จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 625

เช้าวันหนึ่งนางจ้าวแห่งจวนตระกูลหยุน นางโจวและซูซินโหรวแห่งจวนตระกูลซูถูกพบอยู่บนถนนในเมืองหลวง พวกนางถูกม้าห้าตัวฉีกตัวออกเป็นชิ้น ๆ และศีรษะของทั้งสามคนถูกแขวนไว้ที่ประตูเมืองเป็นเวลานาน

ผู้คนในเมืองหลวงต่างพากันตื่นตระหนก ไม่รู้ใครกันถึงได้โหดเหี้ยมถึงกับต้องฆ่าผู้หญิงสามคนเช่นนี้

ที่น่าแปลกก็คือ คนของจวนตระกูลหยุนและตระกูลซูกลับไม่มีใครไปเก็บศพของพวกนาง กระทั่งส่งคนมาดูสักนิดก็ไม่มี วิธีการที่โหดร้ายทารุณ ประกอบกับที่ทุกคนต่างรู้ว่าเกิดเรื่องกับซื่อจื่อเฟยแล้ว พวกเขาก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้บ้าง

เมื่อมองไปที่ศีรษะที่เปื้อนเลือดและซากศพที่เน่าเปื่อยพวกนั้น ผู้คนทั่วทั้งเมืองต่างพากันหวาดกลัวและหวาดระแวง จนต้องพากับเลี่ยงประตูเมืองและไม่กล้าผ่านไปทางนั้น

หนึ่งเดือน สามเดือนผ่านไปก็ยังไม่มีข่าวคราวของหยุนถิงเลย

ใคร ๆ ก็รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับซื่อจื่อเฟย ส่วนจวินซื่อจื่อก็ป่วยหนัก นับตั้งแต่นั้นมาเขาเดินไม่ค่อยได้และไม่ได้ออกไปไหนมาไหนอีกเลย จวนซื่อจื่อก็ปิดประตูไม่ต้อนรับแขกและไม่เห็นคนที่นั่นอีกเลย

อดีตเจ้าแห้งสนามรบอย่างซวนอ๋องทรงละทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับราชสำนัก ไปอาศัยอยู่สันโดษที่ด้านล่างหน้าผา แม้แต่ในฤดูหนาวในเดือนสิบสองยังไปว่ายน้ำที่ทะเลสาบด้านล่างหน้าผาซ้ำ ๆ หลายรอบ จนใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเขากลายเป็นบ้าไปแล้ว

มีเพียงหมิงจิ่วซางเท่านั้นที่รู้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนรู้สึกผิดต่อหยุนถิง และเขากำลังลงโทษตัวเองอยู่

ฮ่องเต้ไปหาจวินหย่วนโยวและโม่เหลิ่งเหยียนหลายครั้ง และพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พวกเขาทั้งสองคนก็ดื้อดึงไม่ยอมฟังในสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสเลยสักน้อย

จวินหย่วนโยวเอาแต่ขลุกตัวอยู่ห้องทรงพระอักษรทั้งวัน เขาเอาแต่จ้องมองภาพเหมือนของหยุนถิงอย่างเหม่อลอย บางคราก็นั่งมองอยู่เช่นนั้นทั้งวัน และขาของเขาก็ไม่ดีขึ้นเลย

แม้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนจะไปพักอาศัยอยู่ที่ใต้หน้าผา แต่ทุกสิ้นเดือนเขาจะไปที่จวนซื่อจื่อเพื่อไปตรวจดู เพราะนี่คือสิ่งที่หยุนถิงฝากฝังเขาไว้

แม้ว่าจวินหย่วนโยวจะไม่ต้องการพบเขา แต่ก็ไม่ได้สั่งให้คนขับไล่เขาออกไป ทั้งสองคนนั่งมองภาพเหมือนของหยุนถิง ดื่มสุราจนเมาหัวราน้ำ แต่วันรุ่งขึ้นก็กลับมาเฉยเมยเย็นชาใส่กันเช่นเดิม

หยุนซูกับหยุนหลีแวะไปเยี่ยมบ้างเป็นครั้งครา แต่ก็มีเพียงพ่อบ้านและพวกหลิงเฟิงเท่านั้นที่คอยต้อนรับ ยิ่งได้เห็นพี่เขยซื่อจื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หยุนหลีกับหยุนซูก็ทุกข์ใจมากเช่นกัน

ทางด้านหยุนเฉิงเซี่ยง นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิง เขาก็ล้มป่วยจนต้องขอทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายให้ทรงพ้นจากตำแหน่ง และพักฟื้นรักษาตัวอยู่ที่เรือน

หยุนไห่เทียนนำทัพออกรบในสนามรบ หลายปีมานี้เขาแทบไม่ได้กลับมาอีกเลย ทว่ายังส่งจดหมายกลับมาทุกเดือน ทุกคราที่เขาไปสถานที่ใด เขาก็จะส่งคนไปซักถามเรื่องเกี่ยวหยุนถิง แต่สุดท้ายก็ไม่เคยพบนางเลย

แม้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิง แต่กิจการต่าง ๆ ของนางยังคงได้รับการดูแลจัดการอย่างดี โดยส่วนใหญ่จะเป็นฝีมือของจ้าวเม่ยเอ๋อร์และหลันซาน พวกนางพยายามดูแลกิจการอย่างขันแข็ง และเชื่อว่าวันหนึ่งหยุนถิงจะกลับมา

ปีต่อมา หลังจากหมิงจิ่วซางได้เกลี้ยกล่อมโม่เหลิ่งเหยียนมานานนับปี สุดท้ายเขาก็ยอมออกมาจากใต้หน้าผาแห่งนั้น และไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ไหน

เพียงพริบตาเดียวก็กลับเข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้ง จวินหย่วนโยวสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกนั่งอยู่ในศาลาในสวน จ้องมองต้นไหมในสวนอย่างเหม่อลอย

ที่นั่นเป็นที่ที่ถิงเอ๋อร์โปรดปรานเป็นที่สุด เมื่อก่อนนางชอบนั่งบนเก้าอี้ใต้ต้นอัลบิเซีย หลับตาและพักผ่อน

แม้ว่าจะไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิงจริง ๆ แต่หลังจากตามหามานานแรมปี ค้นหาไปทั่วทั้งสี่แคว้นแล้วแต่ก็ยังไม่พบ เช่นนั้นจึงทำให้ทุกคนค่อย ๆ ยอมรับมัน

มีเพียงจวินหย่วนโยวเท่านั้นที่ยังไม่เคยลดละการตามหา เขาไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิง และยังเชื่อว่านางต้องรอเขาอยู่ที่ไหนสักแห่ง

………………………

สองปีต่อมา เผ่าหนึ่งในซีชาน

เด็กชายตัวเล็ก ๆ ผิวชมพูระเรื่อกำลังนอนถือขวดนมพิงแขนของหัวหน้าเผ่าดื่มนมพลางขานเรียกพ่อ น้ำเสียงเด็กน้อยไร้เดียงสาทำให้เขาหัวเราะลั่นออกมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ