ใบหน้าของเหมยเฟยซีดขาวสุดขีด คนทั้งคนเกือบจะทรุดลงไปกับพื้น ดีที่ได้หลิ่วเฟยประคองนางเอาไว้“เจ้ายังไหวไหม?”
“ฝ่าบาทเป็นเช่นนี้ ข้าเป็นห่วง!” เสียงของเหมยเฟยสะอึกสะอื้นไปหมด
“ทุกคนล้วนเป็นห่วงฝ่าบาทมาก แต่เจ้าต้องรักษาสุขภาพให้ดี เช่นนี้ถึงจะสามารถดูแลฝ่าบาทได้” หลิ่วเฟยปลอบโยน
“เจ้าพูดถูกแล้ว ข้ายังต้องดูแลฝ่าบาทอีก!” เหมยเฟยรีบลุกยืนขึ้นมาทันที ให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลงมา
“พวกท่านเข้าไปอยู่กับฝ่าบาทได้แล้ว คุยเรื่องที่เขาใส่ใจกับเขา แต่ว่าเข้าไปได้แค่ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น แล้วก็อย่ารบกวนการพักผ่อนของเขาด้วย เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ตาแก่อย่างข้าขอตัวกลับไปก่อนแล้ว!” ท่านลั่วเอ่ยปาก
“ขอบคุณหมอยมบาลมากที่ให้ความช่วยเหลือ!” หลิ่วเฟยกล่าว
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยถอนพิษให้ฝ่าบาท!” เหมยเฟยซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
“เกรงใจแล้ว!”
หลิงเฟิงส่งท่านลั่วจากไปด้วยตัวเอง ประตูตำหนักด้านข้างที่กว้างใหญ่เหลือเพียงสนมเพียงไม่มีกี่คนเท่านั้น
“หลิ่วเฟย โปรดให้ข้าเข้าไปเฝ้าฝ่าบาทเถอะ!” ในน้ำเสียงของเหมยเฟยเต็มไปด้วยการวิงวอน
“ตกลง คืนนี้เจ้าอยู่ดูแลฝ่าบาท ยังมีแขกเหรื่อถูกกักตัวเอาไว้ ข้าก็ต้องไปจัดการเช่นกัน!” หลิ่วเฟยกล่าว
“ขอบคุณมาก!” เหมยเฟยผลักประตูเข้าไปทันที
หลิ่วเฟยก็ตรงไปที่งานเลี้ยงเช่นกัน เหลือไว้เพียงฉินเฟยเท่านั้น
“เหนียงเหนียงเราทำอะไรกันดี?” สาวใช้คนสนิทถาม
“ในเมื่อฝ่าบาทกับแขกเหรื่อล้วนไม่ต้องการข้า ข้าย่อมต้องไปเคี่ยวยาให้ฝ่าบาทที่ห้องครัวอยู่แล้ว” ฉินเฟยหันหลังก็จากไปเช่นกัน
และบรรดาแขกเหรื่อที่ถูกกองทัพหลวงล้อมรอบเอาไว้พวกนั้น ต่างก็รู้สึกตื่นตระหนก ฝ่าบาทกับซื่อจื่อเฟยล้วนถูกพิษกันทั้งคู่ แถมยังเป็นพิษร้ายแรง ผลที่ตามมาร้ายแรงมาก
นาทีนี้ ผู้คนมากมายถึงขั้นรู้สึกเสียใจภายหลังที่มาร่วมงานเลี้ยง อยู่บ้านดีๆไม่ดีหรือ
หลิ่วเฟยรีบมาถึง“การสืบสวนเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลีอ๋องสีหน้ามืดมน“ตรวจค้นร่างกาย และสิ่งที่พวกเขาพกติดตัวหมดแล้ว ไม่มีความผิดปกติใดๆ แต่คนร้ายตัวจริงต้องอยู่ในกลุ่มพวกเขาอย่างแน่นอน”
“หาตัวคนร้ายไม่เจอ ใครก็ห้ามจากไปเด็ดขาด ในเมื่อเฟิ่งจาวหยีเป็นคนรับผิดชอบงานเลี้ยง เช่นนั้นก็เริ่มตรวจค้นตำหนักของเฟิ่งจาวหยีก่อน!” น้ำเสียงของโม่เหลิ่งเหยียนเด็ดขาดเย็นชา ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขา
หลิ่วเฟยทอดถอนใจ“ดูท่านี่คงจะเป็นทางเดียวเท่านั้นแล้ว คืนนี้ทุกคนไม่ต้องกลับไปแล้ว ข้าจะสั่งให้คนเก็บกวาดห้องเอาไว้ ทุกคนก็พักผ่อนในพระราชวังแล้วกัน!”
ทุกคนล้วนตะลึงงันกันหมด แต่หลิ่วเฟยกับซวนอ๋องล้วนพูดแล้ว พวกเขาไม่กล้าโต้แย้ง
“ข้าจะกลับไปพักผ่อนที่แปรพระราชฐาน!” องค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วกล่าวอย่างเย็นชา
“ข้าบอกไปแล้วว่า สืบหาคนร้ายตัวจริงไม่เจอใครก็ห้ามจากไป ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงใหญ่ท่านคือคนที่น่าสงสัยมากที่สุด!” นัยน์ตาสีดำที่เฉือนคมของโม่เหลิ่งเหยียน กวาดมองมาราวกับใบมีดที่คมกริบ
องค์หญิงใหญ่หงุดหงิดโมโหอย่างยิ่ง สายตามองประสานกัน ดินควันระเบิดที่มองไม่เห็นกำลังแผ่ซ่านระหว่างพวกเขาทั้งคู่
แม้จะเป็นองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว ก็ไม่เคยเห็นว่าใครมีสายตาเย็นชาเช่นนี้มาก่อน โม่เหลิ่งเหยียนแตกต่างจากความโหดเหี้ยมและกระหายเลือดของจวินหย่วนโยว มีความรุนแรงที่ชั่วร้าย ไร้ความปรานีมากกว่าเล็กน้อย
โม่เหลิ่งเหยียนผู้ซึ่งเป็นเทพสงครามในสนามรบที่สี่แคว้นต่างหวาดกลัว ทุกที่ที่ไปถึงไม่มีสิ่งใดขัดขวางได้ วิธีการโหดร้าย ไร้ปรานี ยิ่งขึ้นชื่อเรื่องไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น วิธีการทรมานคนก็ทารุณบ้าคลั่ง
แต่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ถูกปฏิเสธกะทันหัน ย่อมรู้สึกเสียหน้าอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนางก็ต้องการหยั่งเชิงความสามารถของโม่เหลิ่งเหยียน ความสามารถของพระราชวังต้าเยียน
“หากข้าจะไปให้ได้ล่ะ?”
“องค์หญิงใหญ่สามารถลองดูได้เลย!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างดูหมิ่น
“องค์หญิงใหญ่ถ้าอย่างไรเราอยู่ที่นี่คืนหนึ่งดีไหม?” จี้อวี๋เสนอแนะเสียงเบา
“เจ้าโง่ใช่ไหมเนี่ย จะอยู่ในที่ที่มีข้อพิพาทเช่นนี้ทำไมกัน ไหนเลยจะมีอิสระเท่าแปรพระราชฐาน!” หลัวหรูจี๋โต้แย้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...