จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 532

ถึงแม้ว่าหลัวหรูจิจะไม่เข้าใจว่าทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงทิ้งท่านอ๋องน้อยเอาไว้ไม่สนใจ แต่เขาก็ยังรีบให้คนจูงรถม้ามา

เซียจิ่วเซียวมีสีหน้าดีใจ ว่าแล้วว่าเสด็จแม่ต้องเก่งกาจที่สุด ในที่สุดเขาก็จะมีทางรอดแล้ว

ในขณะที่เขากำลังดีใจอยู่ ก็เห็นองค์หญิงใหญ่ขึ้นรถม้าไปเลย คราวนี้เซียจิ่วเซียวมองตาค้างไปเลย “เสด็จแม่ เสด็จแม่ช่วยข้าด้วย รีบมาช่วยลูกเร็ว ลูกจะไปกับท่านด้วย!”

องค์หญิงใหญ่หันหน้ามามองอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “เจ้าอยู่ที่จวนซื่อจื่อไปก่อน เดี๋ยวเสด็จแม่จะคิดหาวิธีมาช่วยเจ้าเอง” พูดจบ ก็ขึ้นรถม้าไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

ใจของเซียจิ่วเซียวตกลงไปสู่หุบเหวลึกทันที แล้วจ้องมองรถม้าของเสด็จแม่ห่างออกไปไกลเรื่อย ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อและตกตะลึงเป็นอย่างมาก

“เสด็จแม่ อย่างทิ้งลูกไป เสด็จแม่กลับมาก่อน ข้ายังไม่อยากตาย เสด็จแม่ ข้าเป็นลูกชายแท้ ๆ ของท่านนะ ท่านจะทิ้งข้าไว้โดยไม่สนใจได้ยังไง……”

ไม่ว่าเซียจิ่วเซียวจะร้องตะโกนยังไง รถม้าขององค์หญิงใหญ่ก็ยอมหยุดลง กลับยิ่งไกลออกไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็หายลับไป

“พอแล้ว เลิกร้องโหยหวนได้แล้ว เสด็จแม่ที่เจ้าร่ำร้องเรียกหาทอดทิ้งเจ้าแล้ว เรื่องที่ชัดเจนแบบนี้ยังมองไม่ออกอีกหรือ พูดถึงแล้ว จิตใจขององค์หญิงใหญ่นี่ก็ช่างโหดร้ายมากจริง ๆ แม้แต่ชีวิตของลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองก็ยังไม่สนใจ ช่างน่าเศร้า ช่างน่าสงสารจริง ๆ!” รั่วจิ่งพึมพำขึ้นมา แล้วถึงเดินเข้าไป

เซียจิ่วเซียวจ้องมองไปทางที่รถม้าหายวับไป แล้วก็รู้สึกผิดหวัง รู้สึกหงุดหงิด และรู้สึกเกลียดแค้นในใจขึ้นมา วินาทีนี้เขาเกลียดเสด็จแม่จะตายอยู่แล้ว

นางเป็นเสด็จแม่ของตัวเองนะ ทำไมถึงทิ้งไปโดยไม่สนใจไยดีแบบนี้ นางทำใจได้ยังไงกัน หรือนางอยากให้ตัวเองถูกทรมานตายจริง ๆ หรือ?

เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในจวนซื่อจื่อ ถูกสายลับของฮ่องเต้มองเห็นไว้อย่างชัดเจน แล้วรีบกลับไปรายงานที่พระราชวังเลย

พอฮ่องเต้ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ไม่เพียงไม่ช่วยเซียจิ่วเซียว แต่ตัวเองกลับยังจากไปอย่างอนาถ ก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก “สมแล้วที่เป็นจวินหย่วนโยว ข้ามองเขาไม่ผิดจริง ๆ ทำให้ข้าได้หน้า แล้วสะใจมากจริง ๆ!”

“ฝ่าบาทชาญฉลาดยิ่งนัก แต่ว่าฝ่าบาท ท่านคิดว่าจะลงโทษเซียจิ่วเซียวยังไงหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ซูกงกงถามขึ้นมาอย่างชื่นชม

“ในเมื่อนางช่วยคนไปไม่ได้ งั้นก็ต้องมาคุยข้อเสนอกับข้าแน่นอน ข้าแค่รออยู่เฉย ๆ ก็พอแล้ว!” ในดวงตาดำสนิทของฮ่องเต้มีแววเฉียบแหลมพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง

“ฝ่าบาทชาญฉลาดยิ่งนัก!”

ส่วนตำหนักอีกข้างของพระราชวัง อ๋องเก้าที่หมดสติไปนาน ในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมาสักที

“อ๋องเก้า ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า จะให้ข้าน้อยไปตามหมอหลวงไหม?” ลูกน้องรีบถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

อ๋องเก้าเพิ่งนึกเรื่องที่ตัวเองถูกจวินหย่วนโยวทำให้ตกใจจนหมดสติไป ในงานเลี้ยงตอนก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้

“จบแล้ว คราวนี้ขายหน้าคนแย่แล้ว นี่ข้าถูกจวินหย่วนโยวทำให้ตกใจจนหมดสติเลยหรือ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงผู้กล้าทั้งชีวิตของก็ต้องพังทลายไปหมดแล้ว!”

ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ พึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ท่านมีความเป็นผู้กล้าด้วยหรือ?”

“เจ้าว่าอะไรนะ?” อ๋องเก้าถลึงตาใส่อย่างโกรธเคือง

“ท่านอ๋อง ข้าน้อยบอกว่าเราล่วงเกินจวินซื่อจื่อไม่ได้จริง ๆ งั้นก็อย่าไปแหย่เขาเลย ข้าน้อยได้ยินมาว่าองค์ชายรองกับองค์หญิงสี่แห่งแคว้นชางเยว่ก็มาหาเรื่องหยุนถิงเหมือนกัน ผลปรากฏว่าถูกจวินซื่อจื่อจัดการไปซะน่วมจนต้องรีบหนีกลับแคว้นไป ตอนนี้พวกเรายังได้อยู่ในพระราชวังของแคว้นต้าเยียน ท่านจงรู้สึกพึงพอใจเถอะ!” ลูกน้องตอบกลับมา

อ๋องเก้าสีหน้านิ่งค้างไป “พูดอย่างนี้ พวกเรายังถือว่าโชคดีอยู่ใช่ไหม?”

“แน่นอนซิ ท่านอ๋องพวกเราไปแหย่ไม่ได้แต่ว่าหลบหลีกได้ ไม่ว่ายังไงท่านก็เป็นอ๋องเก้าของแคว้นเทียนจิ่ว กินดีอยู่ดีอยู่ในพระราชวังนี้ มันไม่ดีหรือ”

“ข้าน้อยได้ยินมาว่าองค์หญิงของแคว้นต้าเยียนตั้งหลายคนล้วนงดงามจนล่มแคว้นล่มเมือง งดงามพระจันทร์ยังอาย ถ้าเกิดท่านได้แต่งงานกับองค์หญิงของแคว้นต้าเยียนขึ้นมา งั้นต่อไปจวินซื่อจื่อก็ต้องไว้หน้าท่านบ้างแล้ว พอพวกเรากลับแคว้นเป่ยลี่ก็จะได้ไม่ต้องทนดูสีหน้าของไท่จื่อแล้ว!” ลูกน้องพูดแจกแจงขึ้นมา

อ๋องเก้ารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ใช่ซิ ข้าจะมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์นี่ จะลืมเรื่องสำคัญไปไม่ได้เด็ดขาด รีบมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าเลย ทรงผมต้องห้ามยุ่งเด็ดขาดนะ!”

“ขอรับ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ