบางอ้อ สมเป็นซวนอ๋อง ไม่ไว้หน้าอิสตรีจริงๆ
“ฝ่าบาท คุณหนูอวี้พึ่งกลับมาจากด่านนอก มาทันงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงพอดี หม่อมฉันเลยให้นางมาเข้าร่วมด้วย” หลิ่วเฟยเอ่ยปาก
“การร่ายรำของอวี้เซียนเอ๋อร์มิธรรมดาจริงๆ เรือนร่างอรชรแน่งน้อย ดูงดงามยามเยื้องกรายนัก ข้าชอบมาก ประทานรางวัล” ฮ่องเต้พูดเนิบช้า
มิเช่นนั้นวันนี้พูดเรื่องซวนอ๋องต่อไป ต้องมีคนตายแน่
อวี้เซียนเอ๋อร์ยิ้มน้อยๆ หันไปถวายบังคมหลิ่วเฟย “ขอบพระทัยฝ่าบาท หลิ่วเฟยเหนียงเหนียง!”
“คนมา พระราชทานที่นั่ง!”
ขันทีสองคนรีบยกเก้าอี้เข้ามา และไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ เก้าอี้นั้นวางข้างซวนอ๋องพอดี
อวี้เซียนเอ๋อร์เดินเข้าไปนั่งลงอย่างไม่เคอะเขินเลย
สีหน้าโม่เหลิ่งเหยียนดำเมี่ยมทันที ดวงตาดำขลับเย็นชาตวัดมองทางหลิ่วเฟย หลิ่วเฟยพลันรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกาย ไม่สบายเอาเสียเลย รีบหันไปบอกฝ่าบาทว่าตนเหนื่อยแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนก่อน
ขืนอยู่ต่อไป นางกลัวซวนอ๋องจะกินนาง ในเมื่อหน้าที่ที่ฝ่าบาทมอบหมายสำเร็จแล้ว หลิ่วเฟยก็ขอตัวกลับเลย
“ฮ่องเต้แคว้นต้าเยียน ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะ!” น้ำเสียงเดือดดาลพุ่งเข้ามา อ๋องเก้าแห่งแคว้นเป่ยลี่โดนคนพยุงพุ่งเข้ามาจากด้านนอก
ทุกคนพากันหันไปมอง โดยเฉพาะหยุนหลี พอเห็นอ๋องเก้าที่เข้ามา ใบหน้าแน่งน้อยดำเมี่ยมลงทันที
หมอนี่กล้ามาฟ้องถึงในพระราชวัง น่าตายนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...