จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 55

“บัดซบเอ๊ย! น่ารังเกียจชะมัด! ดูเถอะว่าหางสุนัขสุดจะเย่อหยิ่งจองหองของเจ้ามันแทบจะชี้ชันขึ้นไปบนฟ้าได้อยู่แล้ว” องครักษ์ลับคนหนึ่งจิกกัด

“นั่นสิ ทำไมฮูหยินถึงเลือกเขาไปเป็นองครักษ์ส่วนตัวได้นะ? ดวงตาช่างไร้แววจริงๆ”

"เอาเถอะ ใครมีงานอะไรก็ไปทำตามหน้าที่ของตัวเองซะ พวกเราต่างก็เป็นองครักษ์ของซื่อจื่อ มีหรือจะเห็นแก่เศษเงินแค่ห้าหมื่นตำลึงจนขัดแข้งขัดขาตัวเองได้? " หลงยีแค่นเสียงพูดเย็นชา

คนอื่นที่เหลือต่างก็แยกย้ายกันไป หลิงเฟิงก็ไปดูแลที่ด้านหน้าต่อ

ในห้องหนังสือ

ผ่านไปครู่ใหญ่จวินหย่วนโยวถึงยอมปล่อยนาง หยุนถิงตัวอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขนของเขา แนบตัวกับหน้าอกเขาพลางหอบหายใจอย่างหนัก สองแก้มแดงปลั่งดั่งกุ้งต้มสุก

“ซื่อจื่อ เจ้ารังแกข้า” หยุนถิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานหยาดเยิ้มของนาง ทำท่าทางน้อยอกน้อยใจ

“ใช่รึ? เป็นเจ้าที่รังแกข้าก่อนต่างหาก” จวินหย่วนโยวจงใจถามกลับ

“บัดซบ! ช่างไร้ความเมตตาซะจริง! กินจนเกลี้ยงเกลาแล้วจะชักดาบไม่ยอมจ่ายสินะ ซื่อจื่อเจ้ายังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไม่?” หยุนถิงดูถูกเขา

"ก็ให้เจ้าไปจนหมดแล้วนี่"

"ซื่อจื่อ เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกนะ หน้าไม่อาย" หยุนถิงทำท่าจะลุกขึ้นจากอ้อมแขนของจวินหย่วนโยว แต่กลับถูกเขากอดเอาไว้แน่นกว่าเดิม

“ข้าทำแบบนี้กับเจ้าคนเดียวเท่านั้น” รอยยิ้มของจวินหย่วนโยวลึกซึ้งยิ่งขึ้น

มีแค่ผู้หญิงคนนี้เท่านั้น ที่ทำให้ใจเขาว้าวุ่นสับสนได้

หยุนถิงหน้าแดงด้วยความเขินอาย ไม่สนใจเขาอีก

พวกเขาสองคนไม่มีใครพูดอะไรอีก แค่กอดกันและกันเงียบ ๆ แนบชิดกันอยู่อย่างนั้น สูดกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ บนกายของอีกฝ่าย ในใจต่างรู้สึกผ่อนคลายมีความสุข

จวินหย่วนโยวไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายสบายใจขนาดนี้มาก่อน ยิ่งไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนด้วย ความรู้สึกที่ได้กอดนางจนแนบชิดแบบนี้ มันช่างน่าทึ่งยิ่งนัก

หยุนถิงมีรูปร่างที่ผอมบาง แต่เมื่อได้กอดกลับนุ่มนิ่มราวไม่มีกระดูก เป็นความรู้สึกที่สบายมาก ๆ

เมื่อมองเห็นพู่กันกับหมึกบนโต๊ะ หยุนถิงก็เริ่มสนใจ "ซื่อจื่อ ที่เจ้าเขียนนี่มันคืออะไรรึ?"

จวินหย่วนโยวเพิ่งจะฉุกคิดขึ้นได้ รีบคลายมือจากหยุนถิง คิดจะเข้าไปเก็บตัวอักษรคำว่าหยุนที่เขาเพิ่งจะเขียนกลับมา แต่กลับโดนหยุนถิงชิงคว้ามันไปได้เสียก่อน

“นี่ไม่ใช่คำว่าหยุนหรอกรึ? หรือว่าซื่อจื่อคิดถึงข้า ถึงได้เขียนแซ่ของข้าแทนความคิดถึง?”หยุนถิงหลุดหัวเราะเบา ๆ

“เปล่าสักหน่อย ข้าก็แค่ฝึกเขียนอักษรเล่นเฉย ๆ ”แน่นอนว่าจวินหย่วนโยวต้องไม่ยอมรับเป็นธรรมดา ว่าเมื่อครู่นี้เขาใจคอสับสนว้าวุ่น จึงเขียนคำนี้ออกมา

“อ๋อ! อย่างนี้เองรึ? มีตัวอักษรตั้งมากมายขนาดนั้นแท้ ๆ แต่ซื่อจื่อกลับเขียนตัวนี้ตัวเดียว” หยุนถิงหัวเราะเจ้าเล่ห์ราวสุนัขจิ้งจอก หยิบพู่กันที่อยู่ข้าง ๆ จุ่มหมึกเล็กน้อย แล้วเริ่มเขียนตัวอักษรบนกระดาษเปล่าใบหนึ่งเช่นกัน

จวินหย่วนโยวชะโงกหน้าเข้าไปดู ใบหน้าหล่อเหลาน่ามองพลันเปลี่ยนเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวดแทน “นี่คือตัวอักษรของเจ้าหรือ?”

“ไม่สวยหรอกรึ?”

“ไม่ใช่แค่ไม่สวยนะ แต่น่าเกลียดเลยต่างหาก เฉิงเซี่ยงไม่เคยสอนเจ้าร่ำเรียนเขียนอ่านเลยรึ?” จวินหย่วนโยวพูดจบ ค่อยฉุกคิดขึ้นมาได้

หยุนถิงเป็นลูกผู้ดีซึ่งมีสมญานามว่าตัวไร้ประโยชน์อันดับหนึ่งในเมืองหลวง นางทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง เป็นเพราะเฉิงเซี่ยงเลี้ยงดูแบบตามใจจนเกินไป เป็นเหตุให้ลูกสาวที่เขาเลี้ยงดูมากลายเป็นแค่เศษขยะชิ้นหนึ่ง

“สอนสิ แต่เพราะท่านอาจารย์ที่พ่อข้าเชิญมาล้วนถูกข้ายั่วโมโหจนหนีไปกันหมด” หยุนถิงตอบอย่างกระอักกระอ่วน

เมื่อก่อนวัน ๆ เจ้าของร่างเดิมเอาแต่จูงหมาเดินเล่น ตีไก่เล่นพนัน ทะเลาะวิวาทไปทั่ว ไม่เคยชอบเรียนหนังสือ อาจารย์ในเมืองหลวงต่างก็ถูกนางทำให้โกรธจนหนีหายไปกันหมด ดังนั้นเวลาต่อมาจึงไม่มีใครกล้าสอนนางอีก

พอเอ่ยถึงเฉิงเซี่ยง จู่ ๆ หยุนถิงก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน “ซื่อจื่อ ข้าสมควรกลับบ้านได้แล้วถูกหรือไม่”

“เจ้าอยากกลับบ้านรึ?” จวินหย่วนโยวถาม

“ไม่ใช่ว่าตามปกติแล้วหลังแต่งออกมาสามวัน เจ้าสาวก็จะต้องกลับบ้านหรอกรึ?”หยุนถิงจำได้ว่าในสมัยโบราณจะมีประเพณีแบบนี้อยู่

“ปกติล้วนเป็นเช่นนี้ แต่เจ้าไม่เคยพูดถึง ข้าเลยคิดว่าเจ้าคงไม่อยากกลับไปแล้ว จึงไม่เคยพูด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ